รอลงอาญา 2 ปี! ก๊วนเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 ที่ขอนแก่น

ศาลขอนแก่นพิพากษารอลงอาญา 2 ปี พร้อมให้บริการสังคม 24 ชม.คดีเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 เมื่อปี 2564

27 เม.ย.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ระหว่างโจทก์คือ พนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น กับจำเลย 4 คนประกอบด้วย นายอิศเรษฐ์ เจริญคง แกนนำกลุ่มเสรีชน,นายเรืองศักดิ์ ลอยจันทร์แจ่ม, นายภาณุพงศ์ เปลรินทร์ และนายอัครเดช อัตตะมณี โดยทันทีที่จำเลยทั้ง 4 คนเดินทางมารายงานตัวต่อศาล พร้อมทนายความเจ้าหน้าที่ศาลพาตัวขึ้นเข้ารับฟังคำพิพากาษาที่บัลลังก์ ศาลทันที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในเขตอำนาจศาล ท่ามกลางมาตรการควบคุมและป้องกันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบที่มารักษาความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยรอบบริเวณ ท่ามกลางความสนใจจากแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้ชุมนุมที่มาร่วมคอยให้กำลังใจ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่ศาลกำหนดไว้เท่านั้น

นายพัธนะ ศรีใหญ่ ทนายความจากศูนย์สิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การรับฟังคำพิพากาษาวันนี้จำเลยในคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น โดยเข้ารับฟังคำพิพากษา 4 คน จากทั้งหมด 3 คดี โดยศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษาให้รอกำหนดโทษจำเลย 2 ปี โดยใน 1 ปีให้รายงานตัวกับเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง และบริการสังคม 24 ชั่วโมง ในคดีนี้ศาลประเมินจากพฤติการณ์ของจำเลย ซึ่งจำเลยทั้งหมดรับสารภาพความผิดแล้วชดใช้ความเสียหายตามข้อเรียกร้อง ส่วนผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ โดยทางแพ่งนั้นผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ส่วนทางอาญาผู้เสียหายให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล ซึ่งศาลได้ให้โอกาสในการปรับปรุงตัว

“สำหรับคำพิพากษาศาลได้ระบุไว้ว่าไม่ให้จำเลยกระทำการในลักษณะใกล้เคียงกัน ให้งดเว้น ซึ่งอาจเป็นความผิดได้อีก ถ้ามีการกระทำความผิด หรือมีพฤติการณ์ใกล้เคียง ซึ่งศาลมีอำนาจกำหนดโทษอีกครั้งได้ ซึ่งคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นนั้นมีทั้งหมด 3 คดี แยกเป็นวันที่ 11 มี.ค.2564 ริมถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น, วันที่ 13 ก.ย. 2564 หน้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น และวันที่ 18 ก.ย. 2564 หน้าวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ซึ่งคดีนี้จำเลยยังชำระค่าเสียหายไม่ครบจำนวน จึงขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปก่อน โดยศาลให้โอกาสหาเงินมาชำระค่าเสียหาย โดยกำหนดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.ค. 2565 ซึ่งจำเลยจะต้องมารับฟังคำพิพากษา"

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีความดังกล่าวนั้นเป็นคดีวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 เหตุเกิดบริเวณถนนเลี่ยงเมือง ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 มีจำเลย 1 คน คือ นายอิศเรษฐ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1005/64 ข้อหาข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ทําให้ทรัพย์ที่ใช้มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เสียหาย และทําให้เสียทรัพย์ โดย อบจ.ขอนแก่นผู้เสียหาย เรียกค่าเสียหายจากการที่รูปเป็นรอยโหว่ขนาดเล็ก 2 แห่ง เป็นเงิน 4,500 บาท ต่อมาเป็นคดีวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณหน้า รพ.ศรีนครินทร์ ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2564 จำเลย 2 คน คือ นายเรืองศักดิ์ ลอยจันทร์แจ่ม และนายภาณุพงศ์ เปลรินทร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศิลปะศาสตร์ มข. คดีหมายเลขดำที่ อ.842/64ข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น โดยคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นผู้เสียหาย เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 149,800 บาท และคดีวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติ บริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ถ.ศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2564 จำเลย 1 คน คือ นายอัครเดช อัตตะมณี นศ.ชั้น ปวช.3 วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น คดีหมายเลขดำที่ อ.869/64 ข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ โดยวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 85,120 บาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา! 'ลูกเกด' ก้าวไกล ผิดคดี 112

ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัด น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ "ลูกเกด" นักกิจกรรมทางการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล

ศาลสั่งปรับ 5 พัน 'จิน' โพสต์ดูหมิ่น 'แซน-กระติก' ชดใช้อีกคนละ 5 หมื่น

ศาลอาญามีนบุรี สั่งปรับ 'จิน ธรรมวัฒนะ' โพสต์ดูหมิ่น 'แซน-กระติก' 5 พันบาท ชดใช้ค่าเสียหายคนละ 50,000 บาท ยกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท

ธนาธรเฮ! ได้ค่าชดเชย 4.9 ล้านบาทปมป่าสงวนที่ดินราชบุรี

ศาลปกครองกลางพิพากษาที่ดินธนาธรที่ราชบุรี ชี้เป็นป่าไม้ถาวรจริง แต่เจ้าตัวซื้อมาโดยสุจริต จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4.9 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย แต่ไม่ให้เรื่องเสียผลประโยชน์ทำกินเพราะอ้างลอยๆ

‘พี่ศรี’ จี้ กทม.เร่งออกคำสั่งรื้อถอน แอชตันอโศก หลังศาลสูงพิพากษาแล้ว 30 วัน

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงได้มีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.สำนักการโยธา ให้เร่งออกคำบังคับตามมาตรา 41 และ 42 โดยเร็ว นั่นคือ การห้ามใช้อาคาร และออกคำสั่งรื้อถอนอาคารดังกล่าวในที่สุดต่อไป