อดีตรองอธิการมธ.ชำแหละ'ศาสดาเจียม'สารตั้งต้นมั่วคำวินิจฉัยศาลรธน. จนสามนิ้วตั้่งแต่'น.ศ.-ส.ส.'เอาไปมั่วตาม

‘รศ.หริรักษ์’ แย้ง ‘เจียม’มั่วคำวินิจฉัยศาลรธน. กลายเป็นสารตั้งต้นให้นักศึกษา ยันส.ส.สามนิ้วมั่วตาม ระบุ ข้อความที่ว่า “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เพิ่งจะมีขึ้นในรัฐธรรมนูญหลังการรัฐประหาร 2490 ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ 2475 ของคณะราษฎร

17 พ.ย.2564- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลโพสต์ใน fb ว่า ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธมมนูญมั่ว บอกว่าข้อความที่ว่า “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้นมีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2475 แต่ความจริงแล้วข้อความนี้ เพิ่งมีขึ้นในรัฐธรรมนูญหลังการรัฐประหาร 2490

ความจริงเห็นโพสต์นี้ของอ.สมศักดิ์หลายวันแล้ว ใจคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะผิดพลาดเช่นนี้ได้ แต่ไม่ได้อยากจะโต้แย้งอะไร แต่พอเห็นแถลงการณ์ของ 23 องค์กรนักศึกษาค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เหตุผลข้อหนึ่ง ได้นำเอาสิ่งที่ อ.สมศักดิ์โพสต์มาอ้างคือ

“ประการที่สาม ถ้อยวลีของคำว่า ‘ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ ในประเทศไทยนั้น ถูกปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 อันเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี พ.ศ. 2490 ดังนั้นเหตุผลการวินิจฉัยของศาลที่อ้างว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 ได้บัญญัติให้เรียกระบอบการปกครองว่า ‘เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจึงไม่อาจเชื่อถือได้”

วันต่อมายังได้เห็น นาย รังสิมันต์ โรม นำเหตุผลเดียวกันนี้ไปอ้างในการสนทนากับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในรายการของจอมขวัญ เพื่อจะบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญแค่นี้ยังอ้างผิด แล้วคำวินิจฉัยจะน่าเชื่อถือได้อย่างไร

เมื่อเห็นการทำงานกันเป็นขบวนการเชื่อมโยงกันเช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะต้องไปอ่านคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มดู ซึ่งก็มีข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐธรรมนูญ 2475 อยู่ 2 จุด

จุดที่ 1 มีดังนี้

“ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 เป็นการใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ พิจารณาเห็นว่าหลักการตามรัฐธรรมนูญรากฐานระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คุณค่าทางรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นแก่นของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประกอบด้วยคุณค่าสำคัญได้แก่

การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญหมวด 3 ทั้งนี้ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 มีการบัญญัติเรื่อยมาในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ”

จุดที่ 2 มีดังนี้

“โดยหลักการตามมาตรา 49 วรรคหนึ่งบัญญัติเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495มาตรา 35 และบัญญัติในทำนองเดียวกันในรัฐธรรมนูญทุกฉบับเป็นการวางหลักการเพื่อปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากภัยคุกคามอันเกิดจากการกระทำซึ่งเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในลักษณะมุ่งหมายให้กับกลาย และคุณค่าของรัฐธรรมนูญที่รองรับการดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีให้ล้มเลิกหรือสูญเสียไป”
ถ้าอ่านให้ดีจะเห็นว่า

จุดที่ 1 ศาลหมายถึง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยมีบัญญัติไว้ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 มิได้บอกว่า ข้อความว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีบัญญัติไว้ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบับ 2475

จุดที่ 2 ศาลบอกว่า หลักการตามมาตรา 49 วรรค 1 ซึ่งเป็นหลักการเกี่ยวกับการคุ้มครองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขบัญญัติไว้เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอานาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495 ซึ่งหมายถึงฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งตามข้อเท็จจริง ข้อความว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีการใช้เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบับ 2492 ร่างโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยม หลังจากพลโท ผิน ชุณหะวัณ ทำรัฐประหารในปี 2490 ต่อมาในปี 2494 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำรัฐประหารรัฐบาลตัวเอง จึงได้นำรัฐธรรมนูญฉบับ 2475 กลับมาใช้ ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2495 มิได้หมายถึงว่า มีข้อความว่า

” อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2475 แต่อย่างใด

ดังนั้นสรุปได้ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ผิดพลาด แต่อ.สมศักดิ์อาจอ่านและตีความผิดพลาด หลังจากนั้น การที่บรรดาสาวกนำการตีความนั้นมาใช้ในการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ จึงผิดพลาดเช่นเดียวกัน

นี่คือการทำงานที่สอดรับกันเป็นขบวนการ เมื่อหัวขบวนผิดพลาด หางขบวนจึงผิดพลาดเช่นเดียวกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หัวโต’ เบื่อฉิบหาย! หัวเขียงเพื่อไทย จะแก้กม.สกัดรัฐประหาร ชาติหน้าตอนบ่ายๆ

สืบเนื่องจากกรณี นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)จัดระเ

'ธนกร' ฟาด 'พิธา' หยุดโยงมั่ว ซัดพรรคการเมืองจะอยู่หรือตายเพราะทำตัวเอง

'ธนกร' ฟาด 'พิธา' ตรรกวิบัติ ชี้ พรรคการเมืองไม่ได้ตายด้วยองค์กรอิสระ แต่ตายเพราะทำตัวเอง ชี้ กกต.-ศาลวินิจฉัย ยึดตามข้อกฎหมาย เชื่อ ถ้าไม่ทำผิดก็ไร้โทษ จี้ หยุดพ่นหลักการพิษ โยงไกลถึงรัฐประหาร ทำปชช.สับสน ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศได้

ต้านส.ส.เพื่อไทยแก้ประมวลจริยธรรม เหตุนักการเมืองไทยหน้าด้านไร้จิตสำนึกเยอะ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า นักการเมืองไทยหน้าด้านเยอะควรมีประมวลจริยธรรมนักการเมือง?

'ศาสดาเจียม' ปลื้ม! ตัวเองโชคดีที่ไม่ได้เกิดในอเมริกา ไม่งั้นมีอาการบ้าตายแน่

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประ

การเมืองไทยเปลี่ยนไปแล้ว 'อดีต40สว.' ภูมิใจปชต.สุจริตกำลังจะเกิดขึ้น จากคำวินิจฉัยศาลรธน.

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา 1ใน 40 สว.ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน และนายพิชิต ชื่นบาน ให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี