'ช่อ' ฉุนถูกระงับพาสพาสปอร์ตข้องใจ ตร.ใช้อำนาจข้อไหน

'ช่อ' บุกโรงพักพญาไท ข้องใจถูกตำรวจสั่งระงับต่อพาสปอร์ตทำให้ต่ออายุไม่ได้ บอกเจอเพิ่มเส้นเพิ่มลูกชิ้นตลอด ลากโยงยาวกรณีศาลถอนประกัน คดีมาตรา 112 - หมิ่นศาล

21 เม.ย.2565 - น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทเพื่อทราบเหตุผลและข้อกฎหมายที่ถูกตำรวจแทงเรื่องให้อธิบดีกรมการกงสุลยกเลิกพาสปอร์ตและระงับการต่อหนังสือเดินทาง

โดย น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย.พาสปอร์ตหมดอายุ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สบายๆ ไปต่อพาสปอร์ตที่สำนักงานปทุมวัน ปรากฏว่าเมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอยู่หลายรอบไม่สามารถต่อได้ สุดท้ายพนักงานได้ติดต่อไปที่กรมการกงสุล และแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถต่อให้ได้ ให้ไปตรวจสอบฝ่ายประวัติกรมการกงสุล จากนั้นก็เดินทางไปที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ได้เช็กเอกสารและแจ้งให้ทราบว่าทำให้ไม่ได้เพราะ สน.พญาไท มีหนังสือไปถึงอธิบดีกรมการกงสุลให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายธนาธร อ.ปิยบุตร และของตนเอง ทางอธิบดีกรมการกงสุลแทงเรื่องมาที่กองหนังสือเดินทางให้ระงับการขอพาสปอร์ต แต่เรื่องการยกเลิกเข้าใจว่ายังดำเนินการ เพียงแต่เป็นการไม่ให้ต่อพาสปอร์ต แต่จากการคุยกับเจ้าหน้าที่กงการกงสุล สามารถทำหนังสือด่วนมาถึง สน.พญาไท ได้แต่ต้องใช้เวลา แนะนำถ้าให้เร็วให้ผู้ร้องคือตัวเองมาที่ สน.พญาไท สามารถยกเลิกหนังสือตัวนี้ได้ไหม ถ้ายกเลิกทางสำนักงานหนังสือเดินทางก็สามารถออกพาสปอร์ตให้ได้ตามปกติ จึงต้องเดินทางมาที่ สน.พญาไท

“เกิดอะไรขึ้น เพราะสำนักงานหนังสือเดินทางระบุ สน.พญาไท ใช้เหตุว่าทั้ง 3 คน เป็นผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญา 116 เป็นคดีความมั่นคงจึงให้มีการเพิกถอนพาสปอร์ต ยืนยันว่าคดีนี้อัยการยังไม่สั่งฟ้อง เพราะฉะนั้นยังไม่มีคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศแน่ เพราะเรื่องยังไม่ถึงศาล อัยการไม่ทราบว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ แต่ตำรวจกลับขอเพิกถอนหนังสือเดินทาง”

น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ช่วง 2-3 ปีมานี้ ปี 2563-2565 ผู้ที่โดนคดี 112 และ 116 จำนวน 300 คน ถ้าเป็นคดีความมั่นคงประมาณ 1,800 คน ถามว่าคนที่โดนคดีการเมืองเหล่านี้ถ้าถูกใครแจ้งความจะโดนเพิกถอนทั้งหมดหรือไม่ และสิทธิ์การเดินทางของคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนไม่ทราบว่าเป็นแนวทางตำรวจปฏิบัติเป็นประจำหรือไม่ เพราะว่าเราไม่ใช่กลุ่มแรกที่โดน ปีที่แล้วนักกิจกรรม 11 คน โดนเพิกถอนเหมือนกันโดย สน.สำราญราษฎร์ คงจะมาพูดคุยแนวทางปฏิบัติของตำรวจ เป็นการเลือกปฏิบัติชัดเจน การเพิกถอนพาสปอร์ต ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมที่เบาบางมาก เช่นเดียวกันวานนี้มีผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองถูกถอนประกัน ส่วนที่เหลือก็กังวล ไม่ว่าจะเป็น มาตรา 112 และ มาตรา 116 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ล่าสุดมีเรื่องหมิ่นศาล คดีความเหล่านี้เป็นปัญหามาก มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติของผู้เห็นต่างและผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือไม่ เป็นการปฏิบัติเพิ่มเส้นเพิ่มลูกชิ้นอยู่ตลอด

น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ อ.ปิยบุตร อยู่ต่างประเทศไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ที่ผ่านมาขาออก อ.ปิยบุตร สามารถออกไปได้ จริง ๆคำสั่งออกมานานแล้วก็เลยเข้าใจว่าอธิบดีกรมการกงสุลคงจะให้ความร่วมมือกับตำรวจเพียงครึ่งเดียว แต่นี้เป็นความเห็นส่วนตัว ยังไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงคืออะไร คำขอเท่าที่เห็นในหนังสือคือขอเพิกถอนและระงับการขอพาสปอร์ต แต่สิ่งที่อธิบดีกรมการกงสุลแทงเรื่องมาคือไม่ให้ต่อพาสปอร์ตของ อ.ปิยบุตร และนายธนาธร ยังไม่หมดอายุจึงยังไม่มีปัญหาอะไร เรื่องพวกนี้ทำให้เราลำบาก ลุ้นทุกครั้งว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะมีปัญหาหรือไม่

“การมาวันนี้จะเป็นการทำความเข้าใจกับตำรวจก่อน ยังไม่ขอพูดถึงการแจ้งความกลับ เพราะจะเป็นการกดดัน ทำความเข้าใจกันก่อนให้ตำรวจทราบว่าเป็นการใช้กฎหมายให้เราลำบากเกินควร เป็นการละเมิดสิทธิ์ เชื่อว่าตำรวจจะเข้าใจ ถ้าทำความเข้าใจไม่ได้ก็มีหลายช่อทางในการดำเนินการ อยากรู้ว่าตำรวจใช้กฎหมายข้อใดในการเพิกถอนพาสปอร์ต”น.ส.พรรณิกาณ์ กล่าว