นายกฯ เผยแนวคิดลดแออัดกรุงเทพฯ เป็นนโยบายนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสร้างเศรษฐกิจรองรับ

นายกฯเผยไม่ใช่เรื่องง่ายย้ายคนไปนอกเมือง ต้องสร้างเศรษฐกิจรองรับ ย้ำรัฐบาลต้องบริหารงบประมาณอย่างระมัดระวัง หลังทุ่มดูแลปชช.จากโควิด ชี้ยกเว้นภาษีผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นผลดี มีการจ้างงาน ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยี เชื่อ 4-8 ปีมีการลงทุนมากขึ้น ทำประเทศมีรายได้มากขึ้นตามที่ประชาชนต้องการ

8 เม.ย.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือศบค.ครั้งที่6/2565 ว่า วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่มีภารกิจต่อเนื่องหลายอย่างเข้ามาตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม นายกฯก็แก้ปัญหาไปตามความเร่งด่วน ประสานหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ประชาชนเดือดร้อนในทุกเรื่อง ซึ่งรับฟังจากหลายช่องทาง ทั้งจากสายด่วน 1111 ที่มีการร้องเรียนเข้ามาก็ได้ให้ไปดูแล ทั้งเรื่องถนนหนทาง เรื่องเกะกะการจราจร การก่อสร้าง ก็ให้ไปสำรวจทุกเขต ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ในกรณีที่การซ่อม สร้าง ถนนต่างๆมีปัญหาที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

นายกฯกล่าวว่า นอกจากนี้เป็นห่วงเป็นใยปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ทะลุไปบ้างแล้ว ก็ให้เร่งรัดสำรวจ เยียวยา ซ่อมแซมต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ เพราะเป็นไปตามธรรมชาติ พายุเข้า เราก็ต้องเตรียมความพร้อมที่จะอยู่กับธรรมชาติได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่สภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลง สำหรับประเทศไทยในเมื่อเราห้ามธรรมชาติไม่ได้ก็ต้องอยู่กับธรรมชาติให้ได้ โดยจะมีการเตรียมมาตรการรับมือ โดยต้องมีความร่วมมือระหว่างรัฐและประชาชนที่จะต้องเตรียมความพร้อมของตัวเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวคิดที่จะลดความแออัดในกรุงเทพฯว่า เรื่องนี้ตนให้นโยบายไปนานแล้ว แต่การที่จะย้ายคนไปก็ต้องอยู่ที่ความสมัครใจของเขาด้วย เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะอยู่ที่ไหนอย่างไร คนที่อยู่กรุงเทพฯจริงๆ มีจำนวนไม่มาก ประมาณ 4-5 ล้าน คน แต่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเข้ามาอยู่ตามชุมชนต่างๆ ก็เห็นใจเขา สิ่งที่จะทำได้คือทำอย่างไรจะให้คนเหล่านี้กลับไปอยู่ในภูมิลำเนา ก็ต้องหางานให้เขา ก็ต้องพัฒนาในแต่ละพื้นที่ จะเห็นว่ารัฐบาลนี้เข้ามาหลายปีแล้วก็พยายามจะกระจายสิ่งต่างๆ การเจริญเติบโตไปต่างจังหวัด ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้กำลังดูการแก้ปัญหาความยากจน รายครัวเรือน ก็ต้องไปหาอาชีพให้เขาทำ กลับไปอยู่บ้าน อยู่กับพ่อกับแม่ก็น่าจะอุ่นใจมากกว่า เพราะอยู่กรุงเทพฯค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าโน่น ค่านี่เยอะแยะ และพอมีโควิดเข้ามาก็ทำให้หารายได้ลดลง เขาก็อยู่ลำบาก

“ตรงนี้ผมเห็นใจจริงๆ เห็นแววตาทุกคนผมก็เป็นห่วง ที่ผมไปเดินๆที่ต่างๆ ไปเจอประชาชน ก็ขอบคุณที่หลายคนเข้าใจ แต่หลายคนก็ไม่ค่อยเข้าใจ ก็ช่วยกันแก้ต่อไปก็แล้วกัน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองสำคัญที่สุด จะแก้ไขหรือจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามประชาชนต้องไม่เดือดร้อน ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน

ผมถึงบอกว่าแออัดแล้วจะทำอย่างไร เหมือนกับเรามีกล่องอยู่กล่องหนึ่ง มีของเต็มอยู่แล้วในกล่อง เราจะทำอย่างไร ให้รื้อของทั้งหมดหรือ แล้วมันรื้อได้หรือไม่ จะเอาของไปไว้ที่ไหน ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรที่จะสร้างเศรษฐกิจออกมาข้างนอกเพื่อให้เขามาอยู่ข้างนอก เราทำมาหลายปีแล้ว หลายอย่างก็ดีขึ้น จะเห็นว่าบ้านเมืองมีระเบียบมากขึ้น

ที่ผมไปที่คลองโอ่งอ่างเขาก็ชื่นชมตรงที่ว่าเราสามารถทำให้พื้นที่ของเขาเป็นพื้นที่แห่งการค้าขาย เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ฟื้นเศรษฐกิจได้ เพราะเมื่อก่อนเขาอยู่กันแทบไม่ได้ หลายพื้นที่เราก็ทำไปแล้ว ก็ต้องทำไปเรื่อยๆ ที่สำคัญคือต้องฟังความคิดเห็นเขา ทุกเรื่องต้องฟังเขาหมด

วันนี้เราก็ทำแผนงาน มีโครงการลงไปเยอะ เรื่องการสร้างถนน ทางรถไฟ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ก็ยังติดปัญหาเรื่องการบุกรุกที่ดินอีกเยอะ ซึ่งก็ทำให้งานล่าช้า แต่ก็ต้องทำ ต้องดูว่าทำอย่างไรให้เขามีที่อยู่ที่อาศัยที่เขาพอใจ หลายที่เขาก็ยอมย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่เราทยอยสร้างขึ้นมา อย่างบ้านริมคลอง ตอนนี้ก็ดีขึ้นหลายคลองแล้ว เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยยอมกันใช้เวลาพูดจากันนานพอสมควรกว่าจะเริ่มโครงการได้ก็สำเร็จมาเป็นระยะๆต้องใช้เวลา มันเปลี่ยนปุ๊บปั๊บไม่ได้ มันวุ่นวายไปหมด”นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องบีโอไอ วันนี้เราก็ปรับไปเยอะแล้ว ให้มีการเพิ่มอัตราของคนทำงานในเรื่องมิติใหม่ มันมีหลายมิติ เดิมเกี่ยวข้องเรื่องของสิทธิ การให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนเรื่องภาษีต่างๆ แต่วันนี้มันต้องเป็นอย่างอื่นบ้างแล้ว เพราะมันมีกฎเกณฑ์ของโออีซีดีออกมาในเรื่องของภาษี ในกรณีที่เป็นรายใหญ่ที่จำนวนหลายร้อยล้านที่จะต้องเสียภาษี 15 % เพราะฉะนั้นการให้สิทธิประโยชน์เฉพาะเรื่องภาษีอย่างเดียววันหน้าทำไม่ได้แล้ว ต้องหามาตรการใหม่มา เพราะฉะนั้นก็ให้บีโอไอได้ปรับรูปแบบการทำงานเพิ่มเติมไปแล้ว และวันนี้ได้เน้นย้ำในเรื่องของการให้ทุนไปกับผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพต่างๆ ซึ่งปลดล็อคไปเยอะแล้วขอให้ไปดู

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลคิดว่าอีก 5 ปีหรือ 10 ปีข้างหน้าเราจะมีอะไรที่จะเพิ่มรายได้ประเทศ เช่นการลงทุนใหม่ๆ ระยะแรกอาจจะยังไม่ได้ภาษีเพราะเรายกเว้นภาษีให้เขา แต่เราก็ต้องประเมินว่า 4 ปีที่เรายกเว้นภาษีให้เขาเราจะได้อะไรบ้าง หลังจาก 8 ปีเราจะได้อะไรบ้าง แต่ระหว่างนั้นสิ่งที่ได้ทางอ้อมก็คือ ได้การจ้างงาน ได้การถ่ายทอดเทคโนโลยี ตนคิดว่าวันข้างหน้าถ้าเรายังมีการลงทุนมากๆอยู่แบบนี้ รายไตรมาสก็สูงขึ้น ตนเชื่อว่าวันหน้าเราจะมีเงินที่เพียงพอที่จะดูแลประชาชนอย่างที่ทุกคนต้องการ เราต้องหาเงินเพื่ออนาคตไว้ด้วย ระหว่างนี้มีความจำเป็นก็ต้องบริหารอย่างระมัดระมัดระวังในการใช้จ่ายเงิน วันนี้เราต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากดูแลชีวิตประชาชนให้ปลอดภัยจากโควิด อย่างเรื่องพลังงานก็ลองเปรียบเทียบกับหลายประเทศ ประเทศไทยอยู่ท้ายๆ เรื่องราคารัฐบาลก็ทำเต็มที่แล้วเห็นใจกันบ้าง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เรียก 'อนุทิน - สมศักดิ์' เคลียร์ปมกัญชา ก่อนทุบโต๊ะสั่งออกเป็นพ.ร.บ.ยุติความขัดแย้ง

ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แหล่งข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐม

‘อนุทิน’ สั่ง กทม.เร่งสอบที่มาป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตและสัญชาติ ย่านห้วยขวาง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงกรณีมีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน

ก้าวไกลเพ้อชนะยุบพรรค!

ใจดีสู้เสือ! "ชัยธวัช" เชื่อ "ก้าวไกล" มีโอกาสชนะสูง อ้างยิ่งศาล รธน.ปิดไต่สวน "คดียุบพรรค" ก็ยิ่งมั่นใจในคำแถลงปิดคดี ปลุกกองเชียร์ 7 ส.ค.

'ก้าวไกล' มองคดียุบพรรคไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เตรียมพร้อมเป็นรัฐบาล เลือกตั้งครั้งหน้า

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิด 3 วิสัยทัศน์พัฒนาเชียงใหม่ พร้อมกับเปิดตัว นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่