27 ส.ค.2565 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า "ข่าวยี่ห้อรอยเตอร์ แต่เขียนโดยคนไทย ผลงานของสามนิ้ว กระจายโดยสามนิ้ว เพื่อจูงจมูกสามนิ้ว"
ก่อนหน้านี้ดร.ศุภณัฐ โพสต์ว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจะต้องถูกกระทำแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน?
รอยเตอร์จะหมดความน่าเชื่อถือเพราะข่าวแบบนี้
เห็นนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แชร์ข่าวของรอยเตอร์เกี่ยวกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ พอเข้าไปอ่านเนื้อความก็ได้กลิ่นตุๆ จนทำให้ต้องดูว่าใครเป็นคนเขียนข่าวชิ้นนี้ขึ้นมา ปรากฏว่าคนเขียนข่าวเป็นคนไทยที่มีชื่อว่านาย Chayut Setboonsarng
โดยข่าวของนาย Chayut Setboonsarng ชิ้นนี้ นับได้ว่าเป็นการเขียนข่าวแบบมีธงอคติปักไว้แล้ว ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนและรอบด้านแต่อย่างใด หากแต่เต็มไปด้วยข้อมูลด้านเดียว ซึ่งอาจจะจงใจชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ เสียด้วยซ้ำ
จากการอ่านข่าวดังกล่าว พบว่ามีหลากหลายประเด็นที่ต้องชี้แจงให้สังคมได้รับรู้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ให้สังคมได้ตระหนักว่าการได้ผลกำไรของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นเรื่องปกติที่เป็นธรรม ไม่ได้มีความผิดแปลกใดๆ ทั้งสิ้น
ประเด็นที่ 1.บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นบริษัทเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นฐานในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลกของประเทศอังกฤษ เพราะมีโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลหลายรายการ เช่น PIC/S GMP, ISO9001, ISO17025 และ ISO13485 อีกทั้งยังสามารถรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าได้ในกำลังการผลิตที่สูงถึง 200 ล้านโดสต่อปี สอดคล้องกับความต้องการผลิตวัคซีนจำนวนมากของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า
ประเด็นที่ 2.แม้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จะไม่ได้ผลิตวัคซีนโดยตรง แต่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มีเทคโนโลยีชั้นสูงที่ก้าวหน้าและทันสมัย สามารถผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงนำมาใช้ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 แบบไวรัสเวกเตอร์ (Viral vector) ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าได้อีกด้วย
ประเด็นที่ 3.การขาดทุนของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มาจากการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งมีกำลังการผลิตที่สูงถึงหลายร้อยล้านโดสต่อปี จึงไม่แปลกที่จะขาดทุนอย่างต่อเนื่องในระยะแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นใน ปี พ.ศ. 2552 จนกระทั่งเริ่มการผลิตและมีการจัดจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2559 อีกทั้งยังมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะให้ประชาชนชาวไทยสามารถได้รับยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง
ประเด็นที่ 4.บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสของประชาชนทั่วไปในการเข้าถึงยาที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลง เพื่อความมั่นคงทางยาของประเทศชาติ และดูแลรักษาสุขภาพของปวงชนชาวไทย นอกจากวัคซีนโควิด-19 แบบไวรัสเวกเตอร์ (Viral vector) ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ในปัจจุบันบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ยังได้รับการรับรองและผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ยาฮอร์โมนอีริโทโพอิติน (Erythropoietin) สำหรับกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง รักษาภาวะโลหิตจางจากไตวายเรื้อรัง และยาฟิลกราสทิม (Filgrastim) สำหรับกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวควบคู่กับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง
ประเด็นที่ 5.การที่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาลเพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิตวัคซีนจำนวน 600 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่เงินสนับสนุนแบบให้เปล่าแต่อย่างใด เพราะในสัญญาได้ระบุไว้ว่า เมื่อผลิตได้ตามมาตรฐานแล้ว จะคืนวัคซีนในจำนวนเท่ากับทุนที่ได้รับการสนับสนุน แต่นักเขียนข่าวอย่างนาย Chayut Setboonsarng กลับไม่ยอมทำการบ้านเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังมีหัวสมองไว้กั้นหูจนนำเสนอแต่ข้อมูลด้านเดียว โดยไม่ได้นำเสมอข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์แต่อย่างใด
ข่าวรอยเตอร์โดยนาย Chayut Setboonsarng ชิ้นนี้ จึงเป็นข่าวที่ไร้คุณภาพและมาตรฐานใดๆ เพราะนำเสนอแค่ข้อมูลด้านเดียวที่เต็มไปด้วยอคติว่าบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้กำไรเยอะแยะ โดยที่ไม่ได้นำเสนอที่มาที่ไปตามความจริงอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ข่าวรอยเตอร์ในลักษณะแบบนี้ จึงนับได้ว่าเข้าข่ายบิดเบือนข้อมูลในทางให้ร้าย ชวนให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยและความเข้าใจอันผิดพลาดคลาดเคลื่อนต่อบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งอาจจงใจให้กระทบกระเทือนไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย
เราคงได้เห็นกันแล้วว่าขบวนการปั่นกระแสบิดเบือนโดยใช้สื่อและโซเชียลมีเดียเพื่อชี้นำทางความคิดนั้นมีอยู่จริง เบื้องหลังก็คนไทยเองนี่แหละที่เขียนข่าว แล้วแปะชื่อรอยเตอร์ จากนั้นก็ให้พวกอินฟลูเอนเซอร์สามนิ้วออกมาช่วยกระจายความบิดเบือน
เฮ้อ เบื่อจริงๆ ที่ต้องทนเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถูกกระทำแบบนี้ ถูกบิดเบือนให้ร้ายด้อยค่า แล้วยัดเยียดความเกลียดชังบนพื้นฐานของการโกหกอย่างไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด เมื่อไหร่หนอขบวนการแย่ๆ ที่คอยปั่นกระแสบิดเบือนจะจบสิ้นลงไปเสียที?"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.นิว ชำแหละพฤติกรรมครอบงำ จุดเริ่มต้นแทรกแซงทหาร ไปสู่ ‘ฮุนเซนโมเดล’
ที่น่ากลัวที่สุด การแทรกแซงทหารจากฝ่ายการเมืองอาจเป็นบันไดสำคัญไปสู่การครอบงำสถาบันสูงสุดตามแผนการฮุนเซนโมเดล
‘หัวโต’ เบื่อฉิบหาย! หัวเขียงเพื่อไทย จะแก้กม.สกัดรัฐประหาร ชาติหน้าตอนบ่ายๆ
สืบเนื่องจากกรณี นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)จัดระเ
ดร.ศุภณัฐ ชี้ปิดประตูรัฐประหารในไทย ทหารต้องเป็นอิสระจากการเมืองฉ้อฉล
การปิดประตูรัฐประหารในประเทศไทย ต้องนำทหารออกจากการเมือง ที่สำคัญนักการเมืองเองก็ต้องไม่แทรกแซงทหาร
'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!
ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center
เกาะกูดไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนในทะเล ‘ดร.นิว’ ลั่นรัฐบาลไหนกล้าขายชาติ ก็ให้มันรู้ไป
เกาะกูดเป็นของไทย ไม่ใช่สิทธิ์ที่ใครจะมาเคลม ไม่ใช่สิทธิ์ที่ใครจะมาอ้างพื้นที่ทับซ้อน