แฉแหลก! 'พลอย ทะลุวัง' แยกทางกลุ่ม โดนขูดรีด เคลื่อนไหวขอทุนรัฐบาลสหรัฐ แบ่งไม่ลงตัว

29 ก.ย.2565 - น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย แนวร่วมม็อบสามนิ้ว อดีตสมาชิกกลุ่มนักเรียนเลว และกลุ่มทะลุวัง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า แถลงการณ์ขอแยกทางกับองค์กรและกิจกรรมในชื่อ ทะลุวัง - ThaluWang

ชี้แจงว่าพลอยต้องการออกมาเคลื่อนไหวอย่างอิสระตามเจตจำนงเสรีของเรา ยังคงยึดมั่นเคลื่อนไหวต่อเพื่อประชาธิปไตย ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอในนามของตนเอง ไม่ต้องการสังกัดกลุ่มหรือองค์กรใด

และอีกสาเหตุคือเราไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำงานของสมาชิกบางคนในกลุ่มทะลุวังที่ยังเหลืออยู่ เราอึดอัดมาก อึดอัดมาโดยตลอด แต่ก็ยังอดทนไว้เพราะไม่ต้องการมีปัญหาแล้วทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงาน วันนี้เราจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเพื่อส่งเสียงของเรา

เราไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวที่ไม่รับฟังความเห็น รวมถึงใช้วิธีชี้นิ้วสั่งคนอื่นๆในกลุ่ม และเรายังรู้สึกไม่ปลอดภัยกับการมองข้ามเสียงของเหยื่อเพื่อกลับไปคุยกับผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรงทางเพศ นอกจากนี้เรายังเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ จากการที่บุคคลเหล่านี้หาพรรคพวก เพื่อโจมตีเราด้วยข่าวลือต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งหลายคนที่กำลังอ่านอยู่น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ตั้งแต่ขโมยของ ยักยอกเงิน คลั่งคุณไสย (เราเป็นแม่มด ทีหลังก็อย่ามาขอให้เปิดไพ่ดูดวงให้แล้วกัน ) ทำให้เราเสียหาย และเสียความไว้ใจทั้งจากคนที่เคยรู้จักเราและไม่เคยรู้จักเรา โดยทั้งหมดทั้งมวล มันนำไปสู่ความขัดแย้งภายในกลุ่ม และทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด

ที่ผ่านมาเราเจอความรุนแรงยังไงบ้าง เราไม่เคยพูดออกมา ทั้งไม่มีโอกาสได้พูด ไม่รู้จะพูดยังไง พูดไปจะมีคนเชื่อมั้ยว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ จะอธิบายความรุนแรงที่เจอให้คนอื่นฟังยังไง จะถูก gaslighting เหมือนที่ผ่านมามั้ย (gaslighting คือพฤติกรรมของการถูกปั่นหัว ใช้คำเบี่ยงเบนความคิดเพื่อให้เรารู้สึกถูกด้อยค่าและกลายเป็นคนผิดในเรื่องราวนั้น)

เราถูกแสวงหาผลประโยชน์การจากออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองและความเป็นเยาวชน ชื่อและผลงานของเรากับเพื่อนนำไปขอทุนเป็นค่าที่อยู่และค่าอาหาร ค่าเดินทาง ให้คนที่อ้างว่าจะดูแลเราเมื่อเราออกจากบ้าน แต่ผลปรากฎว่าเงินทุนตรงนั้นไม่ถูกแบ่งอย่างชัดเจนและไม่ไปถึงสมาชิกบางส่วน

นอกจากนี้”คนใกล้ชิด”ของบุคคลข้างต้น ก็ยังมาแสวงหาผลประโยชน์กับเราที่ยังเป็นเยาวชนต่อ เขาขูดรีดผลประโยชน์จากเราผ่านการฉวยเอาเรื่องราวของเราในขณะทำกิจกรรมไปเขียนขอทุนเข้าร่วมโครงการ YSEALI อ้างว่าเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาเราด้านกฎหมาย โดยมีผู้ดูแลของเราในตอนนั้นเห็นดีเห็นงามด้วยทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริง เขานำเอกสารภาษาอังกฤษมาให้เราเซนชื่อโดยที่ตอนนั้นเราไม่ได้มีทักษะภาษาอังกฤษมากพอที่จะเข้าใจ และเขาอธิบายให้ฟังคร่าวๆว่าคืออะไร แต่ด้วยความเป็นเยาวชน เราไม่รู้ตัวว่ามันคือการขูดรีดผลประโยชน์ จนเพื่อนเราเตือนและจะขอช่วยดูเอกสารเต็มๆอีกที แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดู และเราก็ไม่ได้รับรู้ความคืบหน้าอีกเลยว่าเขาได้ไปหรือไม่ ไปตอนไหน หรือได้อะไรบ้างจาการขูดรีดและใช้เรื่องราวของเรา
แถมเราถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดของเราที่หยุดเคลื่อนไหว ทำให้ขอทุนไม่ได้

