“ชัยชนะ” หวั่นทุนจีนทำธุรกิจผิดกฎหมายแพร่ขยายไปทั่วประเทศ เสนอ 4 มาตรการเพื่อควบคุม – วอนรัฐบาลเร่งปราบปรามการพนันออนไลน์ จับตาสโมสรฟุตบอลโซนภาคใต้ เปิดบังหน้าซุกธุรกิจฟอกเงิน
17 ก.ค.2565 – นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาเปิดเผยและเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการกับกลุ่มคนจีนที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในประเทศไทยว่า ตนเองมองว่าในกรณีดังกล่าว จากที่ได้ข้อมูลมา ขณะนี้กลุ่มคนจีนเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างมากมายแบ่งเป็น2กลุ่ม 1.ประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย 2.ประกอบกิจการผิดกฎหมาย ซึ่งในกลุ่มที่2 นั้น จะประกอบอาชีพ คอลเซ็นเตอร์ ผับ บ่อน พนันออนไลน์เงินกู้ เป็นต้น โดยคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ อายุยังน้อย อาศัยบารมีผู้มีอำนาจในประเทศในการดูแล
นายชัยชนะ กล่าวว่า ดังนั้น ตนเองขอเสนอแนะให้กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาจัดระเบียบกับนักธุรกิจชาวจีน ที่มาประกอบการธุรกิจผิดกฎหมายในเมืองไทยและไม่ให้ชาวจีนกลุ่มนี้มองว่าเมืองไทยทำอะไรก็ได้ ซึ่งในขณะนี้กำลังขยายอิทธิพลไปทั่วประเทศ รัฐบาลควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยผมขอนำเสนอมาตรการป้องกันไว้แบบนี้
1.ชาวจีนทุกคนที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ต้องแจ้งที่อยู่ที่ชัดเจนมาเมื่อเข้ามาอาศัยในเมืองไทย 2.ประเทศไทยต้องจะต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเช็คประวัติชาวจีนบุคคลที่ต้องสงสัยกับประเทศจีน 3.หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกระทำความผิดให้ดำเนินคดีและผลักดันกลับประเทศทันที 4.ให้แจ้งการได้มาของทรัพย์สินทั้งหมด ของนักธุรกิจชาวจีนที่มาในประเทศไทย โดยเฉพาะหากมีความเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติ ก็ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบได้ทันที
“ถ้าหากรัฐบาลและหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทราบข้อมูลว่ามีอะไรบ้างสามารถสอบถามได้จากผม เพราะผมไม่อยากเห็นชาวจีนกลุ่มนี้ ทำร้ายและดูถูกประเทศไทยไปมากกว่านี้” นายชัยชนะ ระบุ
นายชัยชนะ กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งเรื่องที่อยากฝากไปยังรัฐบาลคือการปราบปรามธุรกิจพนันออนไลน์ เพราะขณะนี้ที่ทราบมาเจ้ามือพนันออนไลน์ กำลังขยายวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆบางคนออกสังคมว่าทำลอตเตอรี่ออนไลน์ แต่หลังฉากนั้นยังทำธุรกิจพนันออนไลน์อยู่และที่สำคัญขณะนี้มีบุคคลหนึ่งที่น่าจะจับตามอง ชื่อย่อ จ. อยู่ในภาคใต้ตอนล่าง โดยมีการทำสโมสรฟุตบอลเพื่อส่งแข่งขันมาบังหน้า ดังนั้น ตนเองจึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีนี้ เพราะในระยะหลังๆ มีหลายสโมสรเริ่มใช้ทุนของต่างชาติเข้ามาเพื่อบริหารงานภายใน แต่เบื้องหลังมีการแอบแฝงโดยมีการดำเนินการฟอกเงินอีกด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้งข้อหาเพิ่ม 'ทนายตั้ม' ปมเงิน 39 ล้าน หลังรวบคนสนิทร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงปมเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย แจ้งความดำเนินคดี ว่า ด้านตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยวันที่ 11 พ.ย. 67
'ผบช.ก.' แถลงจับหมอดูชื่อดัง 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' แจ้ง 2 ข้อหาหนัก
'บิ๊กก้อง' แถลงจับ 'หมอดูตี่ลี่ฮวงจุ้ย' ตุ๋นเหยื่อซื้อวัตถุมงคลแก้เคล็ดกว่า 108 ล้าน เอาไปเล่นพนัน แจ้ง 2 ข้อหา 'ฉ้อโกง-ฟอกเงิน' พร้อมยึดรถหรู 2 คัน
คุมตัว 'ทนายตั้ม-เมีย' ฝากขังศาลอาญา คัดค้านประกันตัว
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการเบิกตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา มาสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อช่วงเช้า กระทั่งเวลา 13.30 น.พนักงานสอบสวน ได้นำตัว ทนายษิทรา พร้อมภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดา
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย 'ทนายตั้ม' เตรียมหนีออกนอกประเทศ ประสานตร.ทางหลวงสกัดจับ
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจับกุม ทนายตั้มและภรรยา ว่าคดีดังกล่าว ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ตนเข้ามาดูแล
คุมตัว 'ทนายตั้ม-เมีย' ถึงกองปราบ-คัดค้านการประกันตัว
ที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ผู้ต้อง
'ทนายตั้ม' อ่วมหนัก! 'อัจฉริยะ' แฉวิ่งอัยการได้ จ่อเปิดคดีที่ 5 รอเจ๊อ้อยไฟเขียว
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจออกหมายจับประเด็นที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลอกลวงนางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย