ศาลอาญาใต้อนุญาต "รวิสรา" ผู้ต้องหาคดี 112 เเปลเเถลงการหน้าสถานทูตเยอรมันฯ ไปเรียนต่อป.โทที่เยอรมันหลังได้ทุน DAAD ถึง ก.ย.67 กำชับผู้กำกับดูเเล ห้ามจำเลยทำกิจกรรมกระทบสถาบัน
1 เม.ย.2565 - ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลได้นั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง ขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี ของน.ส. รวิสรา เอกสกุล บัณฑิตจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำเลยที่11 คดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 ซึ่งถูกสั่งฟ้องในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116
โดยพิเคราะห์แล้ว ตามคำร้องขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของจำเลยที่ 11ระบุว่า นับแต่จำเลยที่ 11 ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในคดีนี้ จำเลยที่ 11ไม่เคยปฏิบัติผิดเงื่อนไขการ ปล่อยชั่วคราวตามที่ศาลกำหนด จำเลยที่ 11 สามารถปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัดด้วยดีมาโดย ตลอดและมิได้มีพฤติการณ์หลบหนี ก่อนถูกดำเนินคดีนี้จําเลยไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ มาก่อนและจำเลยที่ 11 พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสอบแข่งขันชิงทุนจนได้รับทุนเพื่อให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีโดยมี กำหนดเดินทางไปเข้ารับการศึกษาตามหลักสูตรเตรียมความพร้อมซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 4เม.ย.65 โดยจำเลยที่ 11 เสนอบุคคลที่จะเข้าเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวโดยเป็นผู้กำกับดูแล ที่พักและอาศัยอยู่ในประเทศไทย 2 คนคือนายอัคร เข้าฉ้อง อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันตก สาขาวิชาภาษาเยอรมัน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนายธนะชาติ เอกสกุล บิดา จำเลยที่ 11 และผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลที่พักและอาศัยอยู่ในประเทศ เยอรมนี 2 คนคือน.ส.ณัฏฐณิชา เอกสกุล พี่สาวจำเลยที่ 11 และนายชัช ขำเพชร
ศาลไต่สวน คำร้องแล้วได้ความว่านายอัครเคยเป็นอาจารย์พิเศษสอนภาษาเยอรมันที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขณะจำเลยที่ 11 ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ปีการศึกษา 2556 ภายหลังจำเลยที่ 11 สอบเข้าเรียนที่ คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกภาษาเยอรมัน นายอัครซึ่งเป็นอาจารย์ประจำคณะ อักษรศาสตร์ ก็เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 11 รวมอยู่ด้วย จึงรู้จักคุ้น เคยกับจำเลยที่ 11เป็นอย่างดีกว่า 10 ปีแล้ว และนายอัคร ยินยอมที่จะเข้าเป็นผู้กำกับดูแลและจะคอย ติดตามดูแล กำชับ ให้คำแนะนำรวมถึงติดต่อประสานงานกับผู้กำกับดูแลที่พักและอาศัยอยู่ในประเทศ เยอรมนีด้วย
ส่วนนายธนะชาติ บิดาจำเลยที่ 11 เบิกความว่ายินยอมที่จะเป็นผู้กำกับดูแลจำเลยที่ 11 ด้วยเช่นกันและสามารถที่จะคอยกำชับ ตักเตือนหรือให้คำแนะนำแก่จำเลยที่ 11ได้โดยผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยจำเลยที่ 11 นายธนะชาติ ,น.ส.ณัฏฐนิชา และนายอัครอยู่ในกลุ่มไลน์เดียวกันด้วยแล้ว เพื่อใช้ติดต่อประสานงานกันเกี่ยวกับการกำกับดูแลจำเลยที่ 11 นอกจากนี้นายอัครซึ่งจบการศึกษา ระดับปริญญาเอกจากประเทศเยอรมนี้ยังเบิกความด้วยว่าทุนในโครงการ DAAD ที่จำเลยได้รับ เพื่อไป ศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีนั้นเป็นทุนอันทรงเกียรติซึ่งนายอัครเองก็เคยสอบชิงทุนโครงการดังกล่าวแต่ ยังไม่สามารถสอบได้ การที่จำเลยที่ 11 สามารถสอบชิงทุนดังกล่าวได้จึงควรยินดีและสนับสนุนให้ จำเลยที่ 11 เข้าศึกษาต่อจากทุนในโครงการดังกล่าว โดยนายอัครเชื่อว่าจำเลยที่ 11 มีความประพฤติดี และจะไม่ไปกระทำอะไรที่มิชอบซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่จะได้รับทุนในโครงการนี้ในอนาคต ส่วนผู้กำกับดูแลซึ่งพักและอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีคือนางสาวณัฏฐณิชา พี่สาวจำเลยที่ 11นั้นนายธนะชาติ บิดาจำเลยที่ 11 เบิกความว่าจำเลยที่ 11 เคารพเชื่อฟังนางสาวณัฏฐณิชา
เห็นว่า จำเลยที่ 11 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี ภายหลังสอบได้ทุนโครงการDAAD จําเลยที่ 11 พยายามขวนขวายเพื่อที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลมาโดยตลอด เล็งเห็นถึง ความตั้งใจของจำเลยที่ 11 ที่จะไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี จึงเห็นควรอนุญาตให้จำเลยที่ 11 เดิน ทางออกนอกราชอาณาจักรโดยมีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.65-15 ก.ย.67 ตามที่จำเลยที่ 11ระบุวันเดินทางกลับไว้ในคำร้องขอเดินทางนอกออกนอกราชอาณาจักรลงวัน ที่ 7 ก.พ.65
แต่การที่ศาลอนุญาตให้จำเลยที่ 11เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีนั้นมีช่วงระยะเวลานานซึ่งในระหว่างนั้นศาลกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ และพยานจำเลยไว้ระหว่างวันที่ 2-23 มี.ค.66 รวมทั้งภายหลังเสร็จ การพิจารณาแล้วศาลต้องกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาอีก
จึงเห็นควรกำหนดเงื่อนไขข้อปฏิบัติและข้อ ห้ามเพิ่มเติม เพื่อมิให้จำเลยที่11 มีโอกาสไปกระทำการอันมีลักษณะเช่นเดียวกับข้อกล่าวหาในคดีนี้อีก
โดยห้ามจำเลยที่ 11 ทำกิจกรรมหรือก่อเหตุหรือเข้าร่วมชุมนุมที่จะส่งผลกระทบกระเทือนต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ระหว่างที่อยู่ในประเทศไทยและในระหว่างที่อยู่ในประเทศเยอรมนี และเมื่อจำเลยที่ 11 มีความตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อจึงให้จำเลยที่ 11 ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและให้ส่งผลการศึกษาเล่าเรียน มาให้ศาลทราบภายใน 1 เดือนนับแต่วันประกาศผลการศึกษาของแต่ละภาคการศึกษา ให้ตั้งนายอัคร นายธนะชาติ และนางสาวณัฏฐณิชา ซึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 4 และมิได้เป็นบุคคลต้องห้ามเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ตามข้อ 6 ของระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับดูแล ผู้ถูกปล่อยชั่วคราว พ.ศ. 2561 เป็นผู้กำกับดูแลจำเลยที่ 11
โดยให้บุคคลทั้งสามติดต่อประสานงาน และร่วมมือกันในการกำกับดูแลหรือให้คำปรึกษาหรือคอยกำชับหรือตักเตือนให้จำเลยที่ 11 ปฏิบัติตาม เงื่อนไขตามคำสั่งของศาลอย่างเคร่งครัดและป้องกันการหลบหนีของจำเลยที่ 11 และให้นายอัครหรือ นายธนะชาติเสนอรายงานเกี่ยวกับข้อปฏิบัติและข้อห้ามตามคำสั่งศาลของจำเลยที่ 11ในระหว่างที่พัก และอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีต่อศาลทุก ๆ เดือนโดยให้รายงานศาลครั้งแรกภายในวันที่30 เม.ย.65 และครั้งต่อไปภายในวันสิ้นเดือนของเดือนถัดไป และให้จำเลยที่11 เดินทางกลับประเทศไทย ก่อนถึงวันนัดพิจารณาของศาลในวันที่ 2 มี.ค.66 และให้พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยจนกว่าจะ พิจารณาคดีแล้วเสร็จ มีหนังสือแจ้งให้เพิกถอนหนังสือห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของจำเลยที่11ต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิธา' เผยไม่ได้เห็นต่าง 'ทักษิณ' เรื่องเปลี่ยนโครงสร้าง เหน็บอย่ามัวแต่พูด ถึงเวลาต้องทำแล้ว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร
ชทพ.หนุนนิรโทษกรรมแต่ต้องไร้ ม.110-ม.112
'ชาติไทยพัฒนา' หนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ต้องเว้น ม.110 และ 112 เชื่อก้าวข้ามความขัดแย้งได้
'เทพไท' ซัดพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์เรื่องนิรโทษกรรม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช
'สามนิ้ว' โวยซื้อน้ำขวดในคุกไม่ได้ ต้องกินน้ำก๊อกมาเป็นอาทิตย์แล้ว
เพจ อานนท์ นำภา ของนายอานนท์ นำภา ต้องโทษม.112 ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่แน่ใจว่าทำไมช่วงนี้
'เพื่อไทย' แถบอกรายงานนิรโทษกรรมแค่การศึกษาหากแก้ 112 จริงไม่ยอมแน่
'พท.' จ่อเห็นชอบรายงาน-ข้อสังเกตนิรโทษกรรม บอก แต่ละพรรคโหวตอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ ด้าน 'นพดล' ย้ำ ไม่มีความคิดนิรโทษความผิดม.110 และ 112
ไม่สำนึก! 'เฒ่าสามนิ้ว' จี้สภาฯล้างผิดคดี 112 อ้างเพื่อยุติความขัดแย้ง ประเทศเดินหน้าต่อได้
ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม สภาฯ