‘รศ.หริรักษ์’ เล่าย้อนเหตุการณ์ “บิ๊กตู่” ทำรัฐประหารปี 2557 ก่อนคืนสู่บรรยากาศปกติ ชี้เลือกตั้งครั้งหน้าการซื้อเสียงจะยังคงมีอยู่ เจ้าของพรรคสามารถชี้นิ้วให้ใครได้ตำแหน่งไหนในพรรคก็ได้ เตือนหากได้นายกฯหญิงคนที่2 แล้วออก กม.ช่วยพ่อไม่ติดคุก บ้านเมืองวุ่นซ้ำรอยเดิมแน่
27 มี.ค.2565- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า เมื่อครั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมประท้วงรัฐบาลด้วยคนหนึ่ง และไม่เคยเห็นด้วยกับการทำรัฐประหารไม่ว่าครั้งใด แต่ต้องขอบอกตามตรงว่า อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ นั่นเป็นเพราะความเหนื่อยล้า และมองไม่เห็นทางออกอื่นว่าเรื่องจะจบลงได้อย่างไร
เมื่อถูกเรียกให้ไปรายงานตัวที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ก็ถามท่านนายพลท่านหนึ่งว่า การทำรัฐประหารครั้งนี้ มีการวางแผนมาก่อนนานแค่ไหน ท่านตอบว่า มีการวางแผนจริง แต่เป็นการวางแผนเพื่อเตรียมพร้อมไว้เป็นทางออกสุดท้าย และท่านยืนยันซึ่งจะเชื่อหรือไม่ก็ตามว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจเดินหน้าเพื่อทำรัฐประหารตามแผนก็เมื่อได้รับคำตอบจากคุณ ชัยเกษม นิติศิริ ผู้ที่รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่ารัฐบาลจะไม่ลาออก ในวันที่เชิญทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมเจรจาที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต
ก่อนการทำรัฐประหาร ก็มีข่าวลือ และว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นไม่อยากเชื่อ ว่าพลเอก ประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง แต่เมื่อในที่สุดนายกรัฐมนตรีก็คือ พลเอก ประยุทธ์ ก็ยังหวังว่า เมื่อเป็นรัฐบาลจากการรัฐประหาร สามารถเลือกคณะรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องมีโควตาจากกลุ่มการเมือง รายชื่อคณะรัฐมนตรีน่าจะออกมาดูดี แต่แล้วก็พบว่า แม้จะมีรายชื่อรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถอยู่ไม่น้อย แต่ก็เชื่อว่าการเลือกคนมาเป็นรัฐมนตรี น่าจะมีระบบโควตาด้วย หรือไม่เช่นนั้นก็มีระบบต่างตอบแทนเข้ามาเกี่ยวข้องแน่ เนื่องจากมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่มาเป็นรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก ประหนึ่งว่า หากจบโรงเรียนนายร้อยมาแล้วหรือได้ติดยศนายพลแล้ว จะมีความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศได้ทุกเรื่อง
เมื่อถึงเวลาที่ คสช ยอมให้มีการเลือกตั้ง เพราะไม่สามารถชะลอเวลาให้นานกว่านี้ได้แล้ว ทั้งที่การปฏิรูปประเทศที่เป็นชิ้นเป็นอันมีเพียง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นในการเลือกตั้งเท่านั้น การปฏิรูปประเทศด้านอื่นๆยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างใด
ก่อนการเลือกตั้งประมาณ 4 เดือน คสช เห็นท่าทางว่า ในการเลือกตั้งหากปล่อยให้เป็นไปอย่างที่เป็นอยู่ มีโอกาสสูงมากที่พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารไปจะได้รับเลือกตั้งกลับมาสู่อำนาจได้อีก จึงตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ และเพื่อไม่ให้อำนาจเดิมกลับมาได้อีก จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งให้ได้ รวมทั้งวิธีการเดิมที่พรรคคู่แข่งเคยทำ นั่นคือ การใช้พลังดูดอดีตส.ส.ต่างๆเข้ามาในพรรค คุณสมบัติที่สำคัญคือ มีโอกาสมากที่จะชนะเลือกตั้ง และมีผู้ที่น่าจะชนะการเลือกตั้งอยู่ในมือกี่คน เรื่องความรู้ความสามารถเป็นคุณสมบัติรองลงมา พรรคนี้จึงกลายเป็นที่รวมของนักการเมืองน้ำเน่าไม่น้อยไปกว่าพรรคคู่แข่ง และมาจากที่ต่างๆร้อยพ่อพันแม่ ทำให้เป็นปัญหาที่ทำให้พรรคเกือบแตกอยู่ในขณะนี้
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเลือกตั้ง มีความรู้สึกว่า ไม่สามารถคาดหวังอะไรจากพรรคการเมืองพรรคดังกล่าวได้ จึงหันไปมองพรรคที่เกิดขึ้นใหม่ ก็พบว่ามีพรรคเกิดใหม่ มีคนรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ มีนโยบายบางนโยบายที่น่าสนใจ แต่ดูบุคลิกของแกนนำแต่ละคนแล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเห็นตัวตนของคนในพรรคนี้มากขึ้น ยิ่งแน่ใจว่า พรรคนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีแน่ และยิ่งเห็นผู้ที่มีบทบาทในพรรคมากขึ้นเรื่อยๆก็ยิ่งรับไม่ได้ ทุกคนเหมือนมี DNA ชุดเดียวกัน ทุกคนมีอคติต่อสถาบันพระมาหกษัตริย์ มีอคติต่อทหาร และมีความประสงค์จที่จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างน้อยไม่ให้มีบทบาทใดๆเลยในประเทศ อย่างมากคือไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แต่แกนนำพรรคทุกคนกลับมีความรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ผูกขาดความคิดและความเชื่อ ถนัดในการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเพื่อโน้มน้าวให้คนเห็นคล้อยตามหรือเพื่อให้ตัวเองดูดี คุณสมบัติเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งก็เห็นชัดเจนขึ้น ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติของนักการเมืองน้ำดีรุ่นใหม่ที่พึงมี
เมื่อไปดูพรรคการเมืองอื่นๆที่เกิดใหม่ ก็พบว่า มีจำนวนมากที่เกิดจากการแตกตัวของพรรคเก่า ที่มีเจ้านายคนเดียวกัน แตกตัวเพื่อให้ได้ประโยชน์จากระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ พรรคการเมืองเกิดใหม่อื่นๆก็เป็นพรรคเล็กๆที่มองเห็นช่องที่จะได้ ส.ส.จากระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ พรรคเล็กขนาดกลางบางพรรค ถึงแม้ไม่ชัดเจนว่าเกิดจากการแตกตัวของพรรคใหญ่หรือไม่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเดินตามพรรคใหญ่แบบไม่มีออกนอกแถว จนไม่แน่ใจว่าจะได้รับเงินสนับสนุนจากเจ้านายคนเดียวกันหรือไม่
สุดท้ายก็ต้องหันไปเลือกพรรคการเมืองเดิมที่เคยเลือกมาตลอด แต่แล้วก็ต้องผิดหวังกับการกระทำ และแนวความคิดของหลายๆคนในพรรค ทำให้ตั้งใจว่า จะไม่เลือกพรรคนี้อีกแล้วในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกพรรคใด
ต้องยอมรับว่า ในประเทศเรา การซื้อเสียงขายเสียงมีจริง และไม่เคยทำให้หมดไปได้ ว่ากันว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่ามีจำนวนส.ส.ที่มากพอที่จะมีอำนาจต่อรองได้บ้าง อย่างน้อยก็ต้องมีเงินเพื่อใช้ในการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งการซื้อเสียงไม่สามารถจะทำได้ทุกเขตเลือกตั้งในทุกจังหวัด แต่จากข้อมูลในอดีต สามารถบอกได้ว่า แต่ละเขตในแต่ละจังหวัด เขตใดซื้อเสียงได้มากน้อยแค่ไหน แต่ละเขตต้องใช้เงินเท่าใดจึงจะมีโอกาสสูงที่จะชนะเลือกตั้ง นอกจากใช้เงินแล้ว หากมีกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นสนับสนุนด้วย ก็แทบจะแน่ใจได้เลยว่าจะชนะเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะอย่างไรการซื้อเสียงก็จะยังคงมีอยู่ พรรคการเมืองเดิมที่เป็นรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารไป ยังคงมีสภาพเหมือนเดิมทุกประการ กล่าวคือยังคงมีเจ้าของพรรคเหมือนเดิม คนเดิม นักการเมืองในพรรคยังคงต้องฟังคำสั่งเจ้าของพรรคเหมือนเดิม ยังคงต้องบินไปคุกเข่าขอโน่นขอนี่เหมือนเดิม เพราะเจ้าของพรรคสามารถชี้นิ้วให้ใครได้ตำแหน่งไหนในพรรคก็ได้ จะเลือกส่งใครลงสมัครส.ส.ก็ได้ จะมองข้ามหัวหน้าพรรคแล้วส่งลูกสาวมาชิงชัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ หัวหน้าพรรคนอกจากไม่หือไม่อือแล้ว ยังโค้งคำนับลูกสาวที่อายุคราวลูกได้อย่างไม่ขัดเขิน ดังนั้นเจ้าของพรรคจึงมั่นใจมากว่าจะชนะเลือกตั้ง และได้กลับบ้านโดยไม่ต้องเดินเข้าคุก
ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย 100% แต่ภายในพรรคไม่ได้ความเป็นประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย ความหมายของคำว่าประชาธิปไตยของเขา จึงน่าจะตรงกับคำว่า ” เลือกตั้ง ” คือต้องมีการเลือกตั้งและตัวเองชนะ จึงจะเรียกว่า เป็นประชาธิปไตย 100% ได้ฟังคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ความเห็นว่า การที่ส่งลูกสาวให้มาลงแข่งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องไปวิตกกังวล เพราะขณะนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว หลอกกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นไอ้ที่วางแผนไว้คงจะไม่ได้ตามนั้น
ที่ว่า หลอกกันไม่ได้แล้ว น่าจะจริงเพียงบางส่วน เพราะปัจจุบันคนไทยเราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ แต่มีการจัดทำอย่างดี แนบเนียน มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ ก็ทำให้คนที่มีใจเอนเอียงอยู่แล้ว หลงเชื่ออย่างหัวปักหัวปำได้เหมือนกัน ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ข้อสมมติฐานที่ว่า พรรคการเมืองที่มีเงินมาก ใช้เงินในการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งมาก และมีผู้มีอิทธิพลในระดับท้องถิ่นอยู่ในพรรค หรือสนับสนุนพรรคเป็นจำนวนมาก พรรคการเมืองนั้นมักจะชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นพรรคที่ได้จัดตั้งรัฐบาล ยังคงเป็นความจริงอยู่ในประเทศเรา
ที่น่าจะเป็นก็คือ พรรคใหญ่ทุกพรรคก็จะใช้วิธีเดียวกันคือ ใช้เงินกันอย่างมหาศาล เพื่อให้ได้ที่นั่งส.ส.มากพอที่จะทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาล หรืออย่างน้อยก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้นการที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะชนะการเลือกตั้งแบบ land slide จึงเป็นไปได้ยากในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกเสียจากว่าจะมีการควบรวมพรรคใหญ่กับพรรคขนาดกลางเข้าด้วยกันเหมือนอย่างในอดีต
หากจับพลัดจับผลู ลูกสาวเจ้าของพรรคเกิดได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองต่อจากผู้เป็นอา และมีการพยายามออกกฎหมายเพื่อให้พ่อได้กลับบ้านแบบไม่ต้องเดินเข้าคุก ทั้งยังกล้าประกาศด้วยความเชื่อมั่นว่าต้องการกลับบ้านเพื่อเป็นของขวัญให้คนไทย ประเทศไทยจะกลับไปสู่จุดเดิมเมื่อปี 2556 – 2557 บ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวายซ้ำรอยเดิม ครั้งนี้อาจมีความรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นสงครามกลางเมืองแบบยูเครน คนที่เขาเห็นแก่ประเทศชาติจริง ในสถานการณ์เช่นนี้เขาต้องยอมเสียสละ ยุติบทบาททางการเมือง ถ้าจะกลับบ้านก็กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและยอมรับคำตัดสินของศาล ทั้งที่ตัดสินไปแล้วและที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี เพื่อความสงบสุขของคนในชาติ เช่นนี้จึงจะเรียกได้ว่า เป็นการให้ของขวัญแก่คนไทยอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ
นายกฯ สั่งเกาะติด 7จังหวัดภาคใต้ที่เจอฝนถล่มหนัก
นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงจากฝนตกหนักในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
นายกฯ อิ๊งค์ฝากติดตามแถลง 12 ธ.ค.ผลงานรัฐบาล 90 วัน
นายกฯอิ๊งค์ ลั่นรัฐบาล มุ่งสร้างโอกาสจับต้องได้ให้ประชาชน ปากท้องอิ่ม ดึงศักยภาพคนไทย ลั่นปรับสมดุลการค้าสหรัฐ-จีน ย้ำ รบ.อยู่ครบเทอม ฝากติดตามแถลงผลงานรัฐบาล 12 ธ.ค.นี้
เปิดโปรแกรมทัวร์ 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรกที่เมืองเหนือ
เปิดโปรแกรม 'ครม.สัญจรอิ๊งค์' นัดแรก จัดที่แม่ริม เชียงใหม่ 29 พ.ย. ก่อนถก 'คลังสัญจร' เชียงราย ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพบประชาชน
'เทพไท' วิเคราะห์ชัดๆ 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์' ใครคือนายกฯตัวจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช