29 ก.ย.2565 - สุพิชฌาย์ ชัยลอม หรือ เมนู แนวร่วมม็อบสามนิ้ว หนึ่งในสมาชิกกลุ่มทะลุวัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Melinn Supitcha ว่า สวัสดีทุกคนค่ะ วันนี้เราอยากประกาศให้ชัดเจนว่า 1. เมนู สุพิชฌาย์ ชัยลอม (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น เมลิญณ์) 2. พลอย เบญจมาภรณ์ นิวาส 3. และคนอื่นๆผู้ไม่ประสงค์ออกนามอีกหลายคน ตัดสินใจขอแยกทางกับองค์กรและกิจกรรมในนามของ ทะลุวัง - ThaluWang ด้วยเหตุผลดังนี้
1. เราและเพื่อนๆไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ขัดแย้งต่ออุดมการณ์ในหลายๆด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่สมาชิกภายในกลุ่มมองข้ามเสียงของเหยื่อความรุนแรงทางเพศเพราะความขัดแย้ง แล้วเข้าหาผู้กระทำความรุนแรง ทำให้เราและคนอื่นๆรู้สึกไม่สบายใจและอึดอัดมากๆ ตัวเราเข้าร่วมกลุ่มทะลุวังเพราะเห็นด้วยกับแนวทางกลุ่มที่ชัดเจนรวมถึงจุดยืนในเรื่องความรุนแรงทางเพศ แต่ปัจจุบันเรามองไม่เห็นจุดยืนและอุดมการณ์ที่เคยยืนหยัดนี้อีกแล้วในความคิดเห็นของเรา
2. เราและเพื่อนๆได้รับบาดแผลทางจิตใจจากการถูกใช้อำนาจภายในกลุ่ม ทั้งการเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์ สั่งการ บังคับ กดดัน ตำหนิตัดสินต่างๆเพื่อลดทอนคุณค่าในตัวของคนอื่นๆ รวมทั้งไม่รับฟังไม่ต่างอะไรกับรัฐเผด็จการ สำหรับเราที่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ไม่ได้มีแค่ระบบการปกครอง เราไม่สามารถอยู่ในกลุ่มที่เต็มไปด้วยการใช้อำนาจแบบนี้ได้อีกต่อไป
3. ตลอดการเคลื่อนไหวกิจกรรมในนามของทะลุวังที่ผ่านมา เรามองเห็นภาวะไร้จุดยืนที่ชัดเจน โอนเอนตามกระแสสังคม และไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ต้องการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง รวมถึงลักษณะการทำงานไม่เข้ากัน รูปแบบขององค์กรไม่มีการจัดตั้ง และไม่มีเป้าหมายชัดเจน
จนปัจจุบันยังมีการแบ่งแยกขอบเขตใครคือทะลุวัง ใครไม่ใช่ทะลุวังเพื่อใช้อำนาจและกีดกันคนอื่นๆออกไป แม้การทำงานและความรับผิดชอบหลายอย่างในช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นจริง แต่กลับถูกไม่เคารพและไม่ให้คุณค่าการทำงานของเพื่อนๆที่สละเวลา เข้ามาแบกรับความเสี่ยงโดนคุกคามและเข้ามาช่วยเหลือจริงๆในช่วงเวลานั้น กลับยึดติดในชื่อองค์กร และยึดติดในตัวบุคคล หลังจากนั้นยังมีการนำชื่อของเราและคนอื่นๆไปเล่าต่อในทางที่เสียหาย โดยไม่ได้สื่อสารโดยตรงกับเราและคนอื่นๆ ทำให้เราเสียหาย
เราเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2020 ด้วยจุดเริ่มต้นจากการเป็นนักเรียน จนถึงตอนนี้เรายังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป และตั้งใจว่าจะเคลื่อนไหวทางการเมืองในแนวทางของตัวเองจนกว่าจะถึงยังปลายทางที่อุดมการณ์ของเราปักหมุดเอาไว้ เราขอขอบคุณทะลุวังที่เป็นหนึ่งในเส้นทางที่พาเราไปถึงยังจุดหมาย แม้ตอนนี้จะยังไม่สำเร็จ แต่นั่นแปลว่าเราจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เราและเพื่อนๆตัดสินใจขอออกจากองค์กรทะลุวัง ตอนนี้มีสมาชิกทะลุวังตามที่ได้กล่าวอ้างในพื้นที่สาธารณะเท่านั้น เราและเพื่อนคนอื่นๆขอไม่ข้องเกี่ยวในนามของทะลุวังอีกต่อไป
เมนู สุพิชฌาย์ ชัยลอม โพสต์เฟซบุ๊กอีกว่า เราขอเป็นพยานความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพลอย สิ่งที่พลอยเจอมันรุนแรงมากๆ และเชื่อว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยที่ยังไม่คุ้นเคยว่า “ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่ทางร่างกายเสมอไป” แต่มีทั้งความรุนแรงทางด้านจิตใจ ความรุนแรงที่เกิดจากการใช้อำนาจ และความรุนแรงจากการถูกแสวงหาผลประโยชน์จากตัวเยาวชน และที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ได้มีแต่พลอยที่เป็นผู้เสียหาย
