แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แถลง “รายงานสถานการณ์โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิตในปี 2564” เป็นปีที่มีการประหารชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2,052 ครั้งใน 56 ประเทศ ยันคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น
25 พ.ค.2565 -แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล ได้บันทึกการประหารชีวิตในปี 2564 พบว่า มีข้อมูลการประหารชีวิตอย่างน้อย 579 ครั้งใน 18 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับจำนวนที่บันทึกได้ในปี 2563 อิหร่านยังคงเป็นประเทศที่มีการประหารชีวิตเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยมีการประหารชีวิตบุคคลอย่างน้อย 314 คน (เพิ่มจากอย่างน้อย 246 คนในปี 2563) โดยเป็นจำนวนการประหารชีวิตสูงสุดนับแต่ปี 2560 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการประหารชีวิตในคดียาเสพติดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นับเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งห้ามการใช้โทษประหารชีวิตกับความผิดอื่น ยกเว้นความผิดเกี่ยวกับการฆ่าคนตายโดยเจตนา ในเวลาเดียวกัน จำนวนการประหารชีวิตในซาอุดีอาระเบีย เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่ากังวลอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปี 2565 ที่มีการประหารชีวิตบุคคล 81 คนในวันเดียวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า หลังจำนวนการประหารชีวิตลดลงในปี 2563 อิหร่านและซาอุดีอาระเบียได้กลับมาเร่งใช้โทษประหารชีวิตอีกในปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการละเมิดต่อข้อห้ามภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งความกระหายในการประหารชีวิตผู้คนก็ไม่ได้มีท่าทีว่าเลิกราลงเลยในช่วงหลายเดือนแรกของปี 2565
ในขณะที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งเคยเป็นเหตุให้มีการชะลอกระบวนการยุติธรรมออกไปอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วโลก ในปี 2564 ผู้พิพากษาได้สั่งประหารชีวิตอย่างน้อย 2,052 ครั้งใน 56 ประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในหลายประเทศ อย่างเช่น บังกลาเทศ (อย่างน้อย 181 ครั้ง จากอย่างน้อย 113 ครั้ง), อินเดีย (144 ครั้ง จาก 77 ครั้ง) และปากีสถาน (อย่างน้อย 129 ครั้ง จากอย่างน้อย 49 ครั้ง)
“แทนที่จะใช้โอกาสที่ว่างเว้นจากการใช้โทษประหารชีวิตในปี 2563 ประเทศจำนวนน้อยกลับยังคงแสดงความมุ่งมั่นในการเลือกใช้โทษประหารชีวิตมากกว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นแสดงให้เห็นถึงความเพิกเฉยต่อสิทธิที่จะมีชีวิตรอดของประชาชน แม้ในท่ามกลางวิกฤตสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่องทั่วโลก” แอกเนสกล่าว
แม้จะมีความถดถอยเช่นนี้ แต่ตัวเลขรวมของการประหารชีวิตที่บันทึกได้ในปี 2564 ยังคงเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดเป็นอันดับสองรองจากปี 2563 เท่าที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเคยบันทึกข้อมูลได้อย่างน้อยตั้งแต่ปี 2553[i]
เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านี้ จำนวนคำตัดสินให้ประหารชีวิตและการประหารชีวิตทั่วโลกนี้ ไม่ครอบคลุมจำนวนประชาชนหลายพันคน ซึ่งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเชื่อว่าถูกสั่งประหารและถูกประหารชีวิตในจีน รวมทั้งจำนวนการประหารชีวิตที่สูงมากซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นในเกาหลีเหนือและเวียดนาม ความลับด้านข้อมูลและการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลในทั้งสามประเทศ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการติดตามข้อมูลการประหารชีวิตอย่างถูกต้อง ในขณะที่สำหรับอีกหลายประเทศ ตัวเลขที่บันทึกได้อาจต้องถือว่าเป็นตัวเลขเพียงขั้นต่ำเท่านั้น
“จีน เกาหลีเหนือ และเวียดนามยังคงปิดบังการใช้โทษประหารชีวิตไว้เป็นความลับหลายชั้น แต่ดังเช่นที่ผ่านมา แม้ตัวเลขเพียงเล็กน้อยที่เราเห็น ก็ทำให้เกิดความตื่นตระหนกได้แล้ว” แอกเนส คาลามาร์ดกล่าว
ในอิหร่านยังคงมีการกำหนดให้มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว (mandatory death penalty) สำหรับฐานความคิดครอบครองยาบางประเภทและในปริมาณหนึ่ง โดยมีข้อมูลว่า จำนวนการประหารชีวิตในคดียาเสพติดเพิ่มขึ้นกว่าห้าเท่าเป็น 132 ครั้งในปี 2564 จาก 23 ครั้งในปีก่อนหน้านั้น และยังข้อมูลว่า จำนวนผู้หญิงที่ถูกประหารชีวิตก็เพิ่มขึ้น จาก 9 คนเป็น 14 คน ในขณะที่ทางการอิหร่านยังคงละเมิดต่อสิทธิเด็ก ด้วยการประหารชีวิตบุคคลซึ่งกระทำความผิดขณะมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งขัดกับพันธกรณีของตนที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
เช่นเดียวกับจำนวนการประหารชีวิตที่เพิ่มขึ้นในซาอุดีอาระเบีย (65 ครั้ง จาก 27 ครั้งในปี 2563) เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2563 ในโซมาเลีย(อย่างน้อย 21 ครั้ง จากอย่างน้อย 11 ครั้ง) ซูดานใต้ (อย่างน้อย 9 ครั้ง จากอย่างน้อย 2 ครั้ง) และเยเมน (อย่างน้อย 14 ครั้ง จากอย่างน้อย 5 ครั้ง) เบลารุส (อย่างน้อย 1 ครั้ง) ญี่ปุ่น (3 ครั้ง) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (อย่างน้อย 1 ครั้ง) ก็กลายเป็นประเทศที่มีการประหารชีวิต หลังว่างเว้นไปในปี 2563
มีการตัดสินให้ประหารชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2563 ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (อย่างน้อย 81 ครั้ง จากอย่างน้อย 20 ครั้ง) อียิปต์ (อย่างน้อย 356 ครั้ง จากอย่างน้อย 264 ครั้ง) อิรัก (อย่างน้อย 91 ครั้ง จากอย่างน้อย 27 ครั้ง) เมียนมา (อย่างน้อย 86 ครั้ง จากอย่างน้อย 1 ครั้ง) เวียดนาม (อย่างน้อย 119 ครั้ง จากอย่างน้อย 54 ครั้ง) และเยเมน (อย่างน้อย 298 ครั้ง จากอย่างน้อย 269 ครั้ง)
ภายในสิ้นปี 2564 มี 108 ประเทศทั่วโลกได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทุกกรณี และมี 144 ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติแล้ว
สำหรับประชาคมอาเซียนซึ่งประกอบด้วย 10 ประเทศนั้น กัมพูชาและฟิลิปปินส์ ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดทางอาญาทุกประเภท ส่วนลาว พม่า และบรูไน ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ คือยังคงโทษประหารชีวิตอยู่ตามกฎหมายสำหรับอาชญากรรมทั่วไป แต่ได้มีการระงับการประหารชีวิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหรือมากกว่านั้น ส่วนประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม ยังคงเป็นหนึ่งในจำนวน 55 ประเทศที่มีและใช้โทษประหารชีวิตอยู่
“ประเทศส่วนน้อยในโลกที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิต โปรดรับรู้ไว้ว่า โลกที่ปราศจากการสังหารโดยรัฐ ไม่เพียงแต่จะจินตนาการได้เท่านั้น แต่ยังอยู่ใกล้แค่เอื้อมและเราจะยังคงต่อสู้เพื่อให้เกิดโลกเช่นนี้ เราจะยังคงเปิดโปงการใช้โดยพลการ การเลือกปฏิบัติ และความโหดร้ายของการลงโทษนี้ต่อไป จนกว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ใต้เงามืดของบทลงโทษนี้ ถึงเวลาแล้วเราจะต้องทำให้การลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีมากสุดจะกลายเป็นอดีตไป” แอกเนสกล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดทางอาญาประเภทใด ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีบุคลิกลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดหรือผู้บริสุทธิ์ หรือไม่ว่าทางการจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใด โทษประหารชีวิตละเมิดสิทธิที่จะมีชีวิตและเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งงานวิจัยมากมายจากนานาประเทศได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโทษประหารชีวิตไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของอาชญากรรม
อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มและภาพประกอบ พร้อมวิดีโอได้ที่นี่ https://www.amnesty.or.th/latest/news/1004/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ณฐพร’ ห่วงบุคลากรกระบวนการยุติธรรม ไม่ทำหน้าที่ตาม รธน.
ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า บุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ทุกท่านต้องไม่ลืมว่า ท่านมีหน้าที่ตามบทบัญัตติ รัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (1)(2)
'พิชิต' ชี้ 'ทวี' ต้องรับผิดชอบทางการเมือง! ปมป่วยทิพย์ชั้น 14
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
ไม่รอด! บุก ป.ป.ช. ทวงถาม ‘รมต.ทวี’ หลุดโผเอื้อนักโทษเทวดาชั้น 14
สืบเนื่องจากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง
'หมอวรงค์' จวกยับพักโทษคดีโกง เท่ากับร่วมมือกันทำลายประเทศ!
เราต้องยอมรับว่า คดีทุจริตที่เกิดจากนักการเมือง ต้องถือว่าเป็นคดีร้ายแรง พอๆกับคดีค้ายาเสพติด หรือแม้แต่คดีฆ่าข่มขืน เพราะการทุจริตเป็นการทำลายโอกาสของประชาชน มีผลกระทบต่อการ
สว.ปฏิมา กังวลกระบวนการยุติธรรมไทยกำลังถูกสั่นคลอนหนัก!
นายปฏิมา จีระแพทย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัจจุบันนี้ เราต่างทราบดีว่า การรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศคื