ศาลอาญาเลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 5 คดี ‘ธาริต’ กับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา ‘มาร์ค-สุเทพ’ สั่งฆ่าประชาชนปี 2553 ไปเป็น 9 ธ.ค.2565 อ้างติดโควิดอยู่กลุ่มเสี่ยง 608
07 ก.ย.2565 - ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 5 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค.2554-13 ธ.ค.2555 จำเลยทั้งสี่ ในฐานะพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองสั่งฆ่าประชาชน และอื่นๆ ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษทางอาญา จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯงรัฐมนตรี
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยยื่นฎีกา และคำร้องอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ในคดีขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่
ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ซึ่งเป็นการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 4 ศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่สามารถส่งหมายนัดให้นายธาริตตามที่อยู่ใหม่ได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ส่งหมายศาลไปอีกครั้ง ถ้าหากส่งไม่ได้อีก ก็ให้ติดหมายไว้โดยเจ้าหน้าที่ศาล ให้ประกาศทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้ประกาศหน้าศาล พร้อมกับบังคับนายประกันว่า ให้แถลงภูมิลำเนาของนายธาริต ทั้งนี้ ได้กำชับนายประกัน และจำเลยอื่นให้ติดต่อนายธาริต
โดยวันนี้ทนายโจทก์ ทนายจำเลย จำเลยที่ 2-4 เดินทางมาศาล โดยทนายที่ 1 ยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์ว่า จำเลยที่1 ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาที่ รพ.พญาไท 2 อีกทั้งจำเลยที่ 1 จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพราะเป็นโรคเบาหวาน ความดัน เส้นเลือดในสมองตีบ ทนายโจทก์ไม่คัดค้าน
โดยในวันนี้นาง พะเยาว์ อัคฮาดเเม่ของ น.ส. กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม มายื่นคำร้องขอในฐานะผู้เสียหายในคดี
พิเคราะห์แล้ว กรณีที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องโดยอ้างเหตุจำเลยที่ 1 ติดเชื้อโควิด 19 นั้น ศาลสอบทนายจำเลยที่ 1 เป็นการติดเชื้อครั้งใหม่ และขณะนี้จำเลยที่ 1 กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 อยู่ในห้องปลอดเชื้อ โดยมีแพทย์หญิงอยุทธินี สิงหาโกวินท์ เป็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและได้มีใบรับรองแพทย์ฉบับลงวันที่ 5 ก.ย.2565 แนบท้ายคำร้อง สอบทนายโจทก์ที่ 1 ทนายโจทก์ที่ 2 แล้วแถลงไม่คัดค้าน จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ป่วย ประกอบกับคดีนี้มีนางพะเยาว์ ญาติผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม และทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอส่งสำนวนคืนศาลฎีกา กรณีจึงไม่อาจอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลฎีกาได้ จึงให้ส่งคำร้องขอส่งสำนวนคืนศาลฎีกาและคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามดังกล่าวไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาโดยเร็ว ให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษา หรือนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาในวันที่ 9 ธ.ค.2565 เวลา 09.00 น. ตามวันเวลาที่คู่ความทั้งสองฝ่ายมีวันว่างตรงกัน
อย่างไรก็ตาม ศาลได้แถลงว่าหากจำเลยที่1 ใช้เหตุผลการป่วยในการขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดีอีกในครั้งหน้า ศาลจะไม่อนุญาตแล้วจะไต่สวนทันที และห้ามใช้เทคนิคทางกฎหมายมาขัดขวางการอ่านคำสั่งของศาลอีก
นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความของนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้นายธาริตยื่นคำร้องขอเลื่อนเนื่องจากป่วยเป็นโควิดโดยมีใบรับรองเเพทย์เราไม่คัดค้าน เเต่กรณียื่นคำร้องขอให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาใหม่เราเห็นว่านายธาริตไม่มีเหตุตามกฎหมายยื่นเเล้ว ส่วนคำร้องของนางพะเยาว์มองว่าไม่ใช่ผู้เสียหายหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี ถ้าหากนางนางพะเยาว์จะยื่นฟ้องควรเป็นคดีที่มีการฟ้องนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่คดีนี้ จึงยื่นคัดค้านเเต่การยื่นในวันนี้ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาจึงยื่นให้ศาลฎีกามีคำสั่งต่อไปเเละก็นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 9 ธ.ค.
นางพะเยาว์ กล่าวว่าที่มาในวันนี้มาในฐานะผู้เสียหายตอนที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ได้สั่งให้คดีสลายการชุมนุมอยู่ในการดำเนินการของดีเอสไอ เเละให้นายธาริตเป็นคนดำเนินการเเต่ช่วงนั้นนายธาริตเงียบมาตลอดไม่มีการเเถลงข่าว ตนเองเป็นคนไปประท้วงหน้าดีเอสไอ จนตอนหลังนายธาริตมีการทำสำนวนฟ้องคดีไป เเต่กลับว่าคนที่ดำเนินการตามหน้าที่มีความผิด เชื่อว่าประเทศไทยถ้ามีมาตรฐานเเบบนี้มันก็จะมีเหตุการณ์มีคนตายขึ้นมาอีก เเล้วคนที่ปฏิบัติหน้าที่ถูกฟ้องอีกเเล้วต่อไปใครจะทำคดี จะเห็นว่าที่มีารชี้การตายกว่า20 ศพก็เป็นการดำเนินการของดีเอสไอยุคนายธาริต ตรงนี้คือสิ่งที่ประชาชนได้รับ
“มายื่นวันนี้ไม่ได้มาเป็นโจทก์ร่วมฟ้องนายธาริต เเต่มายื่นเพื่อขอให้ศาลฎีกามีการพิจารณาคดีใหม่ให้ความเป็นธรรมให้กับนายธาริต ซึ่งทำตามหน้าที่เเล้วจะต้องมีความผิดด้วยหรือไม่โดยการรับฟังข้อเท็จจริงจากญาติผู้เสียชีวิตด้วย เห็นว่าการสั่งดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์เเละนายสุเทพของนายธาริตถูกต้องเเล้ว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โฆษกดีเอสไอ เผยผลสอบสินบน คลิปเสียงเทวดา DSI เอี่ยวดิไอคอน จะออกเร็วๆนี้
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีบริษัท ดิ ไอ คอน กรุ๊ป ว่า กรณีที่ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล จะนำพยานชุดแรก
DSI ฟัน 18 บอส นำร่อง ‘ฉ้อโกง’ ล็อต 2 ยังไม่ชัด!
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารข่าว การส่งสำนวนการสอบสวนคดีเว็ปพนัน BNK ให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนต่อ
ย้อนมติครม.ยุคอภิสิทธิ์ เห็นชอบให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว เตือนรัฐบาลอย่าฝืน
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง อย่าลืมมติคณะรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เห็นชอบในหลักการ “ให้ยกเลิก MOU 2544” ไปแล้ว มีเนื้อหาดังนี้
กกต.รวม 4 คำร้องพ่อนายกฯครอบงำเป็นสำนวนเดียวจ่อเรียกตัวมารับทราบ
กกต. รวม 4 คำร้อง 'ทักษิณ' ครอบงำ 'เพื่อไทย' เป็นสำนวนเดียว เหตุคำร้องทำนองเดียวกัน ประธาน กกต. ยัน ต้องเรียกคนถูกร้องมารับทราบตามกฎหมาย ย้ำต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ผบ.ตร. ยอมรับสอบสวนนานเกินไป ปม 'พ.ต.อ.' เอี่ยวดิไอคอน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งล่าสุดทางคณะกรรมการกลั่นกรอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติเอกฉันท์รับคดีหลอกลวงประชาชนลงทุน
'ดีเอสไอ' ยังไม่ฟัน 'ดิไอคอน' เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ รอความเห็นสนง.เศรษฐกิจการคลัง
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