'กมล' เสนอ 90 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เรียกร้องประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจให้ประชาชนปลอดพ้นจากระบบทุนผูกขาด เลือกตั้งนายกฯ-ผู้ว่าฯทุกจังหวัดทางตรง โอนตำรวจมาขึ้นต่อการปกครองท้องถิ่นทั้งหมด
29 มิ.ย.2565- นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความ หัวข้อ วาระครบรอบ 90 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ มีเนื้อหาดังนี้
การเลือกฝ่ายบริหารหรือที่มาของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทางอ้อมโดยเสียงข้างมากของรัฐสภาอย่างที่เป็นมากว่า 90 ปี ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ทำให้รัฐสภาได้กลายเป็นสภาโจ๊ก เป็นเวทีจำอวด เป็นเวทีแสดงปาหี่ทางการเมือง
ดังนั้น การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองไม่ว่าจะเป็นประเด็นใด ก็จะไม่ได้รับการตอบสนองโดยที่การเลือกตั้งยังอยู่ในรูปแบบเดิมจึงไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในสภาวะปัจจุบัน
เพราะ พรรคการเมือง ส.ส. และ ส.ว. เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ และเข้ามาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มที่สนับสนุนให้ตนได้รับการเลือกเข้าสู่สภา ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้รับการเลือก
การเรียกร้องน่าจะก้าวไปให้ไกลกว่าแค่ให้มีการเลือกตั้งแบบเก่าๆ ซึ่งเปิดช่องให้กลุ่มทุนสามานย์ กลุ่มทุนมาเฟียกลับมาโกงกินเงินภาษีอากรของเราได้อีก และจะนำพาประเทศไปสู่ภาวะล้มละลายเหมือนหลายๆในระยะเวลาไม่นานเกินรอ
การเรียกร้องต้องเรียกร้องเสรีภาพ และประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจให้ประชาชนปลอดพ้นจากระบบทุนผูกขาดที่เป็นต้นตอของค่าครองชีพสูงทุกด้านตั้งแต่ราคาแก๊ส และน้ำมันแพง ค่าน้ำ ค่าไฟแพง ค่าเดินทางแพง ค่าทางด้าน ทางพิเศษ ค่ารถไฟฟ้า ค่าหน่วยกิต ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายการศึกษาแพง ค่าเช่าแพง เพราะ มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ซึ่งควรจะฟรี เพราะสร้างด้วยเงินภาษีอากรของประชาชน และประชาชนจ่ายภาษีทุกปีอยู่แล้ว เป็นต้น
ต้องพิจารณาว่า รากเหง้าหรือปัญหาใจกลางของการเมืองไทยที่เป็นต้นกำเนิดของปัญหาอื่นๆอีก 108 ปัญหา คือ ระบบการเลือกตั้งทางอ้อม ซึ่งไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาต่างๆข้างต้น
ถ้าเรามัวแต่มุ่งแก้ปัญหาที่ไม่ใช่ใจกลาง ก็เหมือนกับภายเรือในอ่าง ผมคิดว่าที่มาของนายกฯและค.ร.ม.ที่มาจากทางอ้อมอย่างที่ลองผิดมาแล้ว 90 กว่าปี คือปัญหาใจกลาง
ถ้าอำนาจอยู่ในมือประชาชนในการเลือกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีด้วยตนเอง เมื่อเลือกผิด 4 ปีก็เลือกใหม่ เปลี่ยนได้ ระบบสืบทอดอำนาจและสืบทอดโคตรตระกูลจะแจ้งเกิดไม่ได้
ประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้น คนดีๆมีโอกาสเสนอตัวโดยไม่ต้องฝ่าด่านบริจาคเงินให้พรรคการเมืองก่อนเพื่อหาทางถอนทุนคืนเมื่อได้ตำแหน่ง
การเมืองจะสะอาดขึ้น ปัญหาเชิงประเด็นอื่นๆก็แก้ง่ายขึ้น เพราะนายกฯและค.ร.ม.ต้องทำตามนโยบายที่ให้คำมั่นไว้ตอนหาเสียง ส.ส. มีแค่จังหวัดละ 2 คนก็มากเพียงพอในการเสนอกฎหมาย ส่วนส.ว. อีกจังหวัดละ 2 คน แต่ต้องกำหนดให้มีคุณวุฒิและประสบการณ์สูงกว่าเพื่อทำหน้าที่กรองกฎหมายที่เสนอโดยสส.
การที่จำนวนส.ส.และ ส.ว. ไม่จำเป็นต้องมีมาก ซึ่งคนไทยเข้าใจผิดๆกันมา เพราะว่า
การทำหน้าที่ของส.ส. ไทย เป็นการทำกิจที่ไม่ใช่บทบาทที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลของทุกประเทศ
การดูแลทุกข์สุขเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
หน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติคือ การออกกฎหมายเพื่อให้ฝ่ายบริหารนำไปบริหารและปฏิบัติตามเพื่อบำบัดทุกข์สุขของประชาชน
ไม่จำเป็นต้องมีมากถึง 750 คนมากินเงินเดือนบวกค่าใช้จ่ายให้สิ้นเปลืองเงินภาษีอากรของประชาชน
ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า วิธีการใดที่ทำแล้วไม่บังเกิดผลสำเร็จ ต้องเลิกทำซ้ำ แล้วหาวิธีการใหม่ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ทำซ้ำทำซากอยู่อย่างนั้น
การเลือก นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทางอ้อม คือ การทำซ้ำ ที่ไม่ใช่การปฏิรูปการเมือง และผลลัพธ์ก็จะล้มเหลว เสียของ
การเลือกตั้งทางตรงต้องรวมถึงการเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทางตรงด้วย โดยโอนตำรวจมาขึ้นต่อการปกครองท้องถิ่นทั้งหมด เหมือนในอารยะประเทศทุกประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีโครงสร้างเหมือนกองทัพ มากกว่าการเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยของประชาชนเสีย เพราะไม่จำเป็นอีกต่อไป
ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งผู้ว่า ก.ท.ม. เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ว่าการเลือกตั้งทางตรง คือ แสงสว่างปลายอุโมงค์ ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นักวิชาการ' ค้านตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีน แนะรัฐควรช่วยผู้ประกอบการแบบจีน
นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ และประธานอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาผู้บริโภค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
'กมล' ยกหลักคิดนักปรัชญาการเมือง ตอบโจทย์ 'สินค้าจีนราคาถูก ดีหรือเสีย ต่อคนไทย'
นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ และประธานอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาผู้บริโภค เผยแพร่บทความเรื่อง สินค้าจีนราคาถูกดีหรือเสียต่อคนไทย มีเนื้อหาดังนี้
จี้รัฐบาลไทย เอาอย่าง สิงคโปร์ ปฏิรูปกม.ต่อต้านมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ ทางออนไลน์ และไซเบอร์
นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ เขียนบทความ เรื่อง สิงคโปร์ ปฏิรูปกม.ต่อต้านมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ ทางออนไลน์ และไซเบอร์ (Cybersecurity Act) และ (Computer Misuse Act)
'นักวิชาการ' ยกเคสอเมริกา 'เงินดิจิทัล' ควรโอนเข้าบัญชีให้คนจน นำไปล้างหนี้จะเพิ่มกำลังซื้อ
นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึง โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า
'นักวิชาการอิสระ' เตือนไทยไม่เข้าร่วม 'BRICS' หายนะศก.ยิ่งกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง จับตา 'SCO'
'กมล' วิเคราะห์ อำนาจภูมิรัฐศาสตร์ของไทย เตือนหากไม่เข้าร่วม BRICS ยังผูกอยู่กับดอลลาร์ เงินบาทจะไร้ค่าไปด้วย หายนะทางเศรษฐกิจยิ่งกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง จับตา องค์กรความร่วมมือเชี่ยงไฮ้ SCO จะแทนยูเอ็น
นักวิชาการ ฟันเปรี้ยง 'กระเช้าขึ้นภูกระดึง' เอื้อนายทุนผูกขาด มุ่งกำไรสูงสุด คนเที่ยวเดือดร้อนถูกโขกราคา
นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า โครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงกำลังมาแรง!