'บิ๊กตู่' เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาศักยภาพเด็กไทย ปลื้มความร่วมมือ 12 กระทรวงบูรณาการร่วม พัฒนาเด็กไทย พร้อมเปิดแมสก์โชว์หน้าบอกให้เห็นไม่ได้หงุดหงิดอะไรกับใคร
09 มิ.ย.2565 - ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 พ.ศ. 2565 – 2570 ภายใต้ความร่วมมือของ 12 กระทรวง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรมว.แรงงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขออนุญาตถอดแมสก์เนื่องจากมีเครื่องป้องกันตรงนี้ วันนี้อยากบอกถึงความรู้สึกว่าดีใจที่ได้มาร่วมกับพวกเราทุกท่านตรงนี้ ทั้งในส่วนรัฐมนตรี ข้าราชการ ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกครั้ง ที่จะเริ่มต้นความร่วมมือเชิงบูรณาการการทำงานเพื่อเด็กของเราในอนาคต ซึ่งยินดีมากที่มาเป็นประธานพิธีลงนามฯ ถือเป็นการบูรณาการร่วมกัน 12 กระทรวงตามยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สิ่งสำคัญจะทำอย่างไรให้ศักยภาพเด็กไทยเท่าทันยุคใหม่รอบด้าน เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ในสมัยพวกเราเป็นเด็กโตมาจนเป็นผู้ใหญ่วันนี้เปลี่ยนไปเร็วมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นเรากำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของเรา ซึ่งทราบว่ามีอัตราการเกิดต่ำ สังคมผู้สูงวัยมากขึ้น ฉะนั้นเชื่อมโยงกันทั้งหมด ขณะที่เด็กบางส่วนประสบภาวะโภชนาการเข้าไม่ถึง ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆที่จะต้องสร้างกำลังคนให้มีศักยภาพ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นโลกแห่งความท้าทายที่ไม่แน่นอน ดังนั้นทำอย่างไรให้เกิดความเข้มแข็ง และระบบราชการเกิดความเข้มแข็ง จะทำงานให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริงอย่างไร วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นของ 12 กระทรวง ซึ่งมีหน่วยงานภายใต้สังกัดอีกเป็นร้อยที่จะทำงานร้อยเรียงกันออกมาเป็นตัวอย่างในการแก้ไขปัญหาความยากจนที่เราประกาศไปแล้ว ทุกกระทรวงก็ต้องทำเช่นเดียวกัน หนึ่งในการแก้ปัญหาความยากจน คือการเข้าถึงระบบการศึกษา ความแข็งแรงด้านสุขภาพตามที่รัฐบาลให้นโยบายไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลตั้งใจขับเคลื่อนแนวทางพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนพร้อมกับการพัฒนาด้านอื่นๆโดยคนจะเป็นตัวสำคัญในวงโซ่ หากเราพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามกรอบกติกาใหม่ๆ แต่ถ้าคนเรายังเข้าไม่ถึงไม่เข้าใจ ไม่มีภูมิคุ้มกันก็จะไปลำบาก ดังนั้นเราจะต้องขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยคนเป็นหลักสำคัญในการแก้ไขพัฒนาถือเป็นสิ่งจำเป็นจึงต้องบูรณาการระหว่างกระทรวงอย่างเป็นระบบ เพื่อขับเคลื่อนองค์คาพยพให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ส่งเสริมการพัฒนาคนทุกช่วงวัยให้มีความพร้อมรอบด้าน และปรับตัวอย่างให้สมดุลและสามารถดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดพิธีลงนามข้อตกลงในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือจากทุกกระทรวง เพื่อสานพลังสร้างเด็กภายในศตวรรษที่ 21 ให้แข็งแกร่ง มีคุณภาพและเป็นพลังแห่งอนาคตของประเทศชาติอย่างสมบูรณ์ ต้องขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้ง 12 กระทรวงที่ให้ความสำคัญและร่วมกันผลักดันให้เกิดความเป็นรูปธรรม วันนี้ได้สานต่อในสิ่งที่ทำมาแล้วด้วยความร่วมมือระหว่างกัน ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีขอให้การดำเนินงานหลังจากนี้บรรลุเป้าหมายวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศชาติในระยะยาว ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงทำงานสำเร็จมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อร่วมสานพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ต่อมาเวลา 09.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามฯ โดยทันทีที่มาถึงโพเดี้ยม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถอดหน้ากากอนามัย พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “ขออนุญาตถอดหน้ากากอนามัย เพราะมีฉากกั้นอยู่แล้ว จะได้เห็นหน้าเห็นตากันว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้หงุดหงิดอะไรกับใคร ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของ 12 กระทรวงในการทำอย่างไรให้เด็กมีการเจริญเติบโตในระยะต่อไปให้ดีที่สุดด้วยนโยบาย 4H เก่ง ดี มีทักษะ และแข็งแรง ซึ่งการจะทำให้เด็กเราพร้อมกับศตวรรษที่ 21 ต้องทั้งรางกาย จิตใจ ความรู้ และสุขภาพ วันนี้มีหลายกระทรวงที่ทำงานร่วมกัน นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่รัฐบาลทำมาโดยตลอดคือการบูรณาการหลายกระทรวงทำงานที่เป็นเป้าหมายเดียวกัน ถึงแม้จะมีพันธกิจที่ต่างกันก็ตาม แต่เราก็เสริมกันได้ทั้งหมด วันนี้สถานการณ์ของเราเด็กเกิดน้อยลงจากสถิติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ฉะนั้นเราจะทำอย่างไรให้เด็กเหล่านี้มีคุณภาพ แข็งแรง มีการเรียนรู้ที่ดี ซึ่งแต่ละกระทรวงมีหลักการอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุดเด็กต้องมีภูมิคุ้มกัน มีร่างกายแข็งแรง แล้วต้องมีจิตใจที่ดี เข้มแข็งและภูมิต้านทานกับโลกยุคใหม่พอสมควร ซึ่งเป็นความท้าทายที่เราต้องช่วยกันแก้ปัญหา ทุกคนในชาติต้องช่วยกันหมด
“วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่นายกฯ มีความสุขและมีความพึงพอใจที่ได้เห็นพวกเรามาร่วมมือกันอย่างนี้ ทุกกระทรวง ทุกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับสูง ทุกคนต้องมาร่วมงานกัน ก็ถือว่าทุกคนให้คำมั่นสัญญาพวกเราจะทำให้ดีที่สุด ในขณะที่เรายังต้องทำงานตรงนี้อยู่ก็ยืนยัน นี่คืออนาคตของเรา ของชาติ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บูมเศรษฐกิจ 2 ชาติ ! “อนุทิน” เร่งสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน จับมือกัมพูชา กระตุ้นค้าขายชายแดน-ท่องเที่ยว
วันที่ 21 พย. บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านผักกาด จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพัน์รัตน์
"พิพัฒน์” ลุยเพื่อแรงงาน ถกประกันสังคมเอสโตเนีย ยกระดับบริการให้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี
'เสี่ยหนู' เชียร์ 'พรรคโอกาสใหม่' ชี้มาทำงานให้บ้านเมืองอย่าไปแช่ง
'อนุทิน' เชียร์ 'พรรคโอกาสใหม่' บอกจะได้ชอบธรรมหากได้รับเลือกจากประชาชนทั้งประเทศ ขออย่าแช่งคนเข้ามาทำงานให้บ้านเมือง
'อนุทิน' บอก 'นายกฯ อิ๊งค์' ฉายเดี่ยวแถลงผลงาน!
'อนุทิน' ส่ง 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์เดี่ยว แถลงผลงานรัฐบาล
'อนุทิน' ยันภูมิใจไทยโหวตเสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติ
'อนุทิน' ยืนยัน ภท.โหวตเสียงข้างมาก 2 ชั้น หากนำมติ กมธ.ร่วมประชามติเข้าโหวตในสภา ย้ำเพื่อให้ ปชช.ตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง ชี้ทุกอย่างมีเงื่อนเวลาถ้าแก้ไม่ทันก็รอสภาชุดหน้า
'อนุทิน' เปิดสัมมนาความปลอดภัยทางถนนหวังอุบัติเหตุเป็นศูนย์!
'อนุทิน' เปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 16 ย้ำความสำคัญ 'Situation awareness' ตื่นตัว ตระหนัก รับผิดชอบ ชี้ต้องทำอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ เพราะหนึ่งชีวิตก็เป็นเกรดเอฟแล้ว