'ชัชชาติ' ชี้สถานการณ์น้ำลาดกระบังฝนตก 2 เท่าของปกติ เร่งสูบน้ำออก ย้ำหารือกับกรมชลประทานตลอดทั้งแผนระยะสั้น กลาง ยาว ด้าน 'ยงยศ' เผยถ้าฝนไม่ตกเพิ่มใช้เวลา 5 วัน เข้าสู่ภาวะปกติ
14 ก.ย.2565 - นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร ไลฟ์สดผ่านเพจชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ขณะลงพื้นที่เขตลาดกระบังช่วงเช้า ก่อนพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าวันนี้เราอยู่ที่ลาดกระบังเป็นจุดที่สู้กันหนักสุด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะลงมาตรวจพื้นที่เราก็ลงมาให้ข้อมูลและหารือ และหากถามว่าทำไมลาดกระบังท่วมเพราะเดือน ก.ย. ลาดกระบังฝนตกเยอะมาก ถ้าดูค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาจากการเก็บข้อมูล 30 ปี เราเก็บข้อมูล 30 ปี ลาดกระบังมีน้ำเฉลี่ย 120 มิลลิเมตร วันที่ 1-14 ก.ย. เฉลี่ย 120 มิลลิเมตร โดยปีนี้ของจริงตกมาแล้ว 300 มิลลิเมตร เรียกว่า 2 เท่าของปกติ ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำยาก ซึ่งลาดกระบังจะถูกล้อม 3 ด้าน ด้านตะวันออกจะเป็น จ.ฉะเชิงเทรา ด้านใต้จะเป็น จ.สมุทรปราการ ลงทะเล ด้านตะวันตกคือแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะฉะนั้น กทม.พยายามดึงมาออกสถานีสูบน้ำพระโขนง แต่อีก 2 ด้านกรมชลประทานต้องช่วยกัน มีการหารือกันตลอด
หลังจากนั้น นายชัชชาติ ได้ให้ นายยงยศ เนียมทรัพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 กรมชลประทานกล่าวถึงสถานการณ์น้ำ ว่าปริมาณฝนตกในเขตฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยารวมกรุงเทพมหานคร และจังหวัดข้างเคียง คือสมุทรปราการ ปทุมธานี และฉะเชิงเทราบางส่วน นั้น ปริมาณน้ำฝนสะสมที่ตกลงมาตั้งแต่ วันที่ 1 ก.ย. -ปัจจุบัน คิดเป็นปริมาณน้ำรวมประมาณ 726 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเยอะมากเทียบกับอัตราการสูบของเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันสูบน้ำได้ประมาณวันละ 48 ล้านลูกบาศก์เมตร ถ้าเห็นจากกราฟ จะเห็นความต่างอัตราการสูบของเรายังน้อยกว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำออก ซึ่งถ้าฝนไม่ตกเพิ่มก็ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ลุ้นให้ฝนไม่ตกแล้วพยายามเร่งระบายให้เร็วที่สุดนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงมีน้ำค้างอยู่ในพื้นที่ลาดกระบังเยอะ เพราะมีปริมาณฝนมากกว่าที่ผ่านมา แต่ในระยะสั้นก็คือต้องลุยดูดน้ำกันให้เต็มที่และช่วยเหลือประชาชนปิดล้อม-สูบออก ซึ่งตอนนี้ก็ทำเต็มที่ แต่ในระยะกลาง-ระยะยาว ต้องคุยแผนซึ่งก็คุยกันอยู่แล้ว สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีแผนต้องปรับปรุงการระบายน้ำในภาคตะวันออกให้ดีขึ้น อาจจะไปทางบางประกงหรือไม่ก็ลงไปทางคลองสำโรง ออกคลองลงทางใต้ ส่วนการระบายเข้ามาในกรุงเทพฯก็มีอยู่แล้วแต่คงทำอะไรมากไม่ได้เพราะว่าเป็นพื้นที่จำกัดที่ จะออกไปพื้นที่พระโขนง ถ้าสามารถแบ่งเบาออกทางภาคตะวันออกให้ดีขึ้นได้ แถวกรุงเทพชั้นในก็จะเบาลงด้วยทั้งสวนหลวง พระโขนง ก็ไม่ต้องแบ่งน้ำจากตรงนี้ไปสามารถระบายออกทะเลหรือออกบางปะกงโดยตรงได้
“นี่ก็เป็นการวางแผนในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเราก็มีการคุยกันตลอด ระหว่าง กทม.กับกรมชลประทานร่วมมือกันตลอด คุยกันทุกวันจันทร์มีแผนใหญ่ แต่ว่าแผนยาวที่ต้องลงทุนเยอะ กทม.คงลงทุนเองไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นหลายจังหวัด คงต้องร่วมมือกับกรมชลประทาน แล้วก็การบริหารน้ำของประเทศไทยภาพรวม ซึ่งวันนี้ก็เห็นชัดเจนแล้วว่าฝั่งตะวันออกระบายน้ำลงยากเหมือนกัน ยิ่งสภาวะปัจจุบันโลกร้อนฝนมาเยอะกว่าที่เราคาด ก็จะเห็นแล้วว่าต้องเอาลงทะเลทางใต้หรือออกทางตะวันออกไปที่แม่น้ำบางปะกงต้องมีการเพิ่มกำลังสูบ หลังจากนั้นจะทำให้ลาดกระบังสะพานสูง มีนบุรี หนองจอกน่าจะปลอดภัยมากขึ้น ที่ผ่านมาลักษณะการระบายน้ำของกรุงเทพฯ จะเอาเข้าพื้นที่เลี้ยวเข้าไปในกรุงเทพฯซึ่งมีระยะทางไกลรวมกับอีกหลายคลองข้างในทำให้ประสิทธิภาพอาจจะรับมือไม่ไหว เดี๋ยวคงจะต้องวางแผนระยะยาวกัน” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวต่ออีกว่า ในปี 2554 น้ำเหนือไม่ได้มาถึงจุดนี้ น้ำฝนเป็นหลัก แถวนี้ไม่ได้หนักเหมือนกับแถวด้านบนเพราะฉะนั้น ถ้าเอาปี 2554 มาเป็นเครื่องชี้วัด ก็อาจจะได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกถึงความรุนแรงของปี 2554 เพราะปี 2554 คือน้ำเหนือ ซึ่งตรงนี้อยู่ไกลไม่ได้รับผลกระทบ
ส่วนการระบายน้ำ นายชัชชาติ กล่าวว่า เครื่องสูบน้ำตอนนี้จะเป็นตัวย่อยที่ดูดจากชุมชนออกมา สิ่งที่ต้องการคือการผลักดันน้ำซึ่งปัจจุบันผลักดันจากคลองประเวศเข้าพระโขนง คาดว่ามีอยู่ประมาณ 18 ตัวและปลายคลองก็มีเรือผลักดันน้ำสูบลงล่าง ตอนนี้ก็จะมีที่คลองหัวจระเข้ ต่อจากลำปลาทิวลงมาก็น่าจะติดตั้งเพิ่ม เข้าใจว่ากรมชลประทานก็เร่งระบายน้ำจากคลองสำโรงเพราะตัดคลองด้านนี้อยู่ ถ้าคลองสำโรงพร่องลงก็คิดว่าจะดันน้ำออกล่างได้เร็วขึ้นอย่างไรก็ตามเนื่องจากปัจจุบันมวลน้ำตกไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่ ดังนั้นเราจึงต้องมีเครื่องสูบน้ำแบบโมบายที่แต่ละส่วนนำมารวมกันอย่างเช่น เมื่อวาน (13 ก.ย.) รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำมามอบให้ 6 เครื่องจากทั่วประเทศ แต่เราไม่สามารถติดตั้งล่วงหน้าได้เพราะเราไม่รู้ว่าฝนจะวิกฤตที่ไหน จึงต้องเป็นเครื่องสูบน้ำโมบายและแก้ปัญหาตามสถานการณ์ แต่ระยะยาว เชื่อว่าถ้าทำฝั่งตะวันออกให้ดีขึ้นก็จะลดภาระกรุงเทพฯได้เยอะเพราะน้ำไม่ต้องเข้าไปในเมืองแล้ว ก็จะดีทั้งสวนหลวง สะพานสูง มีนบุรี หนอกจอก ลาดกระยัง ก็คงต้องคุยแผนว่าจะนำน้ำออกทางไหนดีอันนี้ก็คงต้องเป็นภาพรวม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแล้ว! เขื่อนเจ้าพระยากลับมาเพิ่มการระบายน้ำอีกระลอก
เขื่อนเจ้าพระยากลับมาเพิ่มระบายน้ำขึ้นอีกรอบ หลังฝนตกทำให้แม่น้ำเจ้าพระยา-แม่น้ำสะแกกรัง เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ตอนบนของประเทศ ฝนลดลง ชป.เดินหน้าเก็บกักน้ำปลายฤดูฝน สำรองไว้ใช้แล้งหน้าให้มากที่สุด
เมื่อวันนี้ 15 ต.ค. 67 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำกู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ผศ.ดร.สิตางศ์ พิสัยหล้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา
น้ำทะเลหนุน! กรมชลฯ เฝ้าระวังระดับน้ำ 7 พื้นที่เสี่ยงลุ่มเจ้าพระยา
กรมชลประทาน คาดการณ์ระดับน้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง 3 วันล่วงหน้า (13-15 ต.ค. 67)
'เขื่อนเจ้าพระยา' ลดระบายน้ำต่อเนื่อง พื้นที่ลุ่มต่ำ 4 จ. ท่วมน้อยลง
แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ และแม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี มีปริมาณลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท
สั่งปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ ลดผลกระทบลุ่มเจ้าพระยา
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ให้สอดคล้องกับการคาดการณ์น้ำท่าที่จะไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักฯ
กรมชลฯ เร่งระบายน้ำเชียงใหม่ต่อเนื่อง คาดน้ำปิงต่ำกว่าตลิ่งคืนนี้
สถานการณ์น้ำแม่น้ำปิงที่ จ.เชียงใหม่ แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่ระดับน้ำได้เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 5.30 เมตร