ภัยจากไซเบอร์! ปชช.ร้อยละ 94 พบปลุกปั่นในโซเชียลสร้างความแตกแยก สั่นคลอนสถาบันฯ

ซูเปอร์โพลสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจปัจจัยเสี่ยงต่ออันตรายทางไซเบอร์ ร้อยละ 94.2 พบการระดมปลุกปั่น สร้างความแตกแยกของคนในชาติและสั่นคลอนสถาบันฯ แนะภาครัฐเพิ่มบทบาทภาคประชาชน ใช้ 'สังคมคุมสังคม'

23 ต.ค. 2564 - ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนามแบบผสมผสาน เรื่อง ปัจจัยเสี่ยงต่ออันตรายทางไซเบอร์ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,017 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 - 22 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.2 พบการระดมปลุกปั่นในโลกโซเชียลมีเดียและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างความแตกแยกของคนในชาติและสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.7 เคยพบปัญหาข้อมูลการค้าขาย ธุรกรรมทางธุรกิจ ผิดปกติจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ออนไลน์ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.0 เคยถูกหลอกลวง เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินจากการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล ระบบออนไลน์ และการใช้โซเชียลมีเดีย เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 75.5 เคยเจอความไม่ปลอดภัยกับข้อมูลส่วนตัวและอื่น ๆ จากการใช้บริการธนาคารและสถาบันการเงิน เช่น การถูกดูดเงินออกจากบัญชี การโอนเงิน การใช้ออนไลน์แบงค์กิ้ง เป็นต้น และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.5 เคยถูกบูลลี่ (Bully) ข่มขู่ คุกคาม เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โซเชียลมีเดียและการใช้ออนไลน์ต่าง ๆ

ที่น่าพิจารณาคือ เกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.9 พบปัญหาค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่า หน่วยงานรัฐยังไม่ค่อยตื่นตัว ไม่บูรณาการเชื่อมโยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ในขณะที่ร้อยละ 40.3 พบปัญหาปานกลาง และร้อยละ 10.8 พบปัญหาค่อนข้างน้อยถึงไม่พบปัญหาเลย

เมื่อถามถึงระดับความเสี่ยงต่ออันตรายจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดียและระบบออนไลน์ต่าง ๆ พบว่า ครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 ระบุเสี่ยงค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ ร้อยละ 36.1 ระบุเสี่ยงปานกลาง และร้อยละ 13.4 ระบุเสี่ยงค่อนข้างน้อยถึงไม่เสี่ยงเลย

ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 กังวลต่ออันตรายจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และระบบออนไลน์ต่าง ๆ ในขณะที่เพียงร้อยละ 2.4 เท่านั้นที่ไม่กังวลเลย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนพบเห็นมากที่สุดคือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ทำคนในชาติแตกแยกและสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังเกิดปัญหาอันตรายต่อการทำธุรกรรมการเงินการธนาคารของประชาชนและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย นอกจากนั้นประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ถูกบูลลี่ ข่มขู่คุกคามจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนไม่พบการบูรณาการเชื่อมโยงการทำงานและยังไม่เห็นการตื่นตัวของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางไซเบอร์ในการปกป้องผลประโยชน์ชาติ ความมั่นคงของประเทศและประชาชน จึงสะท้อนออกมาในส่วนที่เป็นความเสี่ยงสูงต่ออันตรายจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลระบบอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียระดับประเทศ โดยประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์จำเป็นต้องใช้ ไร้อำนาจในการปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งๆ ที่มีความกังวลต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินและความไม่มั่นคงของประเทศ ความแตกแยกของคนในชาติที่ถูกกระทำโดยขบวนการในโลกโซเชียลมีเดีย จึงจำเป็นที่ภาครัฐต้องเพิ่มบทบาทของภาคประชาชน (Non-State Power) ใช้ “สังคมคุมสังคม” สร้างความตระหนักรู้และตื่นตัวของประชาชน เสริมระบบลดปัญหาอันตรายทางไซเบอร์ภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยใช้อำนาจแห่งชาติ (National Power) ให้น้ำหนักขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เย้ยกฎหมาย! โพสต์ขาย 'น้ำท่อม' ฉลองวันลอยกระทง

ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก. สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.สุขุม เพาะไธสง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ สวป. สภ. พร้อมกำลังตำรวจ

ชำแหละ! ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ทำไม 'ปชป.' ติดลบ 'พท.' คะแนนบวก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า คำตอบ:เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ทำไม เพื่อไทยคะแนนบวก ประชาธิปัตย์ ติดลบ

ซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจชัด ปชป. เสียคะแนนนิยมหลังประกาศร่วมรัฐบาล

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความนิยมต่อประชาธิปัตย์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,346 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29 – 31 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

ประชาชนไม่มีความสุขต่อเงินในกระเป๋า หวังรัฐบาลใหม่ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง รอยต่อรัฐบาล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