26 มิ.ย.2565- พรรคไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี จัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 ณ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสุวินทวงศ์ กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งไลฟ์ผ่านเพจ ในหัวข้อ “พรรคไทยภักดี สนับสนุน ราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ”
นพ.วรงค์ กล่าวว่าพี่น้องสมาชิกพรรคไทยภักดีที่เคารพรัก วันนี้เป็นวันที่สำคัญมากที่พวกเราพรรคไทยภักดีได้มีการประชุมสามัญประจำปี เพื่อทำการแก้ไขข้อบังคับและมีการคัดเลือกตำแหน่งบางตำแหน่งให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง ก่อนที่จะเข้าสู่วาระสำคัญตนมีประเด็นที่จะทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะสมาชิกพรรคไทยภักดี เพราะตนเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะเป็นหัวหอกของพรรคไทยภักดีเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยแน่นอน
ประเด็นสำคัญที่จะบอกพี่น้องขณะนี้ สังคมไทยของเรากำลังเผชิญปัญหาใหญ่ๆ หลายเรื่อง ทั้งปัญหาทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาทางสังคม มีขบวนการทางการเมืองที่มายุยงปลุกปั่นตามโซเชียลมีเดีย ให้ครอบครัวแตกแยก ศาสนากำลังถูกทำลาย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแผ่นดินกำลังจะถูกแบ่งแยก ด้วยข้อความคำว่า กระจายอำนาจ วันนี้ตนจะพูดถึงปัญหาทางการเมือง เพราะว่าเป็นปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ วันนี้นักการเมืองอ้างว่า เป็นตัวแทนของประชาชน ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ถามว่าในสภามีพี่น้องชาวนา พี่น้องแท็กซี่ พี่น้องชาวสวน ชาวไร่ ที่ไปเป็นตัวแทน เป็นปากเป็นเสียงให้สักคนหนึ่งไหม ไม่มีเลยสักคน ทุกอย่างถูกครอบงำจากทุนสามานย์ทั้งสิ้น
นพ.วรงค์ กล่าวว่าขณะนี้พื้นที่ภาคอีสาน ตนทราบข่าวว่ามีการซื้อตัว ส.ส. รายหนึ่งประมาณ 40-50 ล้านบาท นี่ถือว่าเป็นเงินที่มหาศาลมาก วันนี้มีการหว่านต้อน ส.ส.เพราะระบบบัตรสองใบ ต้องใช้ ส.ส. ที่มีประสบการณ์ ส.ส. จึงมีค่าตัวเพิ่มขึ้น การโหวตในสภามีการใช้กล้วย เดี๋ยวนี้การใช้กล้วยคือการใช้เงินในสภาอย่างหน้าตาเฉย คำว่าประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นแค่วาทกรรมนำมาโชว์ไว้เท่านั้น
ทุกพรรคการเมืองในวันนี้มีกลุ่มทุนสามานย์ที่เข้ามาครอบงำและอัดเงินให้พรรคการเมือง หลังจากนั้นพรรคไหนชนะ มีการจัดตั้งรัฐบาล ตัวเองก็มากอบโกยผลประโยชน์ จึงไม่แปลกที่ทำให้ประชาชนยังจนและลำบากเหมือนเดิม เพราะเหตุนี้พรรคไทยภักดีจึงประกาศต่อหน้าพี่น้องสมาชิกทั้งประเทศว่า ไทยภักดีไม่รับเงินจากทุนสามานย์โดยเด็ดขาด เราจะอาศัยพลังใจ พลังที่บริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชนมาร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
นพ.วรงค์ กล่าวว่า สิ่งที่เรากำลังเผชิญต่อ ในเมื่อวานก่อนที่ผ่านมา ย้อนไปวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ได้มีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นคณะราษฎร เราได้เห็นประกาศของเขาชัดเจนว่า เขาจะเปลี่ยนประเทศสยามหรือเปลี่ยนประเทศไทยภายใน 10 ปี ประกาศปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ คำว่าปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ คือการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์
หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่าล่าสุดเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งมาตรานี้เหมือนกับมาตรากฎหมายที่ป้องกันพวกเราไม่ให้ใครมาดูหมิ่น หมิ่นประมาทเรา องค์พระประมุขแห่งรัฐหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ต้องมีกฎหมายในการคุ้มครองเหมือนกันทุกประเทศ แต่ถามว่าทำไมเขาจึงประกาศให้ยกเลิกมาตรา 112 เพราะพระประมุขแห่งรัฐไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ทำให้คนพวกนี้ไปด่าและด้อยค่า ทำให้เสื่อม เมื่อเสื่อมแล้วก็จะล้มไปเอง คำพูดนี้ตนไม่ได้พูดเอง หากพี่น้องได้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ 2475 แกนนำคณะราษฎรพูดชัดเจนว่า การล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการล้มที่ยาก เพราะท่านมีพระบารมี ท่านมีประชาชนรัก วิธีการล้มที่ดีที่สุดก็คือการทำให้เสื่อม เมื่อเสื่อมได้ก็จะล้มไปเอง เท่ากับว่าคนเหล่านี้กำลังเปลี่ยนประเทศไทยจากราชอาณาจักรไปเป็นระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งเรายอมไม่ได้โดยเด็ดขาด
ตนขอย้อนกลับไปเมื่อ 90 ปีที่แล้ว 24 มิถุนายน 2475 กลุ่มคณะบุคคลที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร ในภาษาช่วงที่เขามีอำนาจ เขาอ้างว่าอภิวัฒน์สยาม หรือการปฏิวัติประเทศไทย ตอนนั้นเขามีอำนาจ มีการเขียนเนื้อหาในแบบเรียน แต่เมื่อเราศึกษาในข้อเท็จจริง ผลพวงที่เกิดขึ้นเมื่อ 90 ปีที่แล้ว วันนี้เกิดนักการเมืองทุจริตคอรัปชัน การเลือกตั้งใช้เงินซื้อเสียง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ 90 ปีที่แล้วที่เป็นการกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ผิด ตนขอบอกพี่น้องว่าถ้าศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในปี 2475 โดยพื้นแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านมีความตั้งพระทัยที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับคนไทย เพราะท่านทราบแล้วว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาธิปไตยอยู่ร่วมกันได้ ทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้ประชาชนมีความผาสุข แต่คณะราษฎรกลุ่มหนึ่งไปตีความว่าประชาธิปไตยนั่นคือระบอบสาธารณรัฐ และจึงเกิดการปล้นชิงพระราชอำนาจขึ้นมา โดยคณะผู้ก่อการทั้งสิ้นมีแกนนำทั้งหมด 102 คน 99 คน เป็นขุนศึกและอำมาตย์ คำว่าขุนศึกก็คือทหาร อำมาตย์ก็คือเป็นข้าราชการ มีพลเรือนอยู่จริงแค่ 3 คน ดังนั้นการที่พวกนี้เรียกตนเองว่าคณะราษฎร จึงไม่จริง นี่ถือว่าเป็นการโกหกประชาชน ปลอมตัวเองว่าเป็นราษฎร สุดท้ายเกิดการแย่งชิงอำนาจ
ความล้มเหลวของการชิงสุกก่อนห่ามของคณะราษฎร ณ วันนั้นที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปเป็นระบอบสาธารณรัฐ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอม จึงเกิดพัฒนาการของฝ่ายการเมืองกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ท่านดูแลพสกนิกร ดูแลประเทศไทยมา 700 กว่าปี และท่านทรงทศพิธราชธรรม แต่ระบบการเมืองกันท่านไว้ไม่ให้เกี่ยวข้อง จึงใช้คำว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตนไม่ได้ปฏิเสธระบอบประชาธิปไตย ตนเองก็เป็นนักประชาธิปไตย เรามีระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากล ทั่วโลกยอมรับ และเราก็ถือว่าเป็นต้นแบบการปกครองประชาธิปไตยแรกๆ ของโลกด้วย นั่นคือ ระบอบประชาธิปไตยแบบราชอาณาจักร หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Kingdom
นพ.วรงค์ กล่าวว่าตนยกตัวอย่างประเทศอังกฤษ คณะรัฐมนตรีจะต้องมีการเข้าเฝ้าถวายรายงาน ให้พระมหากษัตริย์พระองค์ท่านให้รับทราบ แต่ประเทศนี้แปลกไม่ให้สถาบันพระมหากษัตริย์เจอคณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดิน และจุดที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเรามีเรื่องเดือดร้อน เราร้องเรียน ร้องเรียนผู้ว่าฯ เราไปร้องเรียนรัฐมนตรี เราไปร้องเรียนนายกรัฐมนตรีและสุดท้ายเมื่อถึงทางตันจริงๆ ที่พึ่งสุดท้ายคือถวายฎีกา ดังนั้นในระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ที่ถูกต้องคณะรัฐมนตรีจึงต้องถวายรายงาน เพื่อให้พระองค์ท่านมีฎีการ้องทุกข์ของพี่น้องประชาชน ได้บอกรัฐบาลด้วยว่าประชาชนเขาเดือดร้อน ตนเชื่อว่าการปฏิวัติรัฐประหารม็อบของพี่น้องประชาชนจะมีน้อยมาก เพราะเรื่องทุกอย่างถูกนำเสนอไปตามขั้นตอน
นี่คือสิ่งที่ตนต้องการมาทำความเข้าใจ และขยายผลว่า ระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญเป็นสากล ประเทศในยุโรปฝั่งอังกฤษใช้แบบนี้ วันนี้แนวทางที่ถูกต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายคือ แนวทาง “ราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ” เท่านั้น หัวใจที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้องให้ประเทศไทยพึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด วันนี้ต้องขอขอบคุณพี่น้องสมาชิกพรรคไทยภักดีด้วยหัวใจ ตนย้ำกับทุกคนว่า พรรคไทยภักดี เป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีทุนสามานย์มาครอบงำ เราไม่รับเงินจากทุนสามานย์ เราไม่รับเงินจากทุนผูกขาด แต่รับเงินจากคนที่หวังดีต่อประเทศที่บริจาคให้เรามาทำงานการเมือง และตนเชื่อว่าแแนวทางที่เราเสนอให้กับพี่น้องประชาชน จะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' จับโป๊ะ! ยิ่งฟังรัฐบาลแจง ยิ่งต้องรีบยกเลิก 'MOU 44'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ยิ่งฟังคำชี้แจงต้องยิ่งยกเลิก MOU 44
'หมอวรงค์' เปิดเบื้องลึก! ทำไมไม่ควรนิรโทษกรรมคดี 112
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทำไมจึงไม่ควรนิรโทษกรรมคดี 112" โดยระบุว่า
'หมอวรงค์' เตือน! นิรโทษ ม.112 ระวังประชาชนจะไม่ทน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความ หัวข้อ นิรโทษ112ระวังประชาชนจะไม่ทน
ลุ้นศาลรับคำร้อง! 'หมอวรงค์' ชี้พฤติการณ์ชั้น 14 มัด 'ทักษิณ-พท.'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ทักษิณจะถือว่าล้มล้างการปกครองหรือไม่?" โดยระบุว่า
'ไทยภักดี' ปลุก ปชช. หนุนเปิดโปง 6 ข้อหาร้ายแรง 'ทักษิณ-พท.'
ดร.กรรญดา ณ หนองคาย หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถึงเวลาประชาชนลุกขึ้นปกป้องชาติจากภัยคุกคาม: เปิดโปง 6 ข้อกล่าวหาร้ายแรงต่อทักษิณและพรรคเพื่อไทย
'หมอวรงค์' ชี้ช่องสู้! ปลุก ปชช. ต้านฉีก 'รธน.ปราบโกง'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เรามีช่องทางต่อสู้กับนักการเมืองโกงที่คิดจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง