'บิ๊กตู่' ติดตามงานปราบยาเสพติด ชี้กฎหมายใหม่ให้ดุลพินิจศาลกำหนดบทลงโทษ ให้รางวัลยึดทรัพย์ 30%เพื่อจูงใจ สั่งทุกหน่วยงานต้องวางเป้าขจัดยา หวังให้หายไปจากสังคมไทย
18 พ.ค.2565 - ที่ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ ชั้น 3 อาคาร 2 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถนนดินแดง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด
โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวรายงาน ก่อนรับชมผลการลงพื้นที่ปฏิบัติการ "ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด" จากนั้นนายกฯ มอบนโยบายว่า ทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจรและเป็นระบบ จนได้มีการพัฒนามาเป็นลำดับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน หลายอย่างมีความก้าวหน้าที่ดีขึ้น หลายอย่างอาจจะต้องแก้ไขปรับปรุง อาทิ กฎหมาย เป็นตัวนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลได้กำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ แผนที่ 12 ของนโยบายเร่งด่วน ที่ทุกหน่วยงานจะต้องเข้ามาร่วมมือกันทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน ทุกคนทราบดีถึงภัยของยาเสพติด ที่มีผลกระทบต่อครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และจะต้องทำให้ยาเสพติดหายไปจากสังคมไทย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้มีการแพร่กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ในโลกใบนี้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาคมโลก ได้ทุกประเทศ ประมวลกฎหมายอาญายาเสพติดฉบับใหม่ ที่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างการปราบปราม โดยมีการรวมกฎหมาย 24 ฉบับเป็นฉบับเดียว เพื่อความสะดวกและลดความซับซ้อน ทำให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่างๆได้โดยสะดวกเข้าใจกฎหมาย เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ความเข้าใจอย่างถูกต้องและได้ใช้ประโยชน์ในการอ้างอิงและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบ ที่จะป้องกันการแพร่กระจายของยาเสพติด รวมทั้งได้มีการปรับบทลงโทษการกำหนดโทษผู้ใช้ยาเสพติด เนื่องจากเดิมมีการกำหนดโทษอย่างรุนแรง ไม่ได้แยกความผิด วันนี้ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ ให้เกิดความเป็นธรรมเป็นประโยชน์ ในการลดโทษความผิดที่ไม่ร้ายแรง เน้นลงโทษผู้ค้าหรือกระบวนการ โดยให้ศาลใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษให้เหมาะสม มีทางเลือกอื่นแทนการจำคุก เพื่อลดปัญหานักโทษล้นเรือนจำ เปิดโอกาสให้ผู้กระทำความผิดร้ายแรงมีโอกาสกลับตัวเป็นคนที่ดีของสังคม ในส่วนของผู้เสพเรามุ่งเน้นนำวิธีการทางสาธารณสุขมาแก้ปัญหา โดยมองผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาบำบัดฟื้นฟู และเปิดช่องสามารถนำยาเสพติดไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย และทางเศรษฐกิจให้มากขึ้นในทางที่ถูกต้อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ได้มอบนโยบายและข้อสั่งการไปแล้ว ทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ปฏิบัติงาน ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ต้องกำหนดเป้าหมายทิศทางที่ชัดเจน ดำเนินการตามแผนด้านต่างๆ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย ซึ่งจากการรายงานทุกคนนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพการยึดทรัพย์สินที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10,000 ล้านบาท สามารถดำเนินการได้ไปแล้วรวมเกือบ 8,000 ล้านบาท นอกจากนี้ในเรื่องของผู้ต้องหา ขบวนการ เราต้องทำลายให้หมดเพราะหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงิน การใช้จ่ายเงินที่ได้จากยาเสพติด ตนขอให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งต่อไปเพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด- 19 อาจส่งผลให้การดำเนินชีวิตของประชาชนมีความเปลี่ยนแปลงไป กลุ่มนักค้าผู้ค้ายาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่และมีผู้เสพมีการผันตัวไปเป็นผู้ค้า หรืออาจมีผู้เสพยาเสพติดรายใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด 19 ดังนั้นปัญหาของเราจะทำอย่างไรเพื่อลดจำนวนผู้เสพยาให้มีจำนวนน้อยลงให้มากที่สุด ซึ่งการดำเนินการจะสำเร็จได้ต้องให้ความสำคัญกับหมู่บ้าน ชุมชน และโรงเรียน ภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องบูรณาการร่วมกันทุกเรื่อง ทั้งแผนคน แผนเงิน แผนงาน ทำงานร่วมกันทั้งในส่วนของแผนงานและงบประมาณที่มีอยู่ หรือไม่จำเป็นต้องใช้งบ ในการสร้างความเข้าใจความร่วมมือประชาสัมพันธ์ เพื่อจะช่วยกันสอดส่องดูแล ไม่ให้มีการเพิ่มจำนวนนักเสพหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนการปราบปรามเรามุ่งทำลายเครือข่ายการค้าและการขยายผลไปสู่นายทุนที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์อย่างยาวนาน วันนี้เราใช้การยึดอายัดทรัพย์สินเป็นสำคัญ เพื่อตัดท่อลำเลี้ยงของกระบวนการยาเสพติดควบคู่การเพิ่มเงินรางวัลให้กับการขยายผลยึดทรัพย์สินมากขึ้นถึง 30% เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่ ให้มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงาน และไม่รับเงินสินบนจากผู้ค้า
“ประเด็นสำคัญคือเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องซื่อสัตย์สุจริต ทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนโดยไม่หวังผลตอบแทน รัฐบาลจะดูแลตรงนี้เอง ในการดูแลพวกเราให้มีขวัญและกำลังใจ ที่มีการปรับรูปแบบตรงนี้ออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องไม่เลือกปฏิบัติ จะต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช้ความรุนแรงจนเกินเหตุตามหลักสากล ทั้งหมดคือหลักการบังคับใช้กฎหมาย กับกระบวนการยุติธรรมของไทย ต้องเป็นแบบนั้น ฉะนั้นต้องทำอย่างระมัดระวังที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า มาวันนี้เพื่อรับทราบความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรค ทั้งนี้ยาเสพติดมันติดง่ายในกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันน้อย สิ่งที่จะทำคือสร้างภูมิคุ้มกันและให้ความรู้ตระหนักถึงอันตรายของยาเสพติด จริงๆแล้วมันเหมือนกับฆ่าตัวตายทางอ้อม ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและอนาคตมันก็ป่นปี้ไปหมด สิ่งสำคัญที่สุดคืออนาคตของคนรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่ตนเป็นห่วง โลกเจริญเทคโนโลยีเข้ามา โลกแคบลงไม่มีพรมแดน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าสู่ห่วงโซ่ต่างๆเหล่านี้ได้โดยง่าย ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกัน ป้องปราม ย่อมแบ่งเบาภาระข้าราชการ การปราบราม และการรักษาลง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องสร้างภูมิต้านทานให้ได้ในทุกพื้นที่ ทุกกลุ่ม นั่นคือสิ่งที่คนไทยต้องร่วมมือกัน และขอขอบคุณหน่วยงานจากต่างประเทศที่สนับสนุนการทำงานของพวกเราซึ่งเป็นกำลังใจอย่างยอดเยี่ยม และเราไม่ได้หวังอะไรอย่างอื่นเพราะเราต้องดูแลประเทศชาติ ขณะเดียวกันหลายอย่างเป็นตัวแบบไปใช้ที่อื่นได้
โดยในช่วงท้ายนายกฯ ยังเตือนเจ้าหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติงานโดยใช้อาวุธในการปราบปรามแนวชายแดนเป็นกังวลในส่วนนี้ที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าประมาทในการทำงาน ยุทธวิธีต่างๆ ต้องใช้อย่างระมัดระวังที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5 ทศวรรษ อย. บนเส้นทางคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ ขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยให้มั่นคงและยั่งยืน
อย. ครบรอบ 50 ปี ยังคงมุ่งมั่นยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค การอนุมัติ/อนุญาต ที่เป็นมาตรฐานสากล และสนับสนุนภาคธุรกิจในทุกระดับ
'สมศักดิ์' เสียใจผู้ป่วยเสียชีวิตใน รพ. กันทรลักษ์
'สมศักดิ์' เสียใจปมผู้ป่วยเสียชีวิตใน รพ.กันทรลักษ์ ยอมรับ จนท.ดูแลผู้ป่วยจิตเวชขาดทักษะ-ไม่เพียงพอพร้อมสั่ง สธ.ชดเชยค่าเสียหาย
'สมศักดิ์' ชวนสักการะพระเขี้ยวแก้วเพื่อความรุ่งเรือง
'สมศักดิ์' ชวนประชาชนสักการะพระเขี้ยวแก้วเพื่อความรุ่งเรือง พร้อมรณรงค์ กินลดคาร์บป้องกันโรค NCDs เดินตามแนวพระพุทธเจ้า
'สมศักดิ์' ดึง สสส. ช่วย 'นับคาร์บ' ชวนคนไทยลดโรค NCDs ต้นเหตุคร่าชีวิตคนไทยชั่วโมงละ 45 คน ผจก.สสส.เดินหน้าพัฒนาฐานข้อมูลเชื่อมท้องถิ่นลดเสี่ยง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 1 กล่าวในการเป็นประธานประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 8/2567 ว่า จากข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตจาก NCDs 400,000 คนต่อปี คิดเป็นชั่วโมงละ 45 คน
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
แจ้งสายด่วน ป.ป.ส.1386 จนท.บุกรวบนักค้ายาบ้า-ไอซ์ ใส่กล่องพัสดุพร้อมนำส่ง
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เผยผลการ ดำเนินงานผ่านข้อร้องเรียนของประชาชน โดย สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด