'เต้น' เชื่อบริสุทธิ์ใจ 3 นิ้วไม่มุ่งล้มสถาบัน ชี้คำวินิจฉัยศาลรธน.ทำขัดแย้งหนัก

11 พ.ย.2564 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายขับไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)โพสต์เฟซบุ๊กว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเกิดข้อถกเถียงทั้งในทางหลักการและข้อกฎหมายในวงกว้าง แม้การมีผลผูกพันทุกองค์กรทำให้ประเมินสถานการณ์กันไปต่างๆ แต่ภาพใหญ่ที่มองเห็นคือประเทศยังอยู่ในวิกฤตความขัดแย้ง และสถานการณ์จะยิ่งแหลมคมละเอียดอ่อน

ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าความเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวไม่มีเจตนาล้มล้างสถาบัน จุดยืนส่วนตัวก็ประกาศชัดว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติของทุกสังคม ปลายทางคือทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างถูกหลัก ถูกที่ ถูกทาง ไม่ต้องทำลายล้างกัน

ที่ห่วงใยคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบหลังจากนี้ ในความขัดแย้งยาวนานต่อเนื่องและมีพัฒนาการเป็นการต่อสู้ของยุคสมัย การหยุดยั้งเด็ดขาดต่อพลังที่กำลังเติบโตด้วยอำนาจตุลาการเช่นนี้ จะส่งผลให้ทุกอย่างสงบราบเรียบ หรือเกิดกลายเป็นสถานการณ์ใหม่ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

ตามกฎหมายที่มีอยู่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นข้อยุติ แต่ในทางการเมืองยังเป็นเรื่องยาว ฝ่ายผู้มีอำนาจควรแสดงความจริงใจต่อการแก้ปัญหา ถ้ากำลังคิดต้องหยุดคิดซ้ำเติมเด็กจากเรื่องนี้ ในทางกลับกันน่าจะถึงเวลาที่ต้องเปิดใจ เปิดพื้นที่พูดคุยกันอย่างจริงจังเพื่อหาจุดลงตัวในการอยู่ร่วมกัน

คนหนุ่มสาวอยู่ในสถานการณ์บอบช้ำและยากลำบาก คนเป็นผู้ใหญ่ไม่ควรออกลายของผู้ล่า กระหยิ่มใจจะไล่บี้คนรุ่นนี้ซึ่งจะเติบโตเป็นอนาคตของชาติให้แหลกยับ

ถ้าลูกทำสิ่งที่พวกเขาคิดด้วยพลังบริสุทธิ์ แม้วันนี้ถูกตัดสินว่าผิดแต่ไม่แน่ว่าจะถูกให้ความหมายใหม่ในวันต่อไป คนเป็นพ่อแม่ต้องคิดช่วยลูก ร่วมแก้ปัญหากับลูกไม่ใช่คิดจะตีซ้ำ

ที่ประกาศจะยื่นเรื่องนั่นนี่ต่อควรเพลาลงบ้าง การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มก็ควรชะลอก่อน ที่เด็กโดนกันอยู่ก็หนักหนาเกินพอแล้ว และควรหาทางเอาพวกเขาออกจากคุกโดยเร็วที่สุด อย่าคิดว่านี่เป็นชัยชนะเพราะหนุ่มสาวเหลือเวลาเห็นโลกยาวกว่า เราไม่มีทางรู้ได้ว่าถึงวันนั้นจะเป็นอย่างไร

รัฐบาลจากการทำรัฐประหารล้มล้างการปกครองและสืบทอดอำนาจจนปัจจุบันควรแสดงสำนึก คำวินิจฉัยต่อคนหนุ่มสาวเรื่องนี้แท้จริงควรเป็นของใคร

ขบวนการคนหนุ่มสาวมีโจทย์ใหญ่และยาก รู้ว่าหัวใจยังต่อสู้แต่คงต้องคิดและประเมินสถานการณ์โดยละเอียดรัดกุม สรุปและถอดบทเรียนที่ผ่านมา ความเจ็บปวดโกรธเกรี้ยวไม่ใช่เข็มทิศ

ส่วนศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อีกบรรทัด เพราะบทบาทและคำวินิจฉัยที่ผ่านมามีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่อง การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ใช้กฎหมายย้อนหลังตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ปลดนายกฯสมัครจากรายการทำอาหาร ฯลฯ

น่าประหลาดที่ยิ่งวินิจฉัยความขัดแย้งก็ยิ่งลุกลามบานปลาย ทั้งที่ใครๆก็ทราบว่าเป็นความยุติธรรมแท้ๆ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' สดุดี 'ทักษิณ' ครองใจคนอุดรฯ พา พท. ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.

'ภูมิธรรม' ฟุ้งอุดรธานีหัวใจคนเพื่อไทยโดยแท้ ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ยํ้า ปชช. ยังรัก 'ทักษิณ' ชอบผลงานที่ทำมา อุบ 'อิ๊งค์' ลงพื้นที่ขอบคุณ

ที่ปรึกษาของนายกฯ โชว์กึ๋นฟาด 'พลังขวาสุด' จับวาระชาตินิยมเปิดทางอำนาจนอกระบบ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง 6 ข้อกล่าวหาพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง หุ้นไทยพุ่ง

สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล

ที่บริเวณ​หน้าศาลรัฐธรรมนูญ​ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์

'เด็จพี่' ได้ทีจวกเหล่านักร้อง ทำให้เกิดความปั่นป่วน ขู่เมื่อร้องผิดคีย์ต้องโดนลงโทษ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้าง

2 ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย รับคำร้อง 'ทักษิณ' สั่งรัฐบาลเอื้อประโยชน์ฮุนเซน น่าจะเกิดผลใช้สิทธิล้มล้างปกครองฯ

จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูก

'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง

ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