ยิ่งกว่าซีรี่ย์ใน Netflix "ทนายตั้ม" โพสต์ขอบคุณ "ชาดา-แรมโบ้-รมว.กต." ช่วยหญิงไทยถูกพ่อขังในประเทศมุสลิม กลับไทย
13 ส.ค.2565 - นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" ระบุขอบคุณนายชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สามารถช่วยหญิงไทย ที่ถูกบิดา ขังไม่ให้ออกจากบ้าน ในประเทศมุสลิม จนสามารถกลับถึงไทยได้ ว่า ยิ่งกว่าซีรี่ย์ใน Netflix เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 มีน้องคนนึงขอเรียกชื่อว่า นาย A มาปรึกษาผมที่ Sittra Law Firm ว่าภรรยาของตนชื่อนาง B พ่อเป็นคนในกลุ่มประเทศพี่น้องชาวมุสลิม แม่เป็นคนไทย เกิดในประเทศไทย และมีสัญชาติไทย ถูกพ่อบังคับให้ไปประเทศหนึ่ง อยากกลับประเทศไทยมาก แต่โดนยึดพาสปอร์ต และโดนขังไว้ในบ้านไม่สามารถออกมาเองได้
ผมก็ถามว่าแล้วทำไมไม่ให้นาง B หาทางหนีออกมาเอง แล้วไปขอความช่วยเหลือสถานทูตไทย เพราะนาง B เป็นคนไทยยังไงสถานทูตต้องช่วยอยู่แล้ว นาย A ก็เล่าว่าประเทศที่ภรรยาตนอยู่ จะค่อนข้างจำกัด เสรีภาพของผู้หญิงมาก ผู้หญิงไม่สามารถออกจากบ้านคนเดียวได้ ต้องมีผู้ชายออกมาด้วย
ในวันแรกนั้นผมจำได้ว่าผมได้ปฎิเสธนาย A ไป โดยบอกว่าผมเป็นทนาย ไม่ใช่ พยัคฆ์ร้าย 007 ที่จะไปช่วยภรรยานาย A ได้ นาย A กลับไปด้วยสีหน้าเศร้าจนผมรู้สึกสงสารจับใจ หลังจากนั้นไม่นาน นาย A กลับมาอีกครั้ง บอกว่าตอนนี้สามารถติดต่อภรรยาได้แล้ว และภรรยาได้ส่งคลิปร้องไห้ ขอร้องให้ผมช่วยหาทางกลับไทย
ผมเริ่มคิดหาทางช่วยเหลือ ปรึกษาทั้งตำรวจและอัยการ ตอนแรกคิดว่าจะไปแจ้งความที่ สน.สุวรรณภูมิ ว่าเกิดเหตุหลอกลวงคนไทยไปต่างแดน เพื่อให้เกิดเป็นคดีและจะเอาใบแจ้งความประสานสถานทูต แต่คิดว่าคงใช้เวลาเป็นปีแน่ๆ
ช่วงนั้นโชคชะตาพาผมได้รู้จักกับพี่ชายคนนึง ชื่อชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็น ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี ผมจึงพานาย A ไปปรึกษา พี่ชาดาก็ช่วยประสานทุกอย่างเต็มที่ โดยนาย A ได้เดินทางไปช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2565
ต้องบอกก่อนว่าประเทศที่นาง B อยู่ มีความยากลำบากในการประสานและช่วยเหลือนาง B มาก พลาดขึ้นมา นาย A และทีมงาน อาจจะไม่ได้กลับมาแบบมีชีวิต ผมอยู่เมืองไทยก็เช็คข่าวตลอด แต่การสื่อสารเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ท้ายที่สุดผมได้รับแจ้งว่า #ออกมาได้แล้วกำลังเดินทางไปสถานทูต แต่ติดปัญหาเรื่องพาสปอร์ตโดนยึด และวีซ่าขาด ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ถ้านานขนาดนี้ นาย A และ นาง B อาจมีปัญหา
ผมจึงโทรไปขอความช่วยเหลือกับ พี่แรมโบ้อีสาน เสกสกล อัตถาวงศ์ ว่าเกิดปัญหาคนไทยติดอยู่ต่างประเทศ พร้อมเล่าปัญหาทุกอย่างให้ฟัง พี่แรมโบ้จึงประสานท่านดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จนท่านรัฐมนตรีสั่งการไปที่สถานทูตปลายทาง ให้รีบดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มคนไทยกลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็ว และทราบว่าทางกระทรวงได้ประสานงานกับทางสถานทูตเป็นระยะ
จนเช้าวันนี้ทุกคนก็กลับถึงประเทศไทย ผมต้องขอขอบคุณพี่ชาดา พี่แรมโบ้ ท่านรัฐมนตรีดอน ที่ช่วยนาง B ให้กลับมาประเทศอย่างปลอดภัยนะครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'
ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม
'นิพิฏฐ์' เล่าเรื่องวิชาชีพทนายความ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊ก
ตร. เรียก 'เจ๊อ้อย' ให้ข้อมูลเพิ่ม 2 คดี 'ทนายตั้ม' วางแผนเป็นผู้จัดการมรดก-เงิน 39 ล้าน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง
'นิพิฏฐ์' เผยคนที่เรียกว่า 'ทนายความ' อาจชั่วกว่า 'นักการเมือง' เสียอีก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความว่า ผมเป็นเพียงคนๆหนึ่งคนที่เดินแทรกตัวอยู่ท่ามกลางคน 66,052,6
สาวไส้ 'ทนายตั้ม' เปลี่ยนพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก 'เจ๊อ้อย'
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความกับพวก ในข้อหาฉ้อโกง
'ทนายรณณรงค์' ให้ปากคำคดีทนายตั้ม รับแปลกใจเพื่อนรวยผิดปกติ
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ หรือ ทนายรณณรงค์ เข้าให้ปากคำต่อตำรวจสอบสวนกลาง คดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด