1 มิ.ย. 2565 - ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลางที่จะให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) มีสิทธิเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม7,8 ต่อไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยยกคำอุทธรณ์ ของกสทช.ที่ขอให้ศาลปกครองสูงสุดระงับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง
ทั้งนี้ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า ว่า คำสั่งของศาลปกครองกลางที่สั่งทุเลาการบังคับตามมติของกสทช.ในการประชุมครั้งที่ 10/2564เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ในส่วนที่ให้ บริษัทไทยคมฯ ใช้ข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7 เเละ8 ได้ถึงวันที่ 10 ก.ย.64 อันเป็นวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทานไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น มีผลทำให้บริษัทไทยคมฯ ยังคงมีสิทธิเข้าใช้ ข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3, THAICOM-A3B , THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มี การใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7และ8 ทำให้การให้บริการดาวเทียมไทยคม 7และ 8 ที่บริษัทไทยคมฯ ทำสัญญากับหน่วยงานต่างๆ อันเป็นกิจการโทรคมนาคม ดำเนินได้ต่อไปเท่านั้น มิได้มีผลเป็นการลบล้างอำนาจหน้าที่ของกสทช.ในการกำกับดูแล หรือบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่ประเทศไทยหรือหน่วยงานของรัฐได้รับหรือมีอยู่ ในการส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรตามข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ แต่อย่างใด จึงถือว่า การทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่พิพาท มิได้เป็นอุปสรรคแก่การ บริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ
ส่วนกรณีที่กสทช.อุทธรณ์ว่า ตามนโยบายและ แผนระดับชาติ ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ.2561-2580) กสทช.มีหน้าที่ดำเนินการให้ได้มาและรักษาไว้ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการ สละสิทธิดังกล่าว และมีหน้าที่จัดทำแผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม พิจารณา อนุญาตให้ผู้ที่ประสงค์ประกอบกิจการดาวเทียมได้เข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จัดให้มีการดำเนินกิจการดาวเทียมในประเทศให้เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป เพื่อส่งเสริมศักยภาพการพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการดำเนินกิจการดาวเทียม ต้องดำเนินการทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และการดำเนินการต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมการ เพื่อให้กิจการดาวเทียมของประเทศมีความต่อเนื่องตามลำดับสิทธิ์ในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จึงต้องมีระยะเวลาสิ้นสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่แน่นอนชัดเจน หากมีการ ชะลอการนําสิทธิใช้วงโคจรดาวเทียมในบางพิกัด ย่อมกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการ ดาวเทียมของประเทศ เพราะต้องจัดหาพิกัดตำแหน่งที่ตั้งของวงโคจรดาวเทียมอื่นๆ มาใช้ ทดแทน ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของวงโคจรดาวเทียมของแต่ละดวงมีประสิทธิภาพการใช้งานที่แตกต่าง ไม่เท่าเทียมกัน ทำให้อาจมีผลต่อประสิทธิภาพการให้บริการดาวเทียม และหากไม่มีการกำหนด ระยะเวลาที่แน่นอนชัดเจนย่อมเป็นปัญหาต่อการบริหารจัดการกิจการดาวเทียมที่ส่งผลกระทบ ต่อการให้บริการสาธารณะด้านกิจการโทรคมนาคมของประเทศ และส่งผลกระทบต่อนโยบาย และแผนระดับชาติ ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และการมีคำสั่ง ทุเลาการบังคับตามมติของกสทช.ก่อให้เกิดอุปสรรคแก่การดำเนินกิจการดาวเทียมในการจัดส่งดาวเทียมดวงใหม่ที่มีประสิทธิภาพเพื่อการให้บริการดาวเทียมรวมทั้งกิจการโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมและรองรับการใช้งานได้มากขึ้น ทำให้การให้บริการสาธารณะที่ดีขึ้น ต้องล่าช้าออกไปโดยไม่มีกำหนดนั้น
เห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในรายงานการประชุม ของกสทช. ระบุว่า หากในภายหลังได้มีคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการหรือคำสั่งศาลในประเด็นทางกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศที่อยู่ในคดีพิพาทภายใต้สัญญาสัมปทาน ซึ่งทำให้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของการพิจารณาอนุญาตสิทธิเปลี่ยนแปลงไป สำนักงาน กสทช. จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาทบทวนประเด็นการอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการอนุญาตดังกล่าว ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ อนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอีกครั้งหนึ่งดังนั้นกสทช.ย่อมคาดหมาย ได้ว่า สิทธิของบริษัทไทยคมฯ ในการใช้จ่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7และ 8 ยังมีความไม่แน่นอนและอาจเปลี่ยนแปลงได้หากอนุญาโตตุลาการหรือ ศาลปกครองวินิจฉัยให้บริษัทไทยคมฯ ชนะคดี และแม้กสทช.มีอำนาจหน้าที่จัดทำแผน การบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามที่กสทช.กล่าวอ้าง แต่กสทช.ย่อมไม่อาจปฏิเสธที่จะไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการหรือคำพิพากษาของศาลในกรณีที่วินิจฉัยให้บริษัทไทยคมฯ เป็นฝ่ายชนะคดีได้ อุทธรณ์ของกสทช.ดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น คำสั่งทุเลาการบังคับตามมติกสทช.ของศาลปกครองชั้นต้น จึงชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งระงับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ทุเลาการบังคับ ตามมติของกสทช.ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยอุทธรณ์ตามคำขอของกสทช. การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของกสทช. ส่วนที่ เกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งหมายความรวมถึงให้บริษัทไทยคมฯมีสิทธิเข้าใช้ข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3, THAICOM-A3B , THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม7เเละ8 ได้ต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แก๊งคอลฯ ลูบคม ปธ.กมธ.ตำรวจ ลูกสาวถูกหลอกรีดเงิน 6 แสน จี้ ผบ.ตร-นายกฯ แก้ปัญหาด่วน
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลูบคม 'ชัยชนะ' ปธ.กมธ.ตำรวจ โวยลูกสาวถูกหลอกรีดเงิน 6 แสน ประนามพฤติกรรมเลวทราม จี้ ผบ.ตร-นายกฯ แก้ปัญหา คอลเซ็นเตอร์ด่วน
'ศรีสุวรรณ' ฟ้อง กกพ.-กพช.-กบง. ระงับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเพิ่ม ทำให้ไฟฟ้าล้นประเทศ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากประชาชนทั่วประเทศ ได้เดินทางมายื่นฟ้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ต่อศาลปกครอง
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุด จำนวน 5 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุด
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 'ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ' เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งประธานศาลปกครองสูงสุด
'ศรีสุวรรณ' ปลื้มศาลปกครองให้ชาวบ้านใกล้คลังน้ำมันสุวรรณภูมิ ชนะ 6 คดีรวด
'ศรีสุวรรณ'เผย ศาลปกครองพิพากษาให้วิศวกรจากกรมธุกิจพลังงานใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง สั่งบริษัทเชื้อเพลิงฯ แก้ไขหรือปรับปรุงระงับกลิ่นไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิงจากกิจการบริการน้ำมันให้สนามบินสุวรรณภูมิ ภายใน 120 วัน หากไม่แก้ไขให้เพิกถอนใบอนุญาต
AIS และ กสทช. ร่วมส่งกำลังใจ พร้อมดูแลเครือข่ายและเน็ตบ้านในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย หนองคายและภาคอีสานเต็มที่ในทุกมิติ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง
จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง และปริมาณแม่น้ำโขงหนุนสูง ล้นตลิ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วม ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ในหลายอำเภอของจังหวัดหนองคาย