'เทพมนตรี' ย้อนประวัติศาสตร์ 240 ปี พระเจ้าอยู่ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงทำพระราชกรณียกิจนานัปการ จึงไม่สมควรทำตัวเนรคุณแผ่นดิน อย่าหลงเชื่อพวกล้มเจ้าที่มีนักการเมืองผู้เคียดแค้นทรยศต่อแผ่นดินเป็นแกนนำ
6 เม.ย.2565 - นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้
บรมราชจักรีวงศ์
จักรีพระสี่กร เราเกิดในราชวงศ์จักรี
ร่วมกันรักษาชาติบ้านเมือง
ตลอดระยะเวลาจาก พ.ศ.2325-2565 รวม 240 ปี พระเจ้าอยู่ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงทำพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการด้วยความรัก ความมั่งคงสถาพรต่อแผ่นดินไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่พระเจ้าอยู่หัว 10 รัชกาลทรงดำรงความเป็นไทยมาถึงทุกวันนี้ มรสุมน้อยใหญ่ที่ถลาโถมเข้ามาหลายระลอก ตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนถึงในระบอบประชาธิปไตย ทรงต้องตรากตรำทำงานหนักและบางสมัยต้องทนทุกข์ทรมานโทมนัสน้อยพระทัย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ ความขันติมานะและความสมัครสมานสามัคคีของบรรพบุรุษไทยอันเป็นองคาพยพสำคัญ ประกอบไปด้วยความประนีประนอม ความรัก ความมีเมตตาต่อกัน เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง จึงทำให้เรายังคงความเป็นเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ในระยะหลังนี้จะมีนักวิชาการผู้ประเสริฐปัญญาหลายคนจะไม่เห็นด้วยในเรื่องการมีเอกราชและตีความว่าเป็นการปลูกฝังค่านิยมและชาตินิยมที่ผิดๆ ของคนในศตวรรษที่แล้ว
ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ที่มีใจเป็นธรรมย่อมต้องเข้าใจในเรื่องบริบททางสังคม วัฒนธรรมของแต่ละยุคกับความจำเป็นในเรื่องความมั่นคงหลายประการ การคลั่งไคล้ความแตกต่างของนักวิชาการผู้ประเสริฐปัญญาเหล่านั้นได้สร้างประดิษฐ์วาทกรรมออกมาเหน็บแนมบ่อยครั้งตั้งแต่ช่วงปลายแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 หรืออาจจะนับว่าตั้งแต่ทักษิณขึ้นมามีอำนาจและการหนีคดีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศไป
เขาฝากประโยคเด็ดๆไว้มากมาย นับตั้งแต่ให้พระเจ้าอยู่หัวมากระซิบที่หูเขาๆจะลาออกจากนายกรัฐมนตรี ไปจนถึง “ถ้าผมไม่มีความสุข สังคมไทยก็อย่าหวังจะมีความสุข”
จากปี 2549 มาจนถึงปัจจุบัน เขายังคงดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างตามคำอาฆาตมาดร้ายที่เขาได้เปล่งวาจาไว้ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้ว่า ความสุข ในความหมายนั้นจะหมายถึงใคร ข้อนี้ผู้อ่านซึ่งมีสติปัญญาย่อมรู้และเข้าใจได้ง่าย
ถ้าข้าพเจ้าเกิดในสมัยอยุธยา ธนบุรี หรือตอนต้นรัตนโกสินทร์ ข้าพเจ้าจะตีค่าความเป็นคนของเขาว่า “อ้ายกบฏผีบุญ”
ทุกคนในปัจจุบันนี้เกิดในแผ่นดินพระบรมราชวงศ์จักรีทุกคน ไม่มีใครเกิดในแผ่นดินอยุธยาหรือธนบุรี เพราะถ้าใครอ้างตัวว่าเคยเกิดทันนั้นก็หมายความว่า เป็นชาติที่แล้ว แต่ความหมายของข้าพเจ้าคือคนที่เกิดในชาตินี้
ชาตินี้ชีวิตนี้ของเราเกิดในพระบรมราชจักรีวงศ์ พ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานล้วนแล้วเกิด เติบโต ทำกิน แก่เฒ่า และตายในแผ่นดินนี้ อุดมการณ์ใดๆก็ไม่อาจฝ่าฝืนสัจธรรมความจริงข้อนี้ไปได้
เราจึงไม่สมควรทำตัวเนรคุณแผ่นดินและพระบรมราชจักรีวงศ์ นี่ก็ไม่ใช่การบังคับ แต่ถ้าพิจารณาอย่างปราณีตก็จะเห็นแจ่มแจ้ง
กระแส-สภาพการณ์ อุดมการณ์ที่อ้างประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพทั้งปวงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมากมายปานนี้ อ้างกันแบบมั่วๆ ปราศจากองค์รวมอันเป็นองค์ประกอบคู่กันนั่นคือ “หน้าที่”
สิทธิเสรีภาพหน้าที่ เมื่อใช้แล้วต้องตระหนักว่ามาคู่กันไป
