'จาตุรนต์' แนะ 'อนุทิน' เร่งเคลียร์ กม.ควบคุมกัญชา

'จาตุรนต์' แนะ 'อนุทิน' เร่งแก้ไขปัญหาสุญญากาศกัญชาโดยเฉพาะในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะปัจจุบันดูเหมือนไปคนละทิศละทางระหว่าง สธ.และตำรวจ

28 ก.ค.2565 – นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “สั่งไปคนละทิศคนละทาง เมากัญชากันหรือยังไง?” มีเนื้อหาว่า ขณะนี้น่าจะเกิดความโกลาหลอย่างมากสำหรับข้าราชการเจ้าหน้าที่ทั้งของกระทรวงสาธารณสุขและตำรวจว่าจะปฏิบัติอย่างไรต่อกัญชาจึงจะไม่ขัดต่อกฎหมาย

หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ายกกัญชาออกจากยาเสพติด โดยไม่มีมาตรการองรับ รมต.สาธารณสุขก็เลยรีบออกประกาศกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม

ในประกาศนี้อ้างอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 มาตรา 4 , 44 และ 45
มาตรา 4 บอกว่า รมต.เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.นี้ ส่วนมาตรา 44 และ 45 เป็นมาตราเกี่ยวกับการกำหนดให้พืชใดเป็นสมุนไพรควบคุมและการคุ้มครองสมุนไพร ทั้งสองมาตรานี้ไม่มีบทลงโทษ

ถ้าวิเคราะห์เจตนาของการออกประกาศจะอยู่ที่ข้อ 2 คืออนุญาตให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปสามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย จำหน่ายกัญชาได้ ยกเว้นการกระทำดังต่อไปนี้
(1) การใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะโดยการสูบ
(2) การใช้ประโยชน์กับสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร
(3) การจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร

แต่ล่าสุดมีหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุขไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุมหรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรเพื่อการค้า ซึ่งเป็นความผิดมาตรา 46 พ.ร.บ.เดียวกัน

ในรายละเอียดแปลว่าที่มีการทำกันอยู่ทั้งการทำน้ำกัญชา สกัดกัญชา ทำขนมผสมกัญชาหรือขายหรือแม้แต่ให้กัญชาหรืออะไรที่มีส่วนผสมของกัญชาโดยไม่ขออนุญาตเสียก่อน เป็นความผิดและจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
เกือบจะเรียกว่าหักล้างประกาศของรัฐมนตรีก็ว่าได้

พอเข้าใจได้ว่าเมื่อกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมแล้ว มาตรา 46 ก็ต้องบังคับใช้โดยอัตโนมัติ แต่ประกาศของรัฐมนตรีไม่ได้อ้างมาตรา 46 ไม่ได้พูดถึงการขออนุญาตต่างๆแต่อย่างใด

ถ้ากลับไปดูประกาศของรัฐมนตรีก็จะพบว่าประกาศของรัฐมนตรีกับหนังสือจากกระทรวงไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีเจตนาที่แตกต่างกันอย่างมาก ปัญหาคือผู้เกี่ยวข้องอาจจะตีความเรื่องนี้ไปต่างๆกันจนไม่รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไร

เรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสับสนกันไม่น้อยแล้ว แล้วก็เป็นไปตามคาด ล่าสุด สธ.ขอคืนหนังสือที่ส่งไปสตช.แล้ว โบ้ยไปเรื่องช่อดอก ซึ่งเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แสดงถึงความสับสนชักเข้าชักออกของกระทรวงสาธารณสุขแบบเต็มๆ

กระทรวงสาธารณสุขควรจะรีบปรึกษาหารือกันเพื่อทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง มิฉะนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาสุญญากาศของนโยบายกัญชาได้ และยังจะทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายปวดเศียรเวียนเกล้าหรืออาจเดือดร้อนไปตามๆ กันได้

ส่วนที่พูดกันว่าเรื่องกัญชานี้ รมต.สาธารณสุขอยู่ในสภาพที่ถอยไม่ได้แล้วเพราะลงทุนลงแรงไปเยอะนั้น ก็พอเข้าใจได้ว่าท่านถอยไม่ได้ เพราะความจริงท่านถูกล้อมกรอบเสียแล้วทั้งโดยฝ่ายราชการประจำในกระทรวงและวงการสาธารณสุขนอกกระทรวงรวมทั้งภาคประชาสังคมด้วย ทางที่ดีคือร่วมกันหาทางออกที่ถูกต้องเหมาะสมเสียเถิดครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อัครนันท์’ ชูหาเสียงไม่รบกวนชุมชน ตั้งหลักคิดคุณภาพชีวิตมาก่อน

“อัครนันท์” ออกแนวทางการหาเสียงไม่กระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ ปรับเวลารถแห่ จาก 08.00 น.เป็น 10.00 น. หวังลดผลกระทบด้านเสียง เอาใจ คนในพื้นที่

‘สมศักดิ์’ นำผู้สมัครเพื่อไทย 3 จังหวัด สักการะมหาราชก่อนจับเบอร์

“สมศักดิ์” นำผู้สมัคร สส. เพื่อไทย “ตาก-สุโขทัย-พิษณุโลก” สักการะมหาราชทั้ง 3 พระองค์ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช-พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช-ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนลุยจับเบอร์สู้ศึกเลือกตั้ง

‘ยศชนัน’ สงวนท่าทีกากบาทป้าย iLaw หวั่น กกต.เอาผิด ปมแก้ รธน.

“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ร่วมกิจกรรม iLaw แสดงความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ รับส่วนตัวเห็นควรแก้ไข แต่ขอรอฟังเสียงประชาชน พร้อมย้ำเงื่อนไขงดแตะหมวด 1-2 และขอไม่กากบาทบนแผ่นป้าย เหตุไม่สบายใจทางการเมือง

กรมอนามัย ถอดบทเรียนภัยพิบัติ ยกระดับทีม SEhRT และการจัดการศูนย์พักพิง สร้างระบบสุขภาพเข้มแข็งรองรับภาวะฉุกเฉิน

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยกระดับทีม SEhRT การจัดการศูนย์พักพิง จากการถอดบทเรียนภัยพิบัติน้ำท่วมใต้ สู่ชายแดนไทย – กัมพูชา รับนโยบาย รมว.สธ. วางระบบฟื้นฟูการดูแลสุขภาพ สุขอนามัย และสุขาภิบาลให้กับประชาชนในศูนย์พักพิงเข้มข้