คือเราออกมาเคลื่อนไหว เราไม่ต้องการเงินเดือน ไม่ได้อยากทำเป็นอาชีพ เราเลยตัดสินใจทำงาน จึงเริ่มขายสติ๊กเกอร์ เพื่อเอาเงินไปต่อยอดไปซื้อไอแพดเพื่อมาทำงานและเรียนต่อยอดไปอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเงินที่เราขายของได้กลับถูกเอาไปจนหมด เราขอแค่ไอแพดเครื่องเดียวเอามาวาดรูปขาย เราต้องถูกต่อว่าจนร้องไห้ออกมาถึงจะได้รับอนุญาตให้ซื้อ

คุณค่าภายในเราถูกลดทอน ทำให้ตัวเล็ก ทำให้เราคิดว่าตัวเราอ่อนแอ จนทำให้เพื่อนและคนอื่น ๆ ลำบาก เราถูกลดทอนตั้งแต่ตัวตน อัตลักษณ์ทางเพศ ความฝันการเป็นนักวาดนักเขียน อุดมการณ์ของแรงงานสร้างสรรค์ไม่เคยถูกยอมรับ เราบอกว่าไม่อยากทำ NFT มันขายฝันและเรามีจุดยืนชัดเจน แต่พอไม่ทำ หาเงินให้ไม่ได้ ก็โดนด่า โดนโจมตีแม้กระทั่งความเชื่อทางจิตวิญญาณที่เรายึดมั่น

โดนตีตราว่าเป็นคนโง่ ไม่รู้จักโต ใช้ชีวิตเองไม่ได้ จนเรารู้สึกไม่มีค่า มีชีวิตเพียงเพื่อหาเงินเอามาจุนเจือคนที่อ้างว่าจะคอยดูแลเรา จนกระทั่งมีคนที่สามารถเอาเงินมาให้อดีตคนดูแลของเราคนนี้ได้ เราถึงหลุดออกจากความกดดันและแสวงหาผลประโยชน์เหล่านี้ แม้สุดท้ายเราจะถูกปฏิบัติทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ก็ตาม

ก็เคยฟีดแบคและสะท้อนความรุนแรงที่เขาทำ และที่เขาคนนั้นกำลังเจอ ทั้งจากแฟนของเขา ครอบครัว สังคมนักกิจกรรมที่ทำงาน เราเป็นคนที่ยืนเคียงข้างเสมอตั้งแต่วันที่เขาถูกโจมตี มีปัญหากับคนนั้นคนนี้ แต่สุดท้ายความจริงใจของเราก็เอาชนะอีโก้ของเขาไม่ได้เลย เสียงของเราไม่เคยถูกรับฟังอย่างแท้จริง พูดไปก็เหมือนพูดกับรัฐเผด็จการ โดนด่าและถูก gaslighting ถูกปั่นหัวกลับมา โดนตะโกนด่าใส่เป็นทรอม่าอีก เจอจากพ่อแท้ ๆ มาแล้วยังต้องมาเจอความรุนแรงซ้ำ ๆ

ทุกวันนี้เราก็ยังเจ็บปวด ทรอม่า แต่ก็พยายามยืนขึ้นอยู่ เริ่มกลับมาทำสิ่งที่ชอบได้แล้ว ภูมิใจมาก ๆ ที่ตอนนั้นเข้มแข็ง ต่อสู้ฟาดฟันจนได้ไอแพดมาวาดรูปและเรียนหนังสือ ได้เขียนนิยายตามที่หวังและได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสียที แม้กระทั่งเมนูก็ยังยินดีที่เราออกสักที

ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เราและเพื่อนๆตัดสินใจขอออกจากองค์กรทะลุวัง ตอนนี้มีสมาชิกทะลุวังตามที่ได้กล่าวอ้างในพื้นที่สาธารณะเท่านั้น เราและเพื่อนคนอื่นๆขอไม่ข้องเกี่ยวในนามของทะลุวังอีกต่อไป

แต่เราคงหวาดกลัวประโยคบอกรักและคำว่าครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ไปอีกนาน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลสั่งคุก 'อานนท์ นำภา' 2 ปี ผิด ม.112-พรบ.คอมพ์ รวมโทษจำคุก 5 คดี กว่า 16 ปี

ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำอ.1395/2565 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำม็อบราษฎรในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินีฯ มาตรา 112

'พิธา' เผยไม่ได้เห็นต่าง 'ทักษิณ' เรื่องเปลี่ยนโครงสร้าง เหน็บอย่ามัวแต่พูด ถึงเวลาต้องทำแล้ว

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร

'เพื่อไทย' แถบอกรายงานนิรโทษกรรมแค่การศึกษาหากแก้ 112 จริงไม่ยอมแน่

'พท.' จ่อเห็นชอบรายงาน-ข้อสังเกตนิรโทษกรรม บอก แต่ละพรรคโหวตอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ ด้าน 'นพดล' ย้ำ ไม่มีความคิดนิรโทษความผิดม.110 และ 112