การนำชื่อและผลงานไปขอทุน แต่เงินทุนนั้นไม่ถูกแบ่งอย่างชัดเจนและไปไม่ถึงหลายๆคน คือการแสวงหาผลประโยชน์ และใช้อำนาจตัดสินใจเพียงคนเดียว
การมีคนแอบอ้างนำชื่อและผลงานกิจกรรมทางการเมืองของพลอยไปขอทุน Young Southeast Asian Leaders Initiative โดย ณ ขณะนั้น พลอยไม่มีความเข้าใจมากพอและไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนที่ขอทุน คือการแสวงหาผลประโยชน์อย่างชัดเจนจากความเป็นเยาวชน อาศัยความไม่มีทักษะภาษาอังกฤษมากพอเพื่อโน้มน้าวให้เซ็นชื่อเพื่อนำไปขอทุน อ้างตัวเองว่าเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
ถูกแปะป้าย ลดทอนคุณค่าในตัวเองว่าเพราะไม่เคลื่อนไหว ทำให้ขอทุนไม่ได้ อันนี้ยิ่งอึ้งเข้าไปอีก เห็นนักกิจกรรมเยาวชนเป็นเครื่องผลิตเงินหรอ
เมื่อพลอยขายสติ้กเกอร์ได้เงินจำนวนหนึ่ง กลับเก็บเงินนั้นไว้ที่คนเดียว พลอยต้องถูกต่อว่าจนร้องไห้เพราะเงินที่พลอยหามาได้เองกลับไม่มีสิทธิ์ใช้ซื้อไอแพดตามที่พลอยต้องการ
เราเคารพและภูมิใจกับความกล้าหาญในการยืนหยัดจุดยืนของตัวเองที่ออกมาเล่าเรื่องความรุนแรงที่ตัวเองพบเจอมากๆ โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับคนที่ชอบปั่นหัว โน้มน้าวให้ตั้งคำถามกับตัวเอง แปะป้ายความผิดให้คนอื่นเสมอ ต้องมั่นคงและยืนหยัดอย่างหนักแน่นมากๆถึงตระหนักได้ตลอดว่าสิ่งที่ตัวเองเจอนั้นไม่ถูกต้อง
สิ่งที่น่าเศร้าคือนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในขบวนประชาธิปไตย เราไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบได้ นี่คือเสียงของนักกิจกรรมเยาวชนที่กำลังออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง ในทุกเรื่องที่พลอยเล่ามีเราและคนอื่นๆร่วมเป็นประจักษ์พยานว่านี่คือความจริง
เราอยากให้สังคมเข้าใจและตระหนักว่า ในสังคมประชาธิปไตยไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ไม่ควรมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับเยาวชนและทุกคนทั้งนั้น และความรุนแรงไม่ได้มีเพียงแค่ความรุนแรงทางร่างกายเพียงอย่างเดียว ทางด้านจิตใจ ทางด้านใช้อำนาจ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย
เราอยากให้สังคมเป็นพื้นที่ปลอดภัยจริงๆ เราจึงขอออกมายืนหยัดเคียงข้างผู้ถูกกดขี่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลสั่งคุก 'อานนท์ นำภา' 2 ปี ผิด ม.112-พรบ.คอมพ์ รวมโทษจำคุก 5 คดี กว่า 16 ปี
ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำอ.1395/2565 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำม็อบราษฎรในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินีฯ มาตรา 112
'พิธา' เผยไม่ได้เห็นต่าง 'ทักษิณ' เรื่องเปลี่ยนโครงสร้าง เหน็บอย่ามัวแต่พูด ถึงเวลาต้องทำแล้ว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร
ชทพ.หนุนนิรโทษกรรมแต่ต้องไร้ ม.110-ม.112
'ชาติไทยพัฒนา' หนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ต้องเว้น ม.110 และ 112 เชื่อก้าวข้ามความขัดแย้งได้
'เทพไท' ซัดพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์เรื่องนิรโทษกรรม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช
'สามนิ้ว' โวยซื้อน้ำขวดในคุกไม่ได้ ต้องกินน้ำก๊อกมาเป็นอาทิตย์แล้ว
เพจ อานนท์ นำภา ของนายอานนท์ นำภา ต้องโทษม.112 ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่แน่ใจว่าทำไมช่วงนี้
'เพื่อไทย' แถบอกรายงานนิรโทษกรรมแค่การศึกษาหากแก้ 112 จริงไม่ยอมแน่
'พท.' จ่อเห็นชอบรายงาน-ข้อสังเกตนิรโทษกรรม บอก แต่ละพรรคโหวตอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ ด้าน 'นพดล' ย้ำ ไม่มีความคิดนิรโทษความผิดม.110 และ 112