15 พ.ย.2565 - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม ,นายสิริวิชญ์ หรือจ่านิวเสรีธิวัฒน์, นายปกรณ์ อารีกุล, นายอานนท์ นำภา, นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายศรีไพร นนทรี, นายธนวัฒน์ พรหมจักร, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ และเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง หรือ คดี ARMY57
เหตุชุมนุมและปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้ากองบัญชาการทัพบก ในวันที่ 24 มี.ค. 2561 ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ, ร่วมกันเดินขบวนขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้จำเลยทั้งสิบและทนายความได้ทยอยมาศาล พร้อมกับญาติและผู้ที่มาให้กำลังใจส่วนหนึ่งนั่งรออยู่ในห้องพิจารณา
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชนรายงาน ว่าวันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, พ.ร.บ.จราจรทางบก และพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ แต่ลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง ลงโทษปรับคนละ 200 บาท
โดยสรุประบุว่า ในคดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของของจำเลยทั้งสิบเป็นความผิดหรือไม่ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันที่ 19 มี.ค. 2561 ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้ทำการยื่นแจ้งจัดการชุมนุมสาธารณะ และการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงต่อผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม โดยระบุสถานที่จัดการชุมนุมคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก่อนจะมีการเคลื่อนขบวนไปตามถนนราชดำเนินกลาง ราชดำเนินใน และราชดำเนินนอก ไปสิ้นสุดที่กองบัญชาการกองทัพบก เจ้าพนักงานที่รับแจ้งการชุมนุมได้กำหนดเงื่อนไขว่าผู้จัดการชุมนุมต้องควบคุมการชุมนุมไม่ให้กีดขวางประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะและกีดขวางการจราจร ต้องไม่เคลื่อนขบวนระหว่างเวลา 18.00 – 06.00 น. และต้องเลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่กำหนด
ในวันเกิดเหตุ 24 มี.ค. 2561 จำเลยทั้ง 10 ได้มาร่วมชุมนุมในที่เกิดเหตุ รวมถึงมีการขึ้นรถกระบะสลับกันกล่าวถ้อยคำปราศรัย โดยเนื้อหาการปราศรัยเกี่ยวกับความสำคัญของการเลือกตั้ง และเรียกร้องไม่ให้มีเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและการนำสืบพยาน เห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปอย่างสงบสันติ ไม่มีความรุนแรง หรือพฤติกรรมยุยงปลุกปั่น เป็นการกระทำซึ่งเป็นวิถีในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นการชุมนุมตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญและสิทธิพลเมือง เห็นว่าไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ในส่วนของประเด็นการกีดขวางทางจราจร ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวประมาณ 300 คน แม้ประชาชนบางส่วนลงไปบนพื้นผิวจราจรบ้าง แต่ไม่ได้สร้างความรบกวนถึงขั้นเดือดร้อนต่อผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของการชุมนุม นอกจากนี้จำเลยทั้งสิบไม่ได้มีเจตนาจะกีดขวางทางจราจร รวมถึงไม่มีผู้ใดมาแจ้งความว่าได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมดังกล่าวแต่อย่างใด
ในเรื่องการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ขณะที่กลุ่มจำเลยและผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสกัดกั้นขบวนของผู้ชุมนุม จึงทำให้ไม่สามารถเลิกการชุมนุมภายในเวลาที่กำหนด ทางฝั่งโจทก์ไม่ได้มีหลักฐานมาแสดงและโต้แย้งในประเด็นนี้ ศาลจึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
ข้อหาตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จะมีตัวแทนมายื่นหนังสือขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม แต่ไม่ได้มีการยื่นหนังสือขออนุญาตกับเจ้าพนักงานเขตท้องที่ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแต่อย่างใด เมื่อไม่ปรากฎว่ามีการแจ้งขออนุญาตดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดความฟ้อง
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน ยังรายงานอีกว่า สำหรับมูลเหตุแห่งคดีนี้เริ่มจาก กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จัดการชุมนุมเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดการเลือกตั้งภายในปี 2561 พร้อมเรียกร้องให้ยุติการสืบทอดอำนาจ โดยมีการจัดกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างน้อย 6 ครั้ง ตลอดครึ่งปี 2561 นำไปสู่การถูก คสช. กล่าวหาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการชุมนุม #ARMY57 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจัดกิจกรรม “รวมพลถอนราก คสช.” เดินขบวนไปชุมนุมหน้ากองทัพบก ต่อมามีผู้ชุมนุมถูกกล่าวหาดำเนินคดีรวม 57 คน แยกเป็นสองคดี ได้แก่ คดีของผู้ชุมนุม และคดีของแกนนำ
ในส่วนของคดีผู้ร่วมชุมนุม 46 คน ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องจำเลย 45 คน ยกเว้น น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ซึ่งศาลเห็นว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ในฐานะผู้จัดการชุมนุม แต่ไม่สามารถดูแลการชุมนุมให้เลิกภายในเวลาตามที่แจ้งไว้ได้ และไม่สามารถควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เดินบนพื้นผิวการจราจรได้ แต่ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คดี และศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา โดยให้ยกฟ้องชลธิชาไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565
คดีชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องแทบทั้งหมด โดยเฉพาะคดีของแกนนำ ที่ถูกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 116 ศาลยกฟ้องทั้งคดี MBK39, RDN50 และคดี ARMY57 นี้ โดยยังเหลือคดี UN62 ที่ยังอยู่ระหว่างการสืบพยานในศาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท
ด่วน! ศาลอาญาพิพากษาประหาร 'แอม ไซยาไนด์'
ด่วน! ศาลอาญาประหาร ‘แอม ไซยาไนด์’วางยาฆ่าก้อย ส่วนอดีตสามีนายตำรวจ และทนายพัช ใส่สารไซยาไนด์โดนคุก2 ปี
ม็อบบุกแบงก์ชาติ ยื่นอีก 5 หมื่นชื่อ ขวางการเมืองจุ้นเลือก 'ปธ.บอร์ด'
คปท. ศปปส. และกองทัพธรรม เดินทางมาชุมนุมหน้าแบงก์ชาติ เพื่อคัดค้านไม่ให้การเมืองเข้าแทรกแซงครอบงำ ธปท.
เต้น เล่าสมัยรุ่งเรืองโดน ’พธม.’ ปิดล้อม จนเป็นโฆษกนอกทำเนียบ บอกผ่าน 16 ปี กลุ่มเดิมยังโจมตีรัฐบาลอยู่
นายกฯแพทองธารกำลังจะออกเดินทางไปประชุมเอเปกที่เปรูคืนนี้ ทำให้ผมนึกย้อนหลังเหตุการณ์ไป 16 ปี 20 พ.ย. 2551
เอาแล้ว! นัดรวมพลหน้าแบงก์ชาติ 4 พ.ย.ต้าน ‘เสี่ยโต้ง’ ยึดธปท.
นัดรวมพลหน้าแบงก์ชาติจันทร์นี้ ต้าน'เสี่ยโต้ง'ยึดธปท. ประชาชนลงชื่อเกือบห้าพัน เตือนหากปล่อยให้การเมืองครอบงำธปท.กรรมการสรรหาประธานบอร์ดฯ ต้องรับผิดชอบ
เกาะกูดเดือด 'คปท.' นัด 5 พ.ย. รวมพลคนคลั่งชาติ ต้านผลประโยชน์ทับซ้อน
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า จะเชื่อได้ไหม