โดนแล้ว! คุกไม่รอลงอาญา 'แก๊งคนไทยยูเค' ปั่นเฟคนิวส์หา 'บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม' ซื้อดาวเทียม

12 ต.ค.2565 - ห้องพิจารณา 714 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำอ.498/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุทัศน์ ประตัง นายสมบัติ ชมโฉม นายยอด ลาโสภา กับพวกรวม 11 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ฯลฯ

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 4 -10 มิ.ย.2561นางวัฒนา เอ็มเบจช์ ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ"khonthaiuk" โพสต์ภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และภาพพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม (ขณะนั้น) พร้อมบรรยายประกอบภาพเกี่ยวกับการจัดซื้อดาวเทียมมูลค่า 9.12 หมื่นล้านบาททำนองว่า ซื้อมาเพื่อใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน และหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อดาวเทียมดังกล่าว รวมทั้งข้อความ คสช.รัฐบาลเถื่อน ขายชาติ ตัวเจริง และข้อความอื่น ซึ่งล้วนเป็นข้อความอันเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้ว กระทรวงกลาโหมไม่มีโครงการจัดซื้อดาวเทียมมาเพื่อละเมิดสิทธิประชาชน รวมทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีสถานะถูกต้องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ข้อมูลดังกล่าวได้สร้างความสับสนเข้าใจผิดแก่ประชาชน จนอาจเป็นช่องว่างให้มีผู้เข้าใจผิดร่วมกันสร้างแนวร่วมต่อต้านรัฐบาล

ต่อมาจำเลยทั้ง21 คนได้คัดลอกข้อความและภาพของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร เผยแพร่(แชร์)โดยประการที่จะสร้างความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

เหตุเกิดที่เมืองใดไม่ปรากฏชัด เหตุเกิด แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน

โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่า เหตุที่แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความ เนื่องจากเห็นว่ามีที่มาจากสำนักข่าว และการจัดซื้อดาวเทียมใช้เงินภาษีของ ประชาชนจึงเป็นประเด็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่า เพราะเหตุที่การจัดซื้อดาวเทียมใช้เงินภาษีของประชาชน และเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อ สาธารณะในการตรวจสอบจึงได้แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความออกไป ทั้งๆที่หากจำเลยที่ 1 ได้อ่านข่าวของสำนักข่าวสดที่มีการแนบเว็บไซต์มาด้วย ตามที่จำเลยที่ 1 เบิกความเองว่า จำเลยที่ 1 ได้กดเข้าไปที่เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ ซึ่งปรากฏ ภาพนายศรีสุวรรณ จรรยา และหัวข้อข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบการซื้อดาวเทียม จำเลยที่ 1 ย่อมทราบได้ว่าทางกระทรวงกลาโหมไม่ได้มีการจัดซื้อดาวเทียมแต่อย่างใด

ดังนั้น การแชร์ หรือส่งต่อภาพและข้อความที่ว่า “ยังจะซื้อ ดาวเทียม 91,200 ล้านมาแดกอีก...จะยอมมัน อีกมั้ย” จำเลยที่ 1 ก็ย่อมทราบได้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่จำเลยที่ 1 ยังตัดสินใจที่ จะกดแชร์หรือส่งต่อออกไปโดยที่ไม่กลั่นกรองข้อมูลข่าวสารให้ถี่ถ้วนเสียก่อน การกล่าวอ้าง ของจำเลยที่ 1 ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

ส่วนจำเลยที่ 2-3 นำสืบความว่า เหตุที่แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความเนื่องจากอยากให้ผู้ที่ติดตามเฟซบุ๊กของจำเลยที่ 2 ได้วิเคราะห์กัน

การที่จำเลยที่ 1-3 แชร์หรือส่งต่อภาพและข้อความออกไปโดยตั้งค่าเป็นสาธารณะที่บุคคลอื่นสามารถเข้าถึงภาพและข้อความข้างต้น ได้ จึงเป็นการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อัน เป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตามมาตรา 14(5) การกระทำของจำเลยที่ 1-3 จึงเป็นความผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วย การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(5) ประกอบมาตรา 14(2) จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1-3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 4 - 11 ให้ยกฟ้อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สมาคมประกันวินาศภัยฯ เตือนอย่าแชร์ข้อมูลเท็จรายชื่อบริษัทประกันรถที่ถูก Black List

นายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความเท็จเกี่ยวกับรายชื่อบริษัทประกัน (รถยนต์) ที่ถูก Black List ซึ่งเป็นข้อความเก่าที่ยังคงมีผู้หลงเชื่อนำกลับมาเผยแพร่และแชร์ต่อกันทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้อง

ดีอี เตือนระวัง 'โจรออนไลน์' สวมรอยหน่วยงานรัฐหลอกลวง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์รายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ธ.อิสลาม ช่วยเหลือประชาชน รับรวมหนี้ ต่อธุรกิจ ปิดหนี้ และหมุนธุรกิจ” รองลงมาคือเรื่อง “กรุงไทยปล่อยสินเชื่อ ผ่านเพจสินเชื่อส่วนบุคคล SME” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หรืออาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และมีผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

รวบโล้นห่มเหลือง ฉันบวบสามเณรโชว์แอป X ค้นกุฏิเจอถุงยาง อุปกรณ์เสพยาเกลื่อน

ตำรวจไซเบอร์รวบหลวงพี่ฉันบวบสามเณรโชว์หวิวผ่านแอปพลิเคชันเอ็กซ์ ค้นกุฏิเจอถุงยางและอุปกรณ์เสพยาเกลื่อน อึ้งพบติดเชื้อเอดส์

ดีอี เตือนระวัง 'โจรออนไลน์' อ้างเป็นแบงค์รัฐ 'ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ'

ดีอี ตรวจพบข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์รายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ธ.อิสลาม ช่วยเหลือประชาชน รับรวมหนี้ ต่อธุรกิจ ปิดหนี้ และหมุนธุรกิจ” รองลงมาคือเรื่อง “กรุงไทยปล่อยสินเชื่อ ผ่านเพจสินเชื่อส่วนบุคคล SME” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หรืออาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และมีผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

'ทนายอนันต์ชัย' นำทีมแจ้งจับ 'น้องไนซ์เชื่อมจิต' กับพวกรวม 9 คน เอาผิดพรบ.คอมพ์

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ทนาย นำทีมผนึกกำลังไพรวัลย์ วรรณบุตร นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และคุณต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง ตัวแทนผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับน้องไนซ์ เชื่อมจิต และพวกรวม 9 คน

วธ.พัฒนาเครือข่ายภาคใต้รู้ทัน Fake News

7 มี.ค.2567 - นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมค่ายครอบครัวคุณธรรม นำสังคมเป็นสุข ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 7-9 มีนาคม 2567 โดยมีนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดกระบี่ วัฒนธรรมจังหวัดพื้นที่ภาคใต้