การเลือกใช้แต่สิทธิเสรีภาพเช่นที่ว่านี้มันจึงมีความหมายว่าไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตย หรือเลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือมีความเข้าใจดีแต่งดเว้นไว้ พูดแค่ครึ่งเดียวละเว้นหน้าที่เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง
เมื่อเราเป็นคนไทย เราควรปฎิบัติตัวเช่นไร ผู้มีสติปัญญาย่อมควรทราบ ยิ่งพวกแก่กว่าข้าพเจ้าหรือเริ่มปัจฉิมวัยควรมีความเข้าใจอย่างสร้างสรรค์
ช่วยกันมองประเทศไทยและพระบรมราชจักรีวงศ์ให้กว้างและลึก ลองคิดดูเล่นๆถ้าประเทศนี้มีแต่นักการเมืองขึ้นมาบริหารประเทศมันจะเป็นอย่างไร คิดไปก็น่ากลัว
จะคิดแบบวิชาการก็น่ากลัวสังคมไทยที่มีจิตกุศล วัฒนธรรมไทยอันอยู่ในสายเลือดมันคงจบสิ้น
นักการเมืองมันคือตัวปัญหาที่สุด เกือบ 20 ปีมานี้มันชัดเจน ทั้งหน้าเดิมๆกลุ่มเดิมๆ คนไทยยังจมปลักอยู่แบบนั้น ถ้าประเทศไทยมีแต่นักการเมืองอย่างเดียว มันอาจดูล้ำหน้าแต่ทว่ามันหลุดจากโคจรความน่าจะเป็น
สังคมไทยที่ผูกติดกับสถาบันคงล้มพังครืนลงมา ศาสนาป่นปี้เพราะอามิส อาบัติกันถ้วนหน้า ขาดองค์อุปถัมภ์ที่คอยเกื้อกูลดูแลให้เข้าที่เข้าทาง
คิดย้อนกลับไปถ้าไม่มี รัชกาลที่ 1-3 เราจะสู้กองทัพอังวะไหวไหม
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 4-6 เราจะรับมือลัทธิล่าอาณานิคมไหวไหม
ถ้าเราไม่มีรัชกาลที่ 7 ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นไหม
ถ้าเราไม่มีรัชกาลที่ 8 -9 เราคงเป็นสาธารณรัฐ หรือสังคมนิยมมาร์กซิสต์
เมื่อเรามีรัชกาลที่ 10 ซึ่งมีปฐมบรมราชโองการ "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"
ทำไมเราจึงมุ่งหวังจะทำลายลงเล่า
อย่างน้อยๆที่สุดเราก็เกิดมาในราชวงศ์นี้แหละ และควรตายในราชวงศ์นี้
อย่าหลงเชื่อขบวนการสร้างประวัติศาสตร์เพื่อตนเองและพวกพ้องของพวกล้มเจ้าที่มีนักการเมืองผู้เคียดแค้นทรยศต่อแผ่นดินเป็นแกนนำ หรือเหล่าบรรดานักวิชาการลูกสมุน ลูกหาบที่สาระวนอยู่กับความหลัง รวมถึงเด็กเยาวชน 2 เขา 3 กีบกันเลย
คนพวกนี้อ้างประชาธิปไตยเพื่อตนเอง
คนพวกนี้ชอบเสือกอยากรู้เรื่องถึงห้องพระบรรทม
คนพวกนี้บ่อนทำลายความเป็นไทย
คนพวกนี้ไม่มีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง
มีกี่ครั้งที่มันจะเอ่ยชมประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่รักของพวกมัน มีกี่ครั้งที่มันจะช่วยรักษาความเป็นไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม
เลิกสนับสนุนคนพวกนี้ คนที่มันยังไม่รักแม้แต่แผ่นดินเกิด
จงรักและหวงแหนแผ่นดินเกิด ช่วยกันดูแล รวมแรงร่วมใจปกปักรักษาพระบรมราชจักรีวงศ์ให้จงอยู่ยงคู่ฟ้าดินตลอดไปครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เทพมนตรี' น้อมรำลึกร.5 จับตารัฐบาล 'แพทองธาร' จะเสียเขตแดนทางทะเลหรือไม่
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
'เทพมนตรี' บอกหากกาสิโนเกิดขึ้นจริงต้องทำให้ใหญ่ครบวงจร!
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์
ชำแหละ! 3 ปัจจัยเอื้อ 'ก้าวไกล' กล้าล้มล้างการปกครอง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทำไมเขาจึงกล้าล้มล้าง การที่พรรคการเมือง 1 พรรค
นักประวัติศาสตร์เศร้า!แห่Saveทับลานแต่ 'อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร' ถูกบุกรุกเงียบฉี่
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กสั้นๆ
'นักประวัติศาสตร์' แนะให้คิดกันเยอะๆเรื่อง 'พระเจ้าตาก' กับ 'พระพุทธยอดฟ้า'
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พระเจ้าตากกับพระพุทธยอดฟ้า
'เทพมนตรี' บอกชัดถ้าจะแก้ไขมาตรา 112 ต้องแก้ไขมาตรา 133 ด้วย
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก