ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 'เเอมมี่' คดีสาดสีใส่ตำรวจ

แฟ้มภาพ

10 พ.ย.2565 - ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อเวลา 09.00 น. ศาลแขวงดุสิตนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ The Bottom Bluesศิลปินแนวร่วมราษฎร ถูกกล่าวหาจากการ สาดสีใส่ตำรวจที่หน้า สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 หรือกว่า 2 ปีมาแล้ว

คดีนี้ศาลแขวงดุสิตได้มีคำพิพากษาตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 โดยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด 3 ข้อหา ได้แก่ ทําร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391, ทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และ “ทำให้ปรากฏซึ่งรูปรอยใดๆ บนถนนหรือที่สาธารณะ ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 12 ลงโทษจำคุก 4 เดือน ปรับ 40,000 บาท ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยให้รายงานตัวคุมประพฤติ 1 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ประเด็นที่ทนายจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีใจความโดยสรุปว่า จำเลยเคยให้การรับสารภาพ รวมถึงฝั่งโจทก์ไม่ติดใจเอาความและจ่ายค่าปรับแล้ว จึงอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ รวมถึงการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวที่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลควรใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักสุดลงโทษ

โดยวันนี้ที่ห้องพิจารณา 501 นายไชยอมรหรือแอมมี่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับมารดาและทนายความ ก่อนที่ศาลจะออกนั่งอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

โดยคำพิพากษาสรุประบุว่า ในคดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการกระทำครั้งเดียวและกระทำในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่มีเจตนาทำร้ายร่างกายตำรวจ รวมถึงทำลายทรัพย์สินส่วนตัวและสาธารณะให้เกิดความเสียหาย การลงโทษทุกบทจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ที่สำคัญการสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนชุดของเจ้าหน้าที่รัฐเกิดความเสียหาย ถือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตราย พฤติการณ์ร้ายแรง และเป็นการก่อความวุ่นวายต่อบ้านเมือง

อีกทั้งจากรายงานการสืบเสาะยังปรากฏว่า จำเลยยังถูกกล่าวหาในคดีอื่นๆ อีกหลายคดี สมควรแก่การลงโทษแล้ว พิพากษายืน

หลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสร็จสิ้นแล้ว นายไชยอมรหรือแอมมี่ ได้บอกเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์สั้น ๆ ว่า วันนี้ คิดไว้อยู่แล้วว่าคงไม่กลับคำพิพากษา เพราะเป็นคดีการเมือง แต่ที่ยื่นอุทรณ์ไปเพราะเพื่อว่าจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอะไรได้”

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 กลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่ได้รับหมายเรียกจากการเข้าร่วมชุมนุม #เยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 รวม 15 ราย ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.สําราญราษฎร์ และได้มีมวลชนไปรวมตัวให้กำลังใจ แต่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังรอบพื้นที่พร้อมแผงเหล็กกั้นถึงสองชั้น ไม่ให้ประชาชนที่มาให้กำลังใจเข้าไปในพื้นที่หน้า สน. ก่อนผู้ชุมนุมจะพยายามดันแผงเหล็กเข้าไป และไชยอมรได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยใช้ถังสีพลาสติก สีน้ำเงินสาดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนประชาชนสามารถเข้าไปยืนบริเวณลานจอดรถใต้ถุน สน.สำราญราษฎร์

ในช่วงการนัดพร้อมคดี จําเลยได้ยอมรับสารภาพในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ก่อนจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ตำรวจ 10 นาย คนละ 5,000 บาท อันเป็นค่าเสียหายในส่วนของเครื่องแบบตํารวจที่ถูกสาดสีใส่ ด้านผู้เสียหายทั้ง 10 รายแถลงไม่ติดใจเอาความ

ในขณะที่ ส.ต.ท.ยุทธชัย ศรีพรม ตำรวจที่เป็นผู้เสียหายที่ 8 แถลงว่า ไม่ติดใจเอาความกับจําเลยในความผิดฐาน ทําร้ายร่างกาย เช่นกัน หลังอ้างว่าจำเลยได้ใช้มือผลักข้ามแผงเหล็กไปถูกมือของตน ขณะที่แอมมี่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่เป็นเพียงเหตุชุลมุนระหว่างเหตุการณ์ ไม่ได้ตั้งใจผลักแผงเหล็กไปโดนตำรวจ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฉยับ! มือปาระเบิด หลอกขายเสื้อให้กลุ่มสามนิ้วโง่ๆ ได้เงินแล้วไม่ส่งสินค้า โดนกันเพียบ

น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้ แนวร่วมม็อบสามนิ้ว จำเลยในความผิดฐานหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ "

นี่ไง! 'รังสิมันต์ โรม' ยกคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ เห็นต่างทางความคิดก็ติดคุก แล้วจะปรองดองกันได้ยังไง

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ (X) ระบุว่า การที่วันนี้ยังมีคนเข้าสู่เรือนจำเรื่อยๆ จากการเห็นต่างทางความคิด