9 มี.ค.2565 - เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 World Peace University (WPU ) สำนวนที่ 3 คดีหมายเลขดำ อ.513/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย ศุภณัฐ ดอนจันทร์ อายุ 59 ปี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (WPU )สาขา 2 , นายเรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ อายุ 70 ปี อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยฯ และ นายเอนก หิรัญรักษ์ อายุ 83 ปี อดีตนายกสภากิตติมศักดิ์ประเภทสภาวิชาการ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ามีหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 มาตรา 9, 10, 104, 121
กรณีเมื่อวันที่ 23 ก.พ.- 21 ก.ค.56 จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันจัดตั้ง มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก 2 (WPU )ตั้งอยู่ที่ 2991/19 โครงการวิสุทธานี ซ.ลาดพร้าว 101/3 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจาก รมว.ศึกษาธิการ (ขณะนั้น) ร่วมกันจัดการศึกษาระดับปริญญาโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำด้วยประการใดๆ ให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่า จำเลยมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา โดยดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก 2 ทั้งร่วมหันแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการและตำแหน่งทางการบริหารในลักษณะเดียว กับมหาวิทยาลัยที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมาย กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอน การมอบปริญญาชั้นต่างๆ และตำแหน่งทางวิชาการ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 มีการจัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องทั้งที่ความจริงแล้ว จำเลยทั้งสามไม่ได้รับอนุญาตให้จัดการศึกษาระดับปริญญาตามกฎหมายแต่อย่างใด อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
จำเลยทั้งสาม ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสาม มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อุดมศึกษาเอกชนฯ มาตรา 10,104,121 ให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 60,000 บาท กับจำคุกจำเลยอีกคนละ 6 เดือนฐานร่วมกันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ามีหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา และปรับจำเลยที่ 3 อีก 60,000 บาท รวมจำคุกจำเลยคนละ 12 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงินทั้งสิ้น 120,000 บาท คำให้การของจำเลยทั้งสาม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 8 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน80,000 บาท โดยในส่วนของจำเลยที่ 3 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยที 3 มีอายุมาก และเคยประกอบคุณงามความดีอันเป็นประโยชน์แก่สังคม เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ต่อมาจำเลยที่ 1-2 ฎีกา พร้อมขอให้ลงโทษสถานเบาด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่โจกท์ยื่นฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ 1036 /2562 หรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องนั้นกระทำความผิดโดยมีเจตนาแยกต่างหากจากกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระและไม่ได้เป็นการฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขแดง 1036/2562 ฎีกาของจำเลยทั้ง2ฟังไม่ขึ้น
ส่วน การกระทำของจำเลยที่1-2เป็นความผิดตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักมั่งคงรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยทั้ง2ร่วมกันกระทำความผิดตาม
ศาลอุทธรณ์พิพากษา ฎีกาของจำเลยทั้ง2 ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยทั้ง2 ฎีกาว่า มีเหตุลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกหรือไม่ เห็นว่าโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทั้ง2ในแต่ละฐานความผิดเหมาะสมแก่พฤติการณ์และคดีแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ยังลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสถานเบากว่านี้อีก อย่างไรก็ตามแม้ว่าจำเลยทั้ง2 ร่วมกับจำเลยที่3 จัดตั้งมหาวิทยาลัยฯและกระทำด้วยประการใดๆให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่า จำเลยทั้ง 2 กับ จำเลยที่ 3 มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้ง 2 จัดให้มีการเรียน การสอน คงเพียงแต่มอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้แก่บุคคลทั่วไปเท่านั้น ซึ่งได้ความจากพยานหลายปากว่า การรับปริญญาบัตรไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีพยานปากหนึ่งให้การว่ามีเพียงค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าถ่ายภาพและค่าส่ง 2,000 บาทเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 2 ไม่ได้แสวงความประโยชน์จากการมอบปริญญาบัตร แม้เป็นความผิดต่อกฎหมายที่ไม่ได้รับใบอนุญาต หรือรับอนุญาตก่อนแต่เห็นได้ว่าพฤติการณ์แห่งคดี ไม่ร้ายแรงนัก ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน แต่เพื่อให้จำเลยทั้ง 2 หลาบจำ ควรลงโทษปรับด้วย
พิพากษาแก้เป็น โทษจำคุกของจำเลยที่ 1-2 ให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56มีกำหนด 1 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้ลงโทษปรับ จำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ามีหน้าที่ในการจัดการศึกษาระดับปริญญา คนละ 80,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำเลยที่1-2 ยังคงมีโทษจำคุกจากคดีอื่นๆจึงยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แม่เสี่ยโป้' คอตกนอนคุก คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน หลังหลบหนีนานกว่า 3 ปี
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กก.1 กองบังคับการปราบปราม คุมตัว น.ส.บานเย็น ชาญนรา อายุ 51 ปี มารดาของนายเสี่ยโป้ อานนท์ เป็นผู้ต้องตามหมายจับศาลอาญา คดี “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น
เอาแล้ว! ศาลฯ รับคดีไว้ไต่สวน หลัง 'วีระ' ฟ้อง ป.ป.ช.ไม่เผยสำนวนนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำเร็จไปอีกขั้น วันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตแ
'บอสพอล' คอตกนอนคุก! ศาลไฟเขียวฝากขัง ส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
‘บอสพอล’ คอตกนอนคุก หลังศาลอนุญาตฝากขังครั้งเเรก ให้การปฏิเสธทุกข้อหา เจ้าตัวยังไม่ยื่นประกัน เจ้าหน้าที่ส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ตร. คุมตัว 'บอสพอล' ฝากขังศาลแล้ว พร้อมค้านประกัน
ตร.ปคบ. คุมตัว 'บอสพอล' ฝากขังศาลอาญาแล้ว แจ้ง 2 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน – พ.ร.บ.คอมฯ พร้อมค้านประกัน
ศาลฎีกา ตัดสิทธิสมัครเลือกตั้ง 10 ปี 'สมชาย เล่งหลัก' เจ้าตัวดิ้นสู้ยื้อเก้าอี้ สว.
นายสมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ ภายหลังศาลฎีกาออกประกาศแจ้งคำสั่งศาลฎีกา คดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต สส 4/2567 หมายเลขแดงที่ 338/2567 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง นายสมชาย ผู้คัดค้าน เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ศาลยกฟ้อง 'หลานชายอดีตรมต.' ล่วงละเมิดทางเพศ 'ดาราสาว'
ศาลอาญายกฟ้อง ‘เอ็ม’ หลานชาย อดีต รมว.ต่างประเทศ ไม่ผิดล่วงละเมิดทางเพศหญิง ชี้หลักฐานจำเลยชัดผู้เสียหายมีสติยินยอม ผลตรวจเเพทย์ไม่พบยานอนหลับ