29 ส.ค.2565 - นายวิเชียร ชุบไธสง ผู้สมัครนายกสภาทนายความ ที่ได้รับเลือกคะเเนนมาเป็นอันดับ1 ในการเลืกตั้งนายกสภาทนายความได้เปิดเผยภายหลังทราบผลคะเเนนอย่างไม่เป็นทางการ ว่า การเลือกตั้งนายกเเละกรรมการสภาทนายความในครั้งนี้ ตนชูนโยบายเเละแนวคิดในการจัดตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งว่าจะต้องมีกรรมการสภาทนายความส่วนที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดประกอบด้วยกรรมการ22คนเเละนายกสภาฯ1คนรวมเป็น23คน แนวคิดของตนคือต้องการที่จะสร้างความสามัคคีและผดุงเกียรติวิชาชีพทนายความจึงจำเป็นต้องรวมแม่น้ำทุกสายให้มาอยู่ในคณะของให้ได้ และแม่น้ำทุกสายนั้นจำเป็นต้องมีคน3 รุ่นมาร่วมคณะด้วยรุ่นแรกเป็นรุ่นอาวุโส รุ่นที่สองเป็นรุ่นกลางคน รุ่นที่สามเป็นรุ่นวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ ก็จะมีคำถามว่าทำไมต้องเอาคนรุ่นใหม่มาทำในคณะ
เนื่องจากเล็งเห็นว่าคนรุ่นใหม่ในวันนี้คืออนาคตขององค์กรเราภายภาคหน้าเพราะว่าทนายรุ่นใหม่ต้องเติบโตเติบใหญ่เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะไปแทนคลื่นลูกเก่า เราจึงจำเป็นต้องสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อไปเรียนรู้ในการบริหารงานขององค์กร ที่สำคัญเราจำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ที่เป็นประโยชน์ในการที่จะร่วมกันพัฒนาองค์กรของเราอย่างเป็นระบบ จึงได้มาซึ่งแม่น้ำทุกสายและคนทั้ง3รุ่นหลังจากที่เราได้ผู้ร่วมคณะมาดังกล่าวแล้ว ก็มากำหนดยุทธศาสตร์ในการที่จะเข้าไปบริหารองค์กร
นายวิเชียร กล่าวว่าพอหลังจากวางยุทธศาสตร์เสร็จก็ถึงมากำหนดนโยบายเพื่อให้สอดรับยุทธศาสตร์ ซึ่งที่ผ่านมาทุกคณะเวลาลงเลือกตั้งจะกำหนดแค่นโยบายอย่างเดียว ไม่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ ตนก็สร้างมิติใหม่แห่งวงการด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบายของเรามาซึ่งมี6ด้าน 30ข้อซึ่งแต่ละด้านแต่ละข้อนั้นเป็นนโยบายที่เราสามารถจับต้องได้เห็นเป็นรูปธรรมทำได้อย่างชัดเจนและเราจะดูแลทั้งด้านองค์กรด้านปรับปรุงสวัสดิการ,ด้านปรับปรุงเทคโนโลยีขององค์กร ด้านความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กร ด้านทางวิชาการ และด้านการช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย
นโยบายจำเป็นต้องทำเร่งด่วนทุกข้อที่เราเล็งเห็นว่าตอนนี้จำเป็นคือเรื่องประสิทธิภาพในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน องค์กรของเราจำเป็นต้องทำงานเชิงรุกในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทางกฎหมายอันดับ1ก่อนทุกวันนี้ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกฎหมายของพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นมันเหลื่อมล้ำกันเกินไปคนที่มีเงินก็สามารถที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ง่ายกว่าคนไม่มีเงิน องค์กรของเราในฐานะที่เป็นเสาหลักเสาหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นเสาหลักที่ต้องอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนทางด้านกฎหมายตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
ไม่เหมือนหน่วยงานอื่นที่จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมเพียงแค่ต้นน้ำ บางที่แค่กลางน้ำ หรือปลายน้ำ จึงคิดว่าจะเข้าไปให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเชิงลึกและการช่วยเหลือแบบรวดเร็วทันท่วงที เพราะหากใช้เวลาช้าจนเกินไปมันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายเกินกว่าจะแก้ไขได้หรือแก้ไขลำบาก การช่วยเหลือประชาชนเป็นนโยบายแรกและนโยบายหลักที่ต้องทำด่วน
"สิ่งแรกที่เราจะทำคือตั้งศูนย์ออนไลน์ให้คำปรึกษาให้แก่ประชาชนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนให้มาใช้บริการของสภาทนายให้มากที่สุดเพราะทุกวันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบบทบาทขององค์กรเรามากนัก เขามักจะไปพึ่งคนบางคนที่ออกสื่อ ออกทีวีบ่อยหรือเรียกว่าทนายโซเชียลก็ไม่ผิด บางคนไม่ได้เป็นทนายด้วยซ้ำแต่ออกสื่อบ่อย ชาวบ้านก็ไปเชื่อ"นายวิเชียร ระบุ
ว่าที่นายกสภาทนายความ กล่าวต่อว่า เราต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการใช้บริการด้านกฎหมายของสภาทนายโดยเราจะกระจายอำนาจอย่างแท้จริงไปสู้ภูมิภาคให้ส่วนภูมิภาคมีอำนาจตัดสินใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงที ศูนย์ทนายความจะมีประธานสภาทนายความอยู่ทุกจังหวัดอยู่แล้ว เราจะใช้ที่ทำการของประธานสภาทนายความทุกจังหวัดเราจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วประเทศให้รับรู้ว่าจังหวัดไหนที่ตั้งของสภาทนายความจังหวัดที่ตรงไหนเบอร์อะไรสามารถติดต่อประธานสภาทนายความจังหวัดได้ยังไง ต้องเน้นประชาสัมพันธ์ให้มาก ว่าหากมีปัญหาด้านกฎหมายเจอทนายความได้เลย
"ส่วนค่าใช้จ่ายโดยหลักปรึกษาฟรีอยู่แล้ว คดีไหนเข้าข่ายยากจนหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงนั้นเราช่วยเหลือฟรีไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้เสียหายหรือว่าผู้ต้องหา ทุกคนสามารถเข้าไปปรึกษาได้ ได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยก็ตาม โดยหลักการจัดตั้งสภาทนายต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจนไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าจะอยู่สถานะไหนมีคดีสภาทนายความจะเข้าไปช่วยฟรีไม่ว่าจะเป็นการว่าความในศาลก็ตาม 2หลักเกณฑ์ใหญ่คือไม่ได้รับความเป็นธรรมกับยากจน ส่วนเรื่องปรึกษากฎหมายสามารถปรึกษาฟรีทุกคน ส่วนการเข้าไปทำงานตอนไหนนั้นต้องรอการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งก่อน"
เขา กล่าวว่า ส่วนนโยบายเดิมของผู้บริหารชุดปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นทนายความประจำโรงพัก หรือวิทยาลัยทนายความ ความจริงตนเติบโตจากการเป็นทนายความอาสา เเละทนายประจำโรงพักคนเเรกๆของประเทศไทย นโยบายอันไหนดีตนต่อยอดอยู่แล้วครับ ส่วนอันไหนถ้าดูไม่มีประสิทธิภาพก็จะต้องพิจารณากัน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ ยุทธศาสตร์ และนโยบาย นายวิเชียร ชุบไธสง ผู้สมัครนายกเบอร์ 3 ว่าที่นายกสภาทนายความคนใหม่ เเละกรรมการสภาทนายความเบอร์ 23-44
มีนโนบายดังนี้
ปกป้อง ปรับปรุง โปร่งใส เปิดกว้าง ประสิทธิภาพ
1. ปกป้ององค์กรและผดุงเกียรติทนายความ
1.1 คัดค้านปฏิรูปการศึกษานิติศาสตร์แห่งชาติด้านวิชาชีพทนายความ
1.2 ยกมาตรฐานการกลั่นกรองก่อนรับเป็นคดีมรรยาท โดยความเห็นชอบของประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความ
2. ปรับปรุงด้านสวัสดิการ
2.1 ฟื้นฟูกองทุนต่าง ๆ โดยเพิ่มเงินช่วยเหลือกรณีทนายความเจ็บป่วยทุพพลภาพสูงสุด 120,000 บาท
2.2 เพิ่มเงินเบี้ยทนายความอาวุโส ปีแรก 7,000 บาท ปีถัดไปปีละ 10,000 - 20,000 บาท
2.3 ปรับปรุงการฌาปนกิจสงเคราะห์ของสภาทนายความ จ่ายเงินเต็มตามจำนวนสมาชิก เช่น สมาชิก 10,000 คนจ่าย 200,000 บาท ทันที
2.4 ส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานการกีฬาทุกประเภท และสันทนาการอย่างทั่วถึงเพื่อความสามัคคี
2.5 นำสหกรณ์ออมทรัพย์ทนายความแห่งประเทศไทยกลับสู่สภาทนายความ และจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไว้บริการสมาชิกในกรณีจำเป็น
2.6 ทำความร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อส่งเสริมเครดิตการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ
2.7 เพิ่มค่าตอบแทนทนายความอาสาวันละ 1,500 บาท หรือตามแนวทางปฏิรูปของรัฐบาล
2.8 จ่ายเงินค่าตอบแทนทนายความอาสาภายใน 1 เดือน
2.9 เพิ่มค่าใช้จ่ายให้สภาทนายความจังหวัด ขั้นต่ำเดือนละ 7,000 บาท หรือตามภาวะเศรษฐกิจ
3. ปรับปรุงด้านเทคโนโลยี
3.1 นำเทคโนโลยีระบบ Digital และ Blockchain มาใช้ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้บริการทนายความ
3.2 จัดทำห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ E-Library บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับแบบฟอร์มต่าง ๆ ของศาล ตัวอย่างคำคู่ความนิติกรรมสัญญา และคำพิพากษาศาลฎีกาใหม่ล่าสุด
3.3 เพิ่มช่องทางจัดทำใบอนุญาตให้เป็นทนายความแบบอิเล็กทรอนิกส์ และต่อใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ผ่านแอพพลิเคชั่นไม่ต้องเดินทางไปยังที่ทำการสภาทนายความ และไม่ต้องส่งไปรษณีย์
3.4 เพิ่มช่องทางการสมัครผู้สอบรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
4. โปร่งใสในการบริหารองค์กร
4.1 เปลี่ยนโครงสร้างขององค์กร โดยการกระจายอำนาจไปสู่ภูมิภาคอย่างแท้จริง ด้วยการให้ส่วนภูมิภาคมีบทบาทในการทำงานร่วมกับส่วนกลางอย่างมีประสิทธิภาพ
4.2 ยึดหลักการบริหารตามโครงสร้างของสภาทนายความตามหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
4.3 สร้างความสามัคคีและความเสมอภาคให้สมาชิกอย่างเท่าเทียมกัน และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมขององค์กรอย่างทั่วถึง
4.4 ปฏิรูปเจ้าหน้าที่สภาทนายความต้องบริการสมาชิกทนายความแบบมืออาชีพ
4.5 ปรับปรุงอาคาร สถานที่ จัดทำห้องรับรอง เพื่อให้บริการทนายความ และประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
5. เปิดกว้างด้านวิชาการและการมีส่วนร่วม
5.1 จัดอบรมหลักสูตรเฉพาะทางชำนาญการ 36 หลักสูตร เพื่อยกระดับมาตรฐานในการเพิ่มช่องทางการประกอบวิชาชีพทนายความ
5.2 จัดอบรมกฎหมายทั่วไปทั้งแบบ Online และ Onsite แบบ Onsite จะนำวิทยากร (คนส่วนน้อย) ไปบริการทนายความ (คนส่วนใหญ่) ในแต่ละจังหวัด
5.3 จัดอบรมและทดสอบผู้ขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความโดยจัดให้มีการสอบในส่วนภูมิภาค
5.4 เปิดศูนย์ออนไลน์ให้คำปรึกษาด้านคดีแก่ทนายความใหม่
5.5 จัดตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายที่เป็นการลิดรอนสิทธิประชาชน หรือกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการประกอบวิชาชีพทนายความเพื่อทำการแก้ไขเพิ่มเติม โดยให้ทนายความทุกท่านมีส่วนร่วม
5.6 จัดตั้งคณะทำงานเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ในการประกอบวิชาชีพทนายความ และประชาชน
5.7 ตั้งศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาวิชาชีพทนายความ
6. ประสิทธิภาพการช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย
6.1 ให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ และไม่ได้รับความเป็นธรรมในเชิงรุกโดยให้
ส่วนภูมิภาคเป็นผู้อนุมัติให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
6.2 จัดให้มีคณะทำงานคดีสิ่งแวดล้อม คดีสิทธิมนุษยชน และคดีผู้บริโภคประจำทุกภาค และจัดตั้งอนุกรรมการทุกจังหวัด
6.3 ผลักดันของบประมาณจากรัฐบาล ให้ได้รับเพิ่มขึ้นเพื่อสอดรับกับภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'
ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม
นายกสภาทนายความ เข้าพบ ประธานศาลฎีกา หารือป้องกันทนายความปลอม
ที่ศาลฎีกา นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยคณะบริหารสภาทนายความและตัวแทนประธานสภาทนายความจังหวัด ได้เข้าพบนางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา พร้อม
'ครูปรีชา' ยิ้มร่าฟ้าลิขิต หิ้วกาแฟ-ข้าวผัดเยี่ยม 'ทนายตั้ม'
'ครูปรีชา' ยิ้มร่ารับน้อง หิ้วกาแฟพร้อมข้าวผัด ฝาก 'ทนายตั้ม-ภรรยา' ปัดซ้ำเติม แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมจากการกระทำของตัวเอง
'นิพิฏฐ์' ผุดไอเดีย! อบรมธรรมะ 'ทนายความ' ก่อนออกใบอนุญาต
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “กรรม” ตามหลักพุทธศาสนา ผมสนใจเรื่อง "กรรม"
สภาทนายความ ร่อนแถลงการณ์แจงกรณี 'มรรยาททนายความ'
สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงการณ์ชี้แจงการดำเนินคดีมรรยาททนายความ ระบุว่าตามที่สื่อมวลชนและสังคมให้ความสนใจ
สภาทนายฯ แจง 'ทนายตั้ม' โดนหมายจับฝากขังในเรือนจำ คนละส่วนคดีมรรยาททนาย
กรณี ศาลอาญา รัชดา ได้อนุมัติหมายจับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คน