‘อดีตรองอธิการ มธ.’ ตอก ‘ธนาธร’ ดันนิรโทษกรรม บิดเบือนมาตรา 112 ชำแหละความจริง ‘บันได 3 ขั้น’ เพื่อใครกันแน่
14 ต.ค. 2565 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”
ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกี่ชาติ คุณธนาธรถึงจะเลิกบิดเบือนจุดมุ่งหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เสียที
ล่าสุดที่คุณธนาธรไปร่วมเสวนาในหัวข้อ “ความยุติธรรมในยุคเปลี่ยนผ่าน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการ 6 ตุลา เผชิญหน้าปีศาจ และใช้หัวข้อที่ตัวเองพูดว่า “นิรโทษกรรม-ปฏิรูปสถาบัน-ICC บันได 3 ขั้นสู่การคืนความยุติธรรมในยุคเปลี่ยนผ่าน”
ยังคงพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า “รัฐจะต้องคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เห็นต่าง เพื่อให้สังคมก้าวไปข้างหน้าได้ หลุดพ้นจากวังวนความขัดแย้ง แตกแยกเกลียดชังไม่สิ้นสุด”
ผู้ที่ถูกดำเนินคดีเพราะทำความผิดตามมาตรา 112 ไม่ใช่เป็นเพียงผู้เห็นต่าง แต่พวกเขาทำมากกว่านั้นมาก นอกจากกระทำการอันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาตรร้ายพระมหากษัติริย์แล้วยังกระทำการอันถือได้ว่าเป็นความพยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 49 อีกด้วย
รัฐธรรมนูญมาตรา 49 บัญญัติว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้”
คุณธนาธรต้องการให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองทั้งหมดที่ต้องโทษนับตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องการให้นิรโทษกรรมผู้ที่ต้องโทษตามมาตรา 112 ทั้งหมด โดยพยายามไปโยงกับเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งตัวเองก็ยังไม่เกิด ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา นักศึกษาถูกป้ายสีให้เป็นคอมมิวนิสต์ มีการบ่มเพาะให้คนเกลียดชังนักศึกษา สุดท้ายแม้แต่วัดในกรุงเทพฯ ยังไม่รับเผาศพพวก “ล้มเจ้า”(เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน) ซึ่งความจริงเหตุการณ์ 6 ตุลา แตกต่างกับเหตุการณ์ 14 ตุลาอย่างมาก เหตุการณ์ 14 ตุลา เกิดจากพลังบริสุทธิ์ที่ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ (ของจริง) เหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาโดยใช้ประชาชนซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ และต้องยอมรับว่า นักศึกษาจำนวนหนึ่งได้รับการจัดตั้งโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจริง คุณสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม เคยพูดออกอากาศหลายครั้งว่า ตัวเองก็ถูกจัดตั้งโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ดังนั้นจะว่าเป็นการป้ายสีทั้งหมดก็คงไม่ใช่
เหตุการณ์ 6 ตุลา การ “ล้มเจ้า” ไม่ใช่เรื่องหลัก เรื่องหลักคือ มีขบวนการที่ขับเคลื่อนโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่จะหาโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ โดยการจัดตั้งนิสิตนักศึกษาที่มีอุดมการณ์เดียวกันช่วยขับเคลื่อน ฝ่ายขวาที่ไม่ต้องการระบอบคอมมิวนิสต์ จึงพยายามต่อต้านด้วยการจัดตั้งกลุ่มการเมืองต่างๆขึ้น เช่น กลุ่มวิทยุยานเกราะ กลุ่มนวพล กลุ่มกระทิงแดง และกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน ต่อสู้กับฝ่ายซ้าย ต่างฝ่ายต่างดึงมวลชนให้อยู่ฝ่ายตนเอง และก็เป็นที่ทราบกันดีว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจริง สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะดำรงอยู่ไม่ได้ ข้อความว่า “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” จึงเกิดขึ้นจากฝ่ายขวาในยุคนี้
คุณธนาธรยังเปรียบเทียบข้อเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมของตนเองกับคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ซึ่งนำไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ที่หนีเข้าป่าไปจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำนองว่าขนาดเกลียดชังแตกแยกกันขนาดนั้นก็ยังนิรโทษกรรมได้ แต่คุณธนาธรคงไม่ทราบหรอกว่า ต้นกำเนิดของคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 มาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ในขณะที่ฝ่ายทหารหมกมุ่นอยู่กับการหายุทธวิธี และจัดหาอาวุธทันสมัยเพื่อรบเอาชนะกองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเรียกนายกรัฐมนตรี และผู้นำกองทัพเข้าเฝ้าฯ และรับสั่งว่า การต่อสู้กันด้วยอาวุธน่าจะเป็นการเดินผิดทางเสียแล้ว พระองค์จึงทรงมอบหมายให้ผู้ที่เข้าเฝ้าไปช่วยกันคิดว่า จะเอาชนะ พคท. ได้อย่างไรโดยไม่ต้องใช้อาวุธ นี่คือที่มาของคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 และการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เรื่องนี้ใครไม่เชื่อให้ไปถาม พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ดูก็ได้
การนิรโทษกรรมเป็นบันไดขั้นที่ 1 บันไดขั้นที่ 2 คุณธนาธรบอกว่า ด้วยความห่วงใยต่อสถาบันกษัตริย์เพราะมีผู้ที่ตั้งคำถามถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ และคิดว่าการปกครองระบอบสาธารณรัฐอาจเป็นระบอบที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย คนเหล่านี้ไม่ควรต้องถูกฆ่า ไม่ควรต้องถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร เพราะฉะนั้นการพูดถึงประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต้องเป็นเสรีภาพที่ทำได้ ปัจจุบันถ้าพูด 1 คนจะติดคุกคนเดียว ถ้าพูด 10 คน จะติดคุก 10 คน แต่ถ้าพูดพันคน หรือหมื่นคน จะไม่มีใครต้องติดคุกแม้แต่คนเดียว
ความหมายคือ ต้องการให้ยกเลิกมาตรา 112 นั่นเอง แต่คุณธนาธรต้องพยายามเข้าใจเสียทีว่า การพูดถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น มีความเห็นว่าบทบาทพระมหากษัตริย์ควรเป็นอย่างไร พระราชอำนาจควรมีมากน้อยเพียงใด ไม่ได้มีอะไรที่ขัดกับมาตรา 112 เลย แต่การหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ย่อมทำไม่ได้เพราะขัดต่อมาตรา 112 ไม่ใช่ทำกับพระมหากษัตริย์ไม่ได้เท่านั้น ทำกับคนทั่วไปก็ไม่ได้ เพราะจะขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 แตกต่างกันเพียงหากทำกับพระมหากษัตริย์มีระวางโทษสูงกว่าเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากยกเลิกมาตรา 112 และมีการนิรโทษกรรมผู้ต้องคดีทั้งหมด พวกนี้จะออกมากระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กันมากและหนักข้อขึ้นกว่าเดิม คนไทยส่วนใหญ่ต้องการเช่นนั้นหรือ
บันไดขั้นที่ 3 คุณธนาธรกลับเห็นว่า ชนชั้นนำที่ดำเนินคดีกับคนที่คุณธนาธรใช้คำว่า “เห็นต่าง” คืออาชญากร ที่ต้องได้รับโทษ และถ้ากระบวนการภายในไม่สามารถจัดการได้ ก็ให้รัฐบาลชุดต่อไป เร่งให้สัตยาบันอยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC)
คุณธนาธรถึงกับต้องการเอาคนไทยไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ เพียงเพราะเขาทำตามกฎหมายแต่ไม่ถูกใจคุณธนาธรอย่างนั้นเลยหรือ
ยิ่งกว่านั้น การพูดที่บอกว่า หากคนพันคน หมื่นคนออกมาพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่มีใครต้องติดคุก เท่ากับเป็นการยุยง เป็นการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งต้องขอบอกว่า หากพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสร้างสรรค์ ย่อมไม่มีใครต้องติดคุก แต่หากกระทำการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ทำพันคนก็ต้องติดคุกพันคน ทำหมื่นคนก็ต้องติดคุกหมื่นคนอย่างแน่นอน
สุดท้าย วันนี้เป็นวันที่ 14 ตุลาคม ใคร่ขอคารวะต่อผู้ที่มีบทบาท ผู้ที่ร่วมชุมนุม รวมทั้งดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 มา ณ ที่นี้ ด้วยความสำนึกขอบคุณอย่างสูง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ธนกร' ดีดปาก 'ปิยบุตร' เลิกเสี้ยมปม กม.จัดระเบียบกลาโหม
'ธนกร' สวน 'ปิยบุตร' หยุดเสี้ยมปม กม.จัดระเบียบกลาโหม ยัน สส.ฟังเสียงประชาชน ปัดมีใบสั่งจากชนชั้นนำ ย้ำชัด กองทัพเป็นความมั่นคงของชาติทุกมิติ ชี้หากทำผิดก็อยู่ยาก ป้องกันรัฐประหารไม่ได้
'วิสุทธิ์' ป้องยิ่งลักษณ์ หยุดตีปลาหน้าไซนิรโทษกรรม
'วิสุทธิ์' ขอ อย่าโยง 'เพื่อไทย' ดัน 'กม.นิรโทษกรรม' เพื่อ 'ยิ่งลักษณ์' บอก มีกฎหมายเพื่อ ประชาชนกว่า 20 ฉบับในสมัยประชุมนี้
'เพื่อไทย' เดินหน้าเต็มสูบ 'นิรโทษกรรม' งัดข้อประชามติชั้นเดียว
'ชูศักดิ์' เผย 'เพื่อไทย' จ่อเข็น 'กม.นิรโทษฯ' ถกพร้อมร่างอื่น พ่วงเดินหน้า 'กม.ประชามติ' แนะ 'ประธานสภาฯ-วิป' เร่งหารือแนวทาง 'แก้ รธน.' เหตุ อาจเสียเวลาเปล่า
ปลุกรุมบี้ 'รัฐบาลอิ๊งค์' ส่งศาล รธน. ชี้ขาด 'MOU 44'
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่านที่ได้อ่านโพสต์ที่แล้วของผม คงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไป
'อ.หริรักษ์' สรุปข้อเท็จจริง MOU 44 ที่ทุกคนควรรู้ ทั้งเสียงคัดค้าน-ฝ่ายรัฐบาล
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
ศาลสั่งคุก 'อานนท์ นำภา' 2 ปี ผิด ม.112-พรบ.คอมพ์ รวมโทษจำคุก 5 คดี กว่า 16 ปี
ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำอ.1395/2565 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำม็อบราษฎรในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินีฯ มาตรา 112