'บิ๊กตู่' ลั่นอยู่มานานรู้ปัญหาแต่แก้ไม่ได้เพราะไม่ได้รับความร่วมมือ!

'บิ๊กตู่' มอบนโยบายความปลอดภัยทางถนน ร่ายยาว กม.มีแต่บังคับใช้ไม่ได้ รู้ปัญหา แต่ทำไม่ได้100% เหตุไม่ได้รับความร่วมมือ วอนช่วยสร้างการรับรู้ไม่ได้อยู่ด้วยความเกลียดชัง

25 พ.ค.2565 - ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 พร้อมกล่าวมอบนโยบายว่า วันนี้เป็นอีกวันที่นายกฯ เป็นเกียรติและยินดีมาเป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ การขับขี่ความปลอดภัยต้องมาก่อน และพัฒนาปรับปรุงวิธีการทำงานต่อไป เราต้องทำให้ดีขึ้น ขอแสดงความยินดีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ การนำเสนอนวัตกรรมแนวคิดความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัยในการใช้ชีวิต การใช้ถนน ลดความสูญเสียด้านจิตใจ ครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคม เรามีเป้าหมายลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน 12 คนต่อประชากร 100,000 คน ภายในปี 2570 ทั้งนี้อยากเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำผลงานเหล่านี้ไปพัฒนาปรับปรุงใช้ตามอำนาจหน้าที่ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิผลประสิทธิภาพได้จริง รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี กวดขันการใช้กฎหมาย ขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันลดอุบัติเหตุ บาดเจ็บและการสูญเสียชีวิตให้มากที่สุด ซึ่งวันนี้เกณฑ์ยังไม่น่าพอใจ แม้จะลดลงแล้วก็ตาม สรุปอยากให้ดีที่สุด

“ประเทศเราคนเยอะ ถนนมากมาย และอาจจะมากกว่าหลายประเทศ สิ่งเหล่านี้มีผลผูกพันเกี่ยวเนื่องด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากการบังคับใช้กฎหมายการลงโทษ และมาตรการต่างๆที่มีในปัจจุบัน ขณะเดียวกันบริบทคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงแนวคิด หลายอย่าง แต่ละจังหวัดไม่มีอะไรเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งถนน คน แนวปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ถ้าทั้งหมดสามารถดำเนินการให้บรรลุถึงเป้าหมายเดียวกันแต่มีวิธีการที่แตกต่างเพิ่มเติมเข้าไปก็จะสำเร็จ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากการที่ได้รายงานอุบัติเหตุเกิดจากมอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อกขับรถเร็ว ดื่มสุรา สิ่งเหล่านี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร กฎหมายมีทุกตัว จะเอาอย่างไร ถ้าต้องการให้ดี 100% นั่นคือประเด็นของตนเองในฐานะที่เป็นนายกฯ ให้นโยบายไปแล้วว่าให้จับกุมทั้งหมดถ้าทำผิดกฎหมาย หากร่วมมือกันก็ไม่มีปัญหาที่จะต้องจับใคร เพราะคงไม่มีใครอยากจับหรืออยากลงโทษ และไม่อยากให้มีใครสูญเสียชีวิต มันต้องคิด 2 ด้าน ถ้าคิดแต่ในแง่ของเจ้าหน้าที่รัฐทางเดียวไม่คิดอีกทางหนึ่งก็คงไม่มีทางทำได้ เราพยายามทำมาหลายปีแล้ว ฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ในความรับผิดชอบ ตนก็ต้องรับผิดชอบ อุบัติเหตุครึ่งหนึ่งอยู่ที่คนขับ อีกครึ่งอยู่ในส่วนอื่นๆ ทำอย่างไรจะแก้ปัญหาให้ได้ ตนตำหนิประชาชนไม่ได้ ได้แต่เตือนได้แต่บอกเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันระมัดระวัง สิ่งใดก็ตามที่ตนพูดมาคงไม่มีใครไม่เห็นด้วย ต้องมีมาตรการที่เข้มแข็งจับกุมดำเนินคดี แต่ก็เป็นความเห็นของพวกท่านว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย แรงกดดันกดทับมันมาหลายส่วน การตายก็สูงขึ้น แต่ตายคนเดียวตนก็รับไม่ได้ ดังนั้นต้องหาปัญหาและเป้าหมายให้เจอ วางแผนระยะสั้น ระยะยาว ทำอย่างไรประชาชนจะเข้าใจ เห็นด้วย และมีส่วนร่วม เพราะไม่มีใครอยากดำเนินคดี แต่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยก็ต้องทำ แต่จะทำอย่างไหนอย่างไรก็ต้องสร้างความเข้าใจกัน ต้องมีความยั้งคิดในการใช้ถนนร่วมกัน สิ่งสำคัญต้องสร้างการรับรู้ สร้างจิตสำนึก อะไรที่ไม่ควรทำก็อย่าทำ เช่นการแข่งขันจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมายก็ยังมีอยู่ มีการจับกุมเพิ่มภาระ ต้องหาทางแก้ตรงนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะรับข้อเสนอ รัฐบาลมีอย่างเดียวบังคับจับกลุ่มดำเนินคดี สิ่งสำคัญคือสร้างความเข้าใจสร้างการรับรู้นั่นคือประเด็นสำคัญสำหรับประเทศไทยในทุกเรื่อง

“ค่านิยมเมาไม่ขับทำมาหลายปีแต่ก็ตายทุกปี ทำอย่างไรให้ค่านิยมเกิดขึ้นได้จริง บริบทของประเทศไทยมีความหลากหลาย อยากให้แก้ได้จริงๆเสียที ค่าปรับ 100% จ่ายมาไม่ถึง 70% นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ผมคิดเลยไป ถ้ามีปัญหามากๆเรื่องการต่อทะเบียนจะทำอย่างไร ก็กลายเป็นว่าละเมิดสิทธิ์อีกมันก็ไม่จบ”

นายกฯ กล่าวอีกว่า พูดวันนี้ไม่ได้ตำหนิใคร แต่ต้องการเล่าให้ฟังว่าอยู่กับปัญหาอะไรมาบ้าง และพยายามจะแก้อะไรบ้าง และมันติดอะไรบ้างฉะนั้นต้องคิดแบบผมคิดด้วย เราอยู่กันมานานแล้ว และก็อยู่มานานในตำแหน่งนายกฯ แน่นอนรู้ปัญหา วิธีปฏิบัติมีอยู่แต่ทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะความร่วมมือยังไม่เกิด นี่คือปัญหาเช่นเดียวกับทุกปัญหาในประเทศไทย แต่โทษใครไม่ได้ ก็ต้องทำต่อไป สิ่งที่พูดวันนี้อยากให้ทุกคนคิดในบริบทที่กว้างกว่าเดิม มาตรการต่างๆที่ออกไปก็ทำไม่ได้และจะให้ทำยังไง ขอฝากไปดูด้วย ท่านที่นั่งอยู่ในสภาที่มาร่วมงานวันนี้ในการออกกฎหมายต่างๆ

นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องการใช้กล้องก็มีส่งไปปรับที่บ้าน ไม่ไปจ่ายซะอย่างจะทำยังไง ทั้งที่มีหลักฐาน เราต้องทำให้ทุกคนยอมรับกติกา พร้อมกับสร้างการเรียนรู้ การรับรู้ ไม่ได้อยู่ด้วยการเกลียดชัง ต้องอยู่ด้วยความเข้าใจของระเบียบสังคม มันต้องหาวิธีการร่วมมือกันให้ได้ ไม่ใช่แตะไอ้นั่นติคนนี้ติคนนั้น มันจะทำไม่ได้แน่นอน นายกฯรับทุกเรื่อง มันเป็นหน้าที่ เราต้องหาวิธีการให้ได้ค่อยๆเดิน บางอย่างเดินช้า บางอย่างเดินเร็วได้ก็เดิน แต่ถ้าเดินช้าก็ต้องเดินให้เร็วขึ้น ถนนบ้านเราถ้าเทียบกับที่อื่นถือว่าดีมาก ขับสบายแต่ความเร็วไม่เบรกกันเลย ทุกอย่างอยู่ที่จิตสำนึก ที่ต้องนึกถึงคนอื่นด้วย ในการใช้รถใช้ถนน ขณะที่ตำรวจที่อยู่ในคณะทำงานต้องพูดให้หมด ข้อมูลอยู่ที่ไหนไม่ใช่แก้ตัว เอาข้อเท็จจริงแถลงออกมาในห้องประชุมให้รู้เรื่อง ว่าต้องแก้ตรงไหนอย่างไร และย้ำว่าทุกอย่างอยู่ที่จิตสำนึกถึงคนอื่น ก่อนที่นายกฯ จะทุบที่อกข้างซ้าย 3 ครั้ง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเดิม 10 วันอตร. ตาย 52

ประเดิม 10 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ขับรถเร็ว

'ลุงป้อม' เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรปีใหม่

'ลุงป้อม' สดใส เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรปีใหม่ ย้ำพระราชเสาวนีย์พระพันปีหลวง ปกป้องป่าให้ลูกหลาน ด้าน ผบ.เหล่าทัพ ทยอยอวยพร 3 ป. วานนี้

'ดร.สามารถ' ถามจี้ 'สุริยะ' มาตรการสมุดพก คาดโทษผู้รับเหมา ใช้ได้ผลหรือไม่

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ซ้ำซาก ! อุบัติเหตุก่อสร้างบนถนนพระราม 2