ศาลอาญาจำคุก 8 เดือน ปรับ 8 พันบาท พ.ต.ต.เสงี่ยม นำม็อบ นปช.ปิดสภา กดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อปี 2553 แต่เนื่องจากไม่เคยกระทำผิดให้รอลงอาญา 2 ปี
06 ต.ค.2565 – ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีชุมนุมปิดสภา หมายเลขดำอ.887/63 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ อายุ 69 ปี ชาว จ.ชุมพร แกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาชนประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดร่วมกันชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง, ทำร้ายร่างกาย, หน่วงเหนี่ยวกักขัง , ทำให้เสียทรัพย์และอื่นๆ กรณีเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 53 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ซึ่งเป็นแกนนำ นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยจำเลยนำกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนขย่มทำลายประตูรั้วอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางปิดทางเข้าออกเพื่อมิให้รัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเข้าประชุมรัฐสภา ทำให้ทรัพย์สินเสียหายประมาณ 6 พันบาท หลังจากนั้นจำเลยกับพวกได้ขับรถยนต์ติดตั้งเครื่องขยายเสียงสำหรับใช้ปราศรัยปลุกระดมผู้ร่วมชุมนุมเป็นเหตุให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีอีกหลายคน รวมทั้ง ส.ส.ต้องติดอยู่ภายในอาคาร และต้องหลบซ่อนตัวไม่สามารถหลบหนีออกมาได้
นอกจากนี้จำเลยกับพวกยังใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ดูแลอาคารได้รับบาดเจ็บหลายนาย รวมทั้งแย่งอาวุธปืนขนาด 11 มม. และปืน เอ็ม 16 ของเจ้าหน้าที่ไปโดยทุจริต โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีเเละได้รับการปล่อยชั่วคราว
วันนี้จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิด ร่วมกันบุกรุกรัฐสภา จำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท แต่จำเลยก็ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท อีกทั้งจำเลยยังทำตัวเป็นประโยชน์พยายามป้องกันไม่เกิดเหตุรุนแรง โดยการนำอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไปคืนให้กับตำรวจทันทีหลังจากเกิดเหตุ และไม่เคยต้องโทษกระทำความผิดมาก่อน จึงให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
พ.ต.ต.เสงี่ยมเผยภายหลังว่า รู้สึกพึงพอใจผลคำพิพากษาที่ศาลให้ความยุติธรรม เนื่องจากการชุมนุมในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมตามสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเองเป็นเพียงแค่ผู้ร่วมชุมนุมไม่ได้เป็นแกนนำ แต่กลุ่มมวลชนไปพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจพกพาอาวุธสงคราม และอาวุธปืน 11 มม. อยู่ในรัฐสภา จึงไปยึดอาวุธมาเพราะเกรงว่ามวลชนอาจจะไม่ปลอดภัย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุดังกล่าวตนเองมีเจตนาดี นำอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก ไปคืนให้แก่ตำรวจทันทีหลังจากเกิดเหตุ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงตามมา
ด้านนายกฤษณ์ ขำทวี ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ แม้ว่าในขณะเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปในรัฐสภาก็ตาม แต่ศาลมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการนำมวลชนไปกดดันเพื่อที่จะเข้าไปในรัฐสภา ทางเจ้าหน้าที่จึงอนุญาตเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง จึงพิพากษาให้ลงโทษในความผิดดังกล่าวเพียงข้อหาเดียวก็ต้องดูว่าพนักงานอัยการจะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ถ้ายื่นมาเราก็ต้องเเก้อุทธรณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เบิร์ดไม่ว่าง' นอนคุก! ศาลไม่ให้ประกัน หวั่นหนีคดีแกล้ง 'แบงค์ เลสเตอร์'
ศาลอาญาไม่ให้ประกัน ‘เบิร์ดวันว่างๆ’ หลังตำรวจไซเบอร์ฝากขังศาลอาญา นำเข้าคลิปลามก 'เเบงค์ เลสเตอร์‘ ชี้เห็นควรรอสอบสวนเสร็จสิ้นค่อยพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดี
‘อภิสิทธิ์’ ปัดข่าวลือซุ่มตั้งพรรคใหม่ ย้ำหาก ‘ปชป.’ ยังเป็นแบบนี้ ไม่มีทางคัมแบ็ก
ขณะนี้ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ที่ก็ไม่แปลกเพราะขณะนี้หาพรรคการเมืองที่เราคิดว่าเราสนิทใจในการที่จะเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้อยู่แล้ว
อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ ชำแหละข้อดีข้อเสีย ยกเลิก-ไม่ยกเลิก ‘MOU44’ แนะทางออกรบ.อิ๊งค์
อภิสิทธิ์ ชี้ข้อดี-ข้อเสีย ยกเลิก-ไม่ยกเลิก MOU2544 เสนอทางออกแก้ MOU มัดรัฐบาล ห้ามไปตกลงอะไรที่มีผลกระทบกับเขตแดน ชี้เปรี้ยง เป็นปมร้อนเพราะ คนหวาดระแวงรัฐบาลมีผลประโยชน์อื่นเหนือกว่าผลประโยชน์ของชาติหรือไม่
ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' ประเดิม 18 ธ.ค. บุก ป.ป.ช. หึ่งล็อบบี้หนักล้มคดีชั้น 14
วงหารือฝ่ายต้านรัฐบาล ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' นำร่อง 18 ธ.ค. บุกตึก ป.ป.ช. หลังได้กลิ่นล็อบบี้หนัก 3 กรรมการฯ ล้มคดีชั้น 14
'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112
'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112 ระบุเป็นการแสดงความเห็นทั่วไป เเต่สั่งกำชับ ปฏิบัติตามเงื่อนไขเคร่งครัด
ศาลอาญาไม่ให้ประกัน 'เมีย-ลูกหมอบุญ' เกรงยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังศาลอ่านคำสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ที่น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี