'นักวิชาการอิสระ' ชมผู้นำ จีน-รัสเซีย ปราบคอร์รัปชันจนมาเฟียย้ายประเทศ ตรงข้ามผู้นำไทย

'กมล' ชมผู้นำจีน-รัสเซีย ทำสงครามปราบคอร์รัปชันทำให้มาเฟียต้องย้ายประเทศไปทำธุรกิจในประเทศอื่นๆทั่วโลกที่มีรัฐย่อหย่อนรับสินบน รวมทั้งไทย เหน็บผู้นำและนโยบายเช่นนี้คงไม่ได้เห็นและไม่เกิดในประเทศไทย

9 พ.ย.2565 - นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง สงครามการปราบคอร์รัปชั่นในจีนและรัสเซียทำให้มาเฟียต้องย้ายประเทศ มีเนื้อหาดังนี้

ผู้นำที่ดีต้องทำตัวเป็นเป็นตัวอย่าง และมีความจริงใจที่จะทำ ไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วปล่อยปละละเลยปัญหาคอรัปชั่นที่กัดกินบ่อนทำลายชาติและสังคมให้ดำรงอยู่จนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม เช่นในประเทศไทย

สำนักข่าว NPR ของอเมริการายงานว่า ประธานาธิบดี ฉี จิ้นผิง ได้ริเริ่มนโยบายปราบปรามคอร์รัปชั่นอย่างทั่วด้านทั่วประเทศทั้งในและนอกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ด้วยมาตรการที่เรียกว่า Saohei chu'e ซึ่งแปลว่า “การกวาดสีดำ และกำจัดความชั่วร้ายให้หมด”

นโยบายนี้มาตั้งแต่ปี 2018 และจะใช้ตลอดไป

ตั้งแต่ประธานาธิบดี ฉี จิ้นผิง ดำเนินนโยบายนี้ รัฐบาลจีนได้กวาดล้างเครือข่ายมาเฟียของผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ ข้ารัฐการ และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ไปแล้วกว่า 4 หมื่นเครือข่าย และจับเจ้าหน้าที่ หรือข้ารัฐการของรัฐบาล และสมาชิกพรรคไปแล้วอีกกว่า 5 หมื่นคน

มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง และสมาชิกพรรคระดับสูง เช่น ผ.บ. ตำรวจของมณฑลเชี่ยงไฮ้ ก็ถูกจับและยึดทรัพย์ และมีหลายคดีถูกศาลสั่งประหารชีวิตไปหลายคนแล้ว

มีนักธุรกิจจำนวนมาก เช่น นาย Zhang Zhixiong's เจ้าของเหมืองอาลูมิเนียมและ บอ๊กไซท์ ในมณฑล Shanxi province. และญาติพี่น้อง 24 คนถูกจับด้วยข้อหาทำเหมืองอย่างผิดกฎหมายและใช้อิทธิพลสร้างเครือข่ายทำธุรกิจผิดกฎหมายอีกมากมาย

ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

นโยบายนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ ฉี จิ้นผิง ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3

ถ้ามีผู้นำที่ดีเช่นนี้ ก็น่าอยู่หรอก ครับ ที่จะเลือกให้อยู่ต่อได้หลายสมัย ไม่ใช่เวียนเทียนเปลี่ยนกันเข้ามาคอรัปชั่น

หรืออยู่ในอำนาจแล้วมีแต่การคอรัปชั่นเต็มบ้านเต็มเมืองทั้งการคอรัปชั่นทางตรง และคอรัปชั่นทางนโยบาย การคอรัปชั่นของลูกน้อง พี่น้อง คนรอบข้าง บ้านเมืองไร้ความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ พึ่งพากระบวนการยุติธรรมและศาลไม่ได้

นโยบายนี้ ทำให้เหล่าเครือข่ายมาเฟียจีนและคนร้ายไม่มีที่ยืนในประเทศจีน เพราะมีโทษหนักขั้นประหารชีวิต หรือติดคุกโดยไม่มีการลดหย่อนโทษแบบประเทศไทย

ผู้ร้ายเหล่านี้จึงอพยพโยกย้ายทำธุรกิจในประเทศอื่นๆทั่วโลกที่มีรัฐบาลและข้ารัฐการย่อหย่อนรับสินบน ทำให้ทำธุรกิจมืดได้ง่าย

มาเฟียรัสเซียกระจายไปหากินในยุโรป ในตุรกี และอัฟริกา

มาเฟียจีนกระจายมาหากินในประเทศอาเซียน เช่น กัมพูชา มาเลเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และไทย เช่น

ตัวอย่างข้างต้น ประธานาธิบดีปูตินก็ได้ใช้นโยบายนี้เช่นเดียวกัน

เราจึงเห็นมาเฟียและคนร้ายจีน และรัสเซียย้ายไปตั้งหลักปักฐานทำความชั่วร้ายในประเทศอื่นๆ เข่นการตั้งบ่อนและ คอลเซนเตอร์ การตั้งศูนย์แฮกข้อมูลทางการเงิน ฯลฯ

ที่พัทยา แลภูเก็ตก็มีมาเฟียรัสเซียไปปักหลักทำมาหากินอยู่ไม่น้อย

ในการประชุมพรรคครั้งล่าสุด ประธานาธิบดี ฉี จิ้นผิงได้ตอกย้ำนโยบายนี้และผลักดันกฎหมายต่างๆทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นให้ออกมารองรับนโยบายนี้ เช่น การยึดทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจะถูกยึดเข้าเป็นของรัฐทั้งหมดอย่างไม่มีการยกเว้น ด้วยคำขวัญ ว่า

“การกวาดสีดำ และกำจัดความชั่วร้ายให้หมดจากสังคม”

ผู้นำและนโยบายเช่นนี้คงไม่ได้เห็น และไม่เกิดในประเทศไทย แต่อย่างน้อยก็ให้รับรู้ว่า ผู้นำที่ดีและนโยบายที่ดีก็มีอยู่ในโลก และเป็นเรื่องที่ทำได้ ถ้าต้องการทำจริง หรือทำให้เกิดขึ้นจริง

เพิ่มเพื่อน