อย่าให้มีที่ยืน! 'พุทธะอิสระ' ปลุกคนไทยเปิดเพลง 'หนักแผ่นดิน' ไล่แก๊งล้มเจ้า

‘พุทธะอิสระ’ ปลุกคนไทยช่วยกันควานหาตัวการชักใย ‘3 นิ้ว’ ล้มล้างสถาบัน เจอที่ไหนเปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ไล่ตะเพิดอย่าให้มีที่เหยียบยืน

12 พ.ย. 2564 – พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของ 3 แกนนำผู้ชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า

“นายอานนท์ นำภา (ผู้ถูกร้องที่ 1) นายภาณุพงศ์ จาดนอก (ผู้ถูกร้องที่ 2) และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (ผู้ถูกร้องที่ 3) อภิปรายเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยข้อเรียกร้องรวม 10 ประการ
พิจารณาแล้วเห็นว่า พระมหากษัตริย์กับชาติไทยดํารงอยู่คู่กันเป็นเนื้อเดียวกันนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน และจะต้องดํารงอยู่ด้วยกันต่อไปในอนาคตเพื่อธำรงความเป็นชาติไทยไว้ ปวงชนชาวไทยจึงถวายความเคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ การกระทําของผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นการเซาะกร่อน บ่อนทําลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การออกมาเรียกร้องโจมตี ในที่สาธารณะ โดยอ้างการใช้สิทธิเสรีภาพ

ผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีพฤติการณ์กระทําซ้ำและกระทําต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกระทํากันเป็นขบวนการ ซึ่งมีลักษณะของการปลุกระดมและใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่มีลักษณะของการที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายและใช้ความรุนแรงในสังคม ทําให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ อันเป็นการทําลายหลักความเสมอภาคและภราดรภาพ นําไปสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตยในที่สุด ทั้งเป็นการกระทําที่มีเจตนาเพื่อทําลายหรือทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องสิ้นสลาย ไม่ว่าจะโดยการพูด การเขียน หรือการกระทําต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลเป็นการบ่อนทําลาย ด้อยคุณค่า หรือทําให้อ่อนแอลง ย่อมแสดงให้เห็นถึงการมีเจตนาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก วินิจฉัยว่า การกระทําของนายอานนท์ นำภา (ผู้ถูกร้องที่ 1) นายภาณุพงศ์ จาดนอก (ผู้ถูกร้องที่ 2) และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (ผู้ถูกร้องที่ 3) เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และมีมติเป็นเอกฉันท์ สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 รวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทําการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง”

เมื่อท่านทั้งหลายได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญบางช่วงบางตอนแล้ว ต่อไปก็ให้ช่วยกันหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ และองค์กร ที่รับเงินจากต่างชาติมาเคลื่อนไหวแก้มาตรา 112 รวมทั้งพวกเบี้ยที่รับจ้างมาย่ำยีชาติ ศาสน์ กษัตริย์

เห็นคนพวกนี้อยู่ที่ไหน ก็ควรเปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ให้เขาฟังไปในทุกที่ อย่าให้มีที่เหยียบยืนได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพจดังเปิดข้อมูลมัด 'จอมไฟเย็น' บิดเบือน 'ปลานิล-ปลาหมอคางดำ'

เพจเฟซบุ๊ก ฤๅ - Lue History โพสต์ข้อความว่า ปลานิล และปลาหมอคางดำ จากกรณีมีความพยายามบิดเบือนชื่อสายพันธุ์ เพื่อใส่ร้ายในหลวงรัชกาลที่ 9 ของ "จอม ไฟเย็น"

ซัดแก๊งล้มเจ้าลี้ภัยฝรั่งเศส เรียนประมง 8 ปีไม่จบ แยกไม่ออกปลาหมอคางดำ-ปลานิล

ปราชญ์ สามสี โพสต์ข้อความว่า จะเอาอะไรกับ ขบวนการล้มเจ้าที่เรียนประมง8ปีไม่จบ แยกแยะไม่ออกระหว่าง ปลาหมอคางดำ -ปลากินเนื้อ กับปลานิล - ปลากินพืช

UN ฟังทางนี้! 'อดีตบิ๊ก มธ.' เปิดความจริงการเสียชีวิตของ 'บุ้ง'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง

ทวงผลสอบจุฬาฯ ปม 'ดุษฎีนิพนธ์' บิดเบือนประวัติศาสตร์กระทบสถาบัน

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯ รุ่นปี 2512 ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

เปิดรายงานสภาสูง ชี้พฤติการณ์จาบจ้วงสถาบันฯ ทวีรุนแรง เข้าข่ายภัยมั่นคง

เปิดรายงาน กมธ. สภาสูง ชี้พฤติการณ์จาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบันฯ นับวันยิ่งทวีความรุนแรง เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคง ย้ำมีการทำเป็นกระบวนการ หวั่นเกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม