ชำแหละ! ทำไม 'ก้าวหน้า-ก้าวไกล' ไม่ลดละยกเลิก 112

24 ต.ค. 2565 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พรรคก้าวไกล (คณะก้าวหน้า) ได้ประกาศชัดว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะดำเนินการให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ต้องโทษคดีการเมือง และคดี 112 และจะให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ด้วย

การที่พรรคก้าวไกลประกาศเช่นนี้ ชัดเจนว่ากำลังใช้ยุทธศาสตร์แบบโฟกัส คือเลือกเน้นกลุ่มคนที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์และกลุ่มคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่สนใจกับคะแนนเสียงของคนที่ยังเห็นความสำคัญและยังเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคงคำนวณแล้วว่าคนกลุ่มแรกมีมากพอที่จะทำให้เขาได้ร่วมเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า การคำนวณจของพรรคก้าวไกลจะถูกต้องหรือไม่ จะต้องคอยติดตามดูผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงจะทราบได้

ทันทีทันใด คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีวันแตะต้องมาตรา 112 และจะขัดวางคัดค้านจนถึงที่สุด ต่อจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐก็เรียงหน้าออกมาประกาศจุดยืนเช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ในขณะที่พรรคเพื่อไทยยังแทงกั๊ก คงจะกลัวไม่ได้คะแนนเสียงจากพวกที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแต่ออกมาประกาศจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยด้วยสาเหตุที่ใครๆ ก็รู้ว่ายากที่จะเป็นไปได้หากใช้ข้อกล่าวหาตามที่ประกาศ คือเรื่องการหาเสียงหลอกลวงเรื่องกัญชาเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครอง ซึ่งผู้นำพรรคเพื่อไทยก็น่าจะทราบดี แต่ที่ทำเช่นนั้นคงเป็นเพราะต้องการจะทำให้ ส.ส. เพื่อไทยที่กำลังจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยเกิดความลังเลบ้างเท่านั้น

กลับมาที่พรรคก้าวไกล เคยลองคิดดูบ้างหรือไม่ว่า เพราะเหตุใดคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลจึงยังคงดึงดัน ไม่ยอมหยุดหรือแม้กระทั่งชะลอเรื่องความพยายามเพื่อแก้ไข หรือที่ต้องการจริงๆ คือการยกเลิกมาตรา 112 ยังคงพยายามต่อเนื่องและใช้ทุกโอกาสที่มีที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะกัดแบบไม่ปล่อยเพียงเพราะมีความเห็นอย่างจริงใจว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น คงต้องมีจุดหมายอะไรมากกว่านั้น

หลังจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เป็นต้นมา เราได้เห็นการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ในรูปแบบต่างๆ จากนักวิชาการอิสระ อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์การนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ลงไปจนถึงระดับโรงเรียน รวมทั้งสำนักข่าวหลายสำนัก การล้อเลียน เสียดสี ย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกโอกาสที่คนเหล่านี้จะทำได้

นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่เชื่อได้ว่าขบวนการนี้ได้มีการวางแผนและดำเนินการมาเป็นเวลานาน จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการครอบงำความคิดคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ เมื่อคนเหล่านี้ได้ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พวกเขาก็จะไปครอบงำบ่มเพาะความคิดนิสิตนักศึกษา จัดตั้งกลุ่มการเมืองในสถาบันการศึกษาให้ลงเลือกตั้งเป็นนายก เป็นกรรมการองค์การนิสิตนักศึกษา สภานิสิตนักศึกษา เพื่อเคลื่อนไหวตามแนวทางข้างต้น

ช่องทางที่เข้าไปเป็นอาจารย์ที่ง่ายที่สุดคือ เป็นอาจารย์พิเศษ เพราะปัจจุบัน มหาวิทยาลัยต่างๆ มีหลักสูตรพิเศษ และหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษที่ต้องใช้อาจารย์พิเศษเป็นจำนวนมาก การเชิญอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยหรือแม้กระทั่งระดับคณะส่วนใหญ่ค่อนข้างหละหลวม ไม่ได้มีการคัดเลือกหรือ screen อย่างเข้มงวดแต่อย่างใด การเชิญอาจารย์พิเศษจึงเป็นอำนาจของอาจารย์ผู้บริหารหลักสูตร และมักไปเชิญผู้ที่ทำงานอยู่ในสาขาที่ตรงกับหลักสูตรที่เปิดสอนให้มาสอนแบบทั้งวิชา มองแต่ประสบการณ์ทำงาน ซึ่งอาจารย์พิเศษจำนวนมากเหมาะที่จะเป็นผู้ที่ได้รับเชิญมาเล่าประสบการณ์เป็นครั้งคราวมากกว่าที่จะเป็นผู้สอนเต็มวิชา เพราะส่วนใหญ่ขาดทฤษฎีมีแต่ประสบการณ์ ตรงนี้จึงเป็นช่องโหว่ที่จะส่งคนเข้ามาเป็นอาจารย์พิเศษได้ไม่ยาก ยิ่งอาจารย์ผู้บริหารหลักสูตรอยู่ในขบวนการนี้ด้วยยิ่งเป็นโอกาสที่จะดำเนินการตามขบวนการนี้ได้อย่างสะดวก

เมื่ออาจารย์ครอบงำนิสิตนักศึกษา นิสิตนักศึกษาที่รับการครอบงำเมื่อจบไป ไปเรียนต่อ กลับมาเป็นอาจารย์มหาวิยาลัย กลับมาเป็นครู ก็มาครอบงำนักเรียน นิสิตนักศึกษารุ่นต่อๆ มา คนรุ่นต่อๆ มาก็จะถูกบ่มเพาะให้มีความคิดแบบเดียวกัน

มาถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า ขบวนการดังกล่าวเกิดประสิทธิผลไม่น้อย เราจึงได้เห็นสื่อที่ใช้โอกาสต่างๆ เปิดช่องให้คนที่มีความคิดดังกล่าวเข้ามาแสดงความคิดเห็นลบหลู่ โจมตีสถาบัน เราจึงได้เห็นม็อบที่ล้อเลียน กระทำการจาบจ้วง เย้ยหยัน พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์กันอย่างสนุกสนาน เราจึงได้เห็นผู้นำนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ใช้องค์กรที่ตัวเองบริหารอยู่ดำเนินการตามขบวนการ ล่าสุดที่เราเห็นก็คือ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งคงไม่ได้ทำเพื่อความความสนุกสนานสะใจเท่านั้น แต่คงต้องมีจุดหมายบางอย่างที่ต้องไปให้ถึง

นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ไม่เคยลดละ ล้มเลิก หรือชะลอความพยายามที่จะยกเลิกมาตรา 112 ส่วนใครคือผู้ที่บงการจริงๆ และให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ได้ แต่ที่เราสงสัยกันว่า สหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้ประเทศเราไปอยู่ข้างจีน จึงพยายามที่จะสนับสนุนให้พรรคการเมืองที่อยู่ข้างสหรัฐอเมริกาให้ขึ้นมามีอำนาจบริหารประเทศ และอย่างน้อยพยายามลดบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ลง หรือจะสะดวกยิ่งกว่าคือไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเลย

แรกทีเดียวเมื่อได้ทราบว่ามีคนคิดแบบนี้จำนวนไม่น้อย ก็ยังเห็นว่าน่าจะเป็นความคิดแบบทฤษฎีสมคบคิดหรือ conspiracy theory แต่เมื่อได้เห็นพฤติกรรมของท่านเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศไทยหลายท่านในระยะหลังๆ และได้เห็นท่าทีของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อจีน ก็ทำให้เรื่องนี้น่าเชื่อมากยิ่งขึ้น ยิ่งเวลายิ่งผ่านไปยิ่งมีความเชื่อมากขึ้น จนถึงปัจจุบันรู้สึกว่า ความเชื่อใกล้จะ 100% แล้วครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง

ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล

ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"