ส.ว.อุปกิตเปิดใจ! ลั่นพร้อมให้ตรวจสอบเรื่องพันค้าอาวุธ เชื่อมีการจัดฉากดิสเครดิต

อุปกิตลั่นพร้อมให้วุฒิสภาตั้งกรรมการสอบจริยธรรม ไม่หวั่น ป.ป.ส.-ตำรวจคุ้ยเส้นทางการเงิน หลังตัวเองและลูกเขยถูกโยงเครือข่ายค้าอาวุธเมียนมา เชื่อมีชาติมหาอำนาจอยู่เบื้องหลังจัดฉาก!

28 ก.ย.2565 - นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ตกเป็นข่าวว่ามีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับตุน มิน ลัต-นักธุรกิจชาวเมียนมาที่ถูกตำรวจนครบาลและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จับกุมและคุมตัว พร้อมทั้งลูกเขยของนายอุปกิต ก็ถูกจับกุมคุมตัวไว้ด้วยกล่าวตอบกรณีหลังจากนี้ หากจะมีหน่วยงานเช่น ป.ป.ส. หรือตำรวจขอตรวจสอบเส้นทางการเงินจะเป็นอย่างไร ว่าก็พร้อม จะให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก็อย่างที่ได้บอกมาตลอดว่า ได้ขายโรงแรมและขายหุ้นในธุรกิจต่างๆที่ทำที่เมียนมาไปหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนก่อนเข้ามาเป็น ส.ว. แล้วก็มาถือหุ้น มาบริหารธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ ที่มูลค่าเป็นร้อยเป็นพันล้านบาท ตนเองและครอบครัวคงไม่ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสีเทาอะไร

เมื่อถามว่า เรื่องนี้หากยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม จนทำให้อาจจะมีการเรียกร้องให้ ส.ว.โดยเฉพาะกรรมการจริยธรรมของเข้ามาตรวจสอบ นายอุปกิตกล่าวว่า หาก ส.ว.จะตั้งกรรมการมาสอบ ก็ตั้งได้ แต่อย่างที่เคยบอกไว้ ได้ห่างจากการทำธุรกิจที่เมียนมามานานหลายปีแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แค่เอาชื่อตนเองไปพาดพิง หากเขาเห็นว่าจำเป็นต้องตั้งจะเรียกไป ก็ยินดี แต่ว่าแล้วขัดจริยธรรมอย่างไร เพราะไม่ได้เหยียบขาเข้าไปที่นั่นตั้ง 8-9 ปี ธุรกิจต่างๆ ที่เมียนมาก็ขายไปหมด แล้วจะผิดจริยธรรมอย่างไร เพียงแต่ว่าตนเองมาเปิดหน้าอธิบายเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพราะเป็นคนที่ต้องการเผชิญหน้ากับความจริง ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มีหลบอะไรทั้งสิ้น

นายอุปกิต กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ที่เป็นปัญหาทั้งหมดที่ได้วิเคราะห์ก็คือช่วงที่ได้กำลังจะมาเป็น ส.ว.(ปี 2562 ) ก็มีการโอนให้ลูกเขย เพื่อที่จะคอยที่จะขายเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ และมีคนมาซื้อไป ก็ขายขาด และตนเองก็ไม่ได้เหยียบขาไปที่ชายแดนหรือไปดูธุรกิจดังกล่าวเลย เพราะมันไม่ใช่ธุรกิจอย่างเดียวที่ทำ ไม่เคยเหยียบขา ไม่เคยอะไรต่ออะไร รวมทั้งลูกเขยก็ไม่เคยทำนิติกรรมหรือการบริหารโรงแรมแห่งนี้เลย หรือเกี่ยวข้อง ซึ่งอันนี้เขาเป็น victim ที่คิดว่า เป็นกระบวนการที่เป็นฝ่ายค้าน เป็นกระบวนการที่มีปัญหากับผู้นำเมียนมา มันเป็นปัญหาภายในของเขา เราก็เป็นเหยื่อจากตัวนี้ ที่สำคัญคือลูกเขยตนเอง ไม่มีเลย ไม่มีเกี่ยวข้องอะไรเลยกับธุรกิจสีเทา ไม่มีเด็ดขาด ตนเองรับแรงเสียดสีแรงกระแทกได้ แต่ว่าสำหรับเด็กที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ก็ต้องกอบกู้ชื่อเสียงของเขาให้ ซึ่งจนถึงขณะนี้สำหรับลูกเขยก็ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับเขา เพราะไม่รู้จะติดต่อยังไง เพราะเขาถูกกักกันตัวตามที่เป็นข่าว เลยไม่มีโอกาสได้พบ ลูกสาวก็โทรศัพท์มาร้องไห้กับตนเองทุกวัน ก็ค่อนข้างจะเครียด ซึ่งโดยส่วนตัวที่ได้รับการเสียดสีอะไรต่างๆ ทนได้ แต่ในความบริสุทธิ์และชื่อเสียงของสามีลูกสาวจะต้องขอกอบกู้ เพราะว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย

“ลูกเขยผมเป็นผู้บริหารระดับสูงของอโกด้า เขาก็อาจจะโดนไล่ออก อาจจะเดือดร้อนลำบาก ก็เพราะว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นเหยื่อ ทั้งที่เขามีการงานที่ดี เป็นคนดี เป็นคุณพ่อที่ดี ส่วนตัวผม ก็แน่นอน ช่วงนี้ก็เครียด เพราะคนที่เรารักคนใกล้ชิดเรามาโดนแบบนี้ใครบ้างจะไม่เครียด โดนถามคำถามตั้งแต่เช้าจนถึงสี่ทุ่ม สื่อโทรมา ญาติพี่น้องอะไรต่างๆ สารพัด แต่ไม่ใช่อะไรที่ทนไม่ได้”
นายอุปกิต กล่าวต่อไปว่า จะสังเกตได้จากข่าวอันนี้ จริงๆ มันเริ่มมาปีกว่าแล้ว ปรากฏอยู่ในเพจของ Justice for Myanmar ซึ่งตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เขาทะเลาะกันภายในมันจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับเราได้ ก็พบว่า มีการทำชาร์จโยง ตุน มิน ลัตก็ดี ลูกเขยตนเอง และโยงมาที่ตนเอง โยงไปจนถึงคนมาซื้อโรงแรม มันเป็นข่าวที่อยู่ในเครือข่ายของฝ่ายค้านเมียนมา มีอิระวดี มีเครือข่ายข่าวของเขาต่างๆ ที่ลงเรื่องนี้ มีเพจ มีการสร้างข่าวปลอม และเมื่อถึงเวลาขยายมาบีบีซี ขยายมาสำนักข่าวรอยเตอร์ และก็เกิดเหตุการณ์นี้เลย มันมองเห็นได้ชัดเลย

"ถามว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผมก็ตั้งข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งคือผมโดนแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ ที่ทุกคนคงทราบว่าเขาเป็นใคร ด่ามาก่อนหน้านี้แล้ว และผมไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย ในเมื่อผมขายธุรกิจไปแล้วในหลักการ ผมไม่เคยเหยียบขาเข้าไป ลูกเขยผมไม่เคยไป เพราะฉะนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาที่จะพิสูจน์ทุกอย่างในกระบวนการยุติธรรมของไทย ผมมั่นใจว่าอธิบายได้ ส่วนคนของเมียนมา เขาเป็นคนใกล้ชิดกับผู้นำเมียนมา ต้องให้ความยุติธรรมกับเขาด้วย ให้เขาสามารถชี้แจงได้ในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเรา"นายอุปกิตกล่าว

นายอุปกิตกล่าวต่อไปว่า ตุน มิน ลัต เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ยอมรับว่ารู้จักเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้มารับประกัน แต่เท่าที่สังเกตเขาจะไปทำธุรกิจสีเทาๆ ทำไม เขาเป็นตัวแทนรัฐบาลอิสราเอล เป็นตัวแทนรัฐบาลจีนในการขายสินค้าบางอย่าง เช่น โดรน วิทยุสื่อสาร แต่ก็ไม่ได้รู้รายละเอียด เพราะไม่ได้ร่วมธุรกิจด้านนี้กับเขา ซึ่งมันอาจจะไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเมียนมา คือต้องการที่จะทำให้เจ้านายของเขาเสื่อมเสีย และมันจะเห็นว่าเป็นกระบวนการภายในประเทศของเขาและมาประเทศของเราเมื่อมีช่องว่าง พวกนี้ก็เลยโดนข้อหาร้ายแรงมาก กระบวนการที่ตกเป็นเหยื่อคือการทะเลาะกันภายในของประเทศเขาระหว่างใครก็แล้วแต่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจ อะไรแบบนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นเหยื่อในเรื่องที่เขาทะเลาะกันภายในและอาจจะไปเกี่ยวข้องกับมหาอำนาจบางประเทศก็ได้

ถามย้ำว่า มองว่าเรื่องนี้สหรัฐอเมริกาหรือประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง จากเหตุไม่พอใจการทำรัฐประหารของผู้นำทหารเมียนมาในปัจจุบัน นายอุปกิต กล่าวว่า ขอไม่พูดถึงชื่อของประเทศ แต่เอาเป็นว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับประเทศมหาอำนาจที่สนับสนุนฝ่ายค้านที่โน่นอยู่ และมีสื่อที่เขาสนับสนุนอยู่ เพราะเราเห็นเส้นทางของข่าว ก็ทราบมาพอสมควร

ต่อข้อถามที่ว่าที่บอกว่ามีคนตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อหรืออะไรไหมที่ถูกลากโยงเข้าไปด้วย นายอุปกิตกล่าวว่า อะไรที่มัน ที่เกี่ยวกับรัฐบาลไทยด้วย ซึ่งคนอาจไม่ค่อยชอบ ส.ว.เป็นอะไรนั่นอยู่แล้ว ก็ถ้าตนเองถูกลากไปด้วย มันก็ง่ายต่อการทำให้ภาพพจน์ทั้งหลายไม่ดี

เมื่อถามว่าส่วนตัวรู้จักกับผู้นำเมียนมาบ้างหรือไม่ นายอุปกิตกล่าวว่า รู้จักมานานแล้ว เพราะมีธุรกิจอยู่ที่นั่น ต้องติดต่อ ซึ่งพอดีทุกคนได้เข้ามาเป็นผู้นำประเทศทุกคนเลย ตั้งแต่เต็ง เส็ง อดีตประธานาธิบดีเมียนมา จนมาถึงมิน อ่อง ลาย เพราะแน่นอนเราทำธุรกิจที่นั่น เราก็ต้องติดต่อเขา เราไปอยู่บ้านเขา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ

เปิดศึกชิงเก้าอี้ ประมุขสภาสูง เสร็จสว.นํ้าเงิน

ฝุ่นตลบ! ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาสูง ล็อบบี้กันเดือด "เทวฤทธิ์” ชี้ควรเป็นคนเปิดกว้าง ให้พื้นที่เสียงส่วนน้อย ยันกลุ่มพันธุ์ใหม่ส่งชิงแน่ พร้อมเล็งเก้าอี้ประธาน

'หมอเกศ' โผล่สภาแล้ว! ยิ้มแทนคำตอบ

พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เดินทางเข้ามายังอาคารรัฐสภาฝั่งสภาผู้แทนราษฎร โดยผู้สื่อข่าวบังเอิญไปเจอ พญ.เกศกมล ที่ห้องอาหารชั้น 1

'ดิเรกฤทธิ์' พ้อ! ไร้องค์กรตรวจสอบ กกต. ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ 'เลือก สว.'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ประชาธิปไตยต้องไม่มีอำนาจใดไม่ถูกตรวจสอบ"

นายกฯ สั่ง ปปง.เร่งยึดทรัพย์แก๊งค้ายา

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ สั่ง ปปง.มีอำนาจพิเศษสูงต้องทำงานแบบล้วงลูก เร่งยึดทรัพย์ตัดตอนขบวนการค้ายาฯ อย่ามัวแต่ช้า หวั่นโอนเงินหนี กำชับอย่าทำงานแบบไซโลให้เป็นข้อครหา