'บิ๊กป้อม' ลั่น! ทำสงครามกับความยากจน รื้อโครงสร้างราคาพลังงาน ปรับโครงสร้างหนี้

“ลุงป้อม” ประกาศสงครามกับความยากจน รื้อโครงสร้างราคาพลังงาน ปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมอัดฉีดเงิน 3 แสนล้าน ช่วยคนตัวเล็ก – SMEs – Startup ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผลักดันเมกะโปรเจกต์ หารายได้เข้าประเทศ พร้อมอ้อนเข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

7 พ.ค.2566- นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค มีความตั้งใจที่จะประกาศสงครามกับความยากจน ลดช่องว่างทางรายได้ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกาะกินประเทศไทย หลังจากที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน จนก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจนถึงปัจจุบัน

โดยพรรคพลังประชารัฐจะเริ่มทันที จากการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน ดังนี้ 1) น้ำมันเบนซิน ลดราคาลง 18.07 บาทต่อลิตร 2) น้ำมันดีเซล ลดราคาลง 6.37 บาทต่อลิตร 3) ก๊าซหุงต้ม ลดราคาเหลือ 250 บาทต่อถัง 4) ค่าไฟฟ้าที่อยู่อาศัย ลดเหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และ 5) ค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม ลดเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย

นายชาญกฤช กล่าวว่า นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐจะปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ทั้งที่อยู่ในและนอกระบบ โดยจะชูให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งภาครัฐจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเจรจาระหว่างสถาบันการเงินกับลูกหนี้ อาทิเช่น การขอพักชำระเงินต้น การขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการจัดทำรีไฟแนนซ์จากธนาคารเดิมสู่ธนาคารใหม่

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยกลุ่มคนตัวเล็ก ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup ที่แม้ขนาดของธุรกิจจะไม่ใหญ่โต แต่ถือเป็นกลไกในการกระตุ้นอัตราการบริโภคภายในประเทศที่สำคัญ จึงจะจัดตั้งกองทุนประชารัฐ วงเงิน 3 แสนล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ โดยวงเงินสินเชื่อจะเริ่มที่ 50,000-5,000,000 บาท ซึ่งจะพิจารณาจากสถานะทางการเงินและประเภทธุรกิจเป็นหลัก

นายชาญกฤช กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่จะเพิ่มรายได้ให้ประชาชนและประเทศ ผ่านนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น นโยบายที่ 1 สร้างเศรษฐกิจย่าน อย่างถนนเยาวราช ถนนสีลม และถนนข้าวสาร นำร่องในหัวเมืองจังหวัดใหญ่ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ก่อนจะขยายผลต่อไปยังเมืองรอง เพื่อให้ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ นโยบายที่ 2 ปั้น 1,000 ธุรกิจซุปเปอร์แฟรนไชส์ โดยจะส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ 100,000 ราย และนโยบายที่ 3 สนับสนุนและส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์อย่างจริงจัง ซึ่งมีอยู่หลากหลายมิติ ทั้งมวยไทย ผ้าไทย อาหารไทย ภาพยนตร์ไทย และเทศกาลไทย สุดท้ายนี้ พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายเร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ ผ่านนโยบายอีสานประชารัฐและนโยบายเขตพัฒนาพิเศษชายแดนใต้ ซึ่งจะเป็นการลงทุนเมกะโปรเจกต์ เพื่อต่อยอดความสำเร็จของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC

พร้อมฝากให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ ด้วยการกาเบอร์ 37 ลงบนบัตรเลือกตั้งสีเขียว และเลือกผู้สมัคร ส.ส. พรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ ผ่านบัตรเลือกตั้งสีม่วง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กป้อม' ลั่นพอแล้ว! เปิดบ้านป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่

'บิ๊กป้อม' เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่ ลั่นอายุ 80 ปี พอแล้ว ท่ามกลางปัญหาสุขภาพรุมเร้า ถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ เตรียมวางมือการเมือง ขณะที่อดีตบิ๊กทหารตบเท้าร่วมรับพร

'สามารถ' ยัน พปชร. ไม่ระส่ำ 'บิ๊กป้อม' ยังเป็นผู้นำพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง

นายสามารถ แก้วมีชัย กรรมการบริหารพรรค พปชร.และว่าที่ผู้สมัครสส.เชียงราย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรค พปชร. ถูกจับตามองเกิดความสั่นคลอนและจะล่มสลาย หากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.วางมือทางการเมืองว่า

เตือนผู้กู้ กยศ.กว่าแสนราย เร่งชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้ภายใน ธ.ค.นี้

รองโฆษกสำนักนายกฯ ระบุ ผู้กู้ยืมเงิน กยศ. ที่ค้างชำระตามคำพิพากษาศาลกว่าแสนราย หากไม่ชำระหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เตรียมถูกบังคับคดี ย้ำสามารถทำรายการผ่านแอป กยศ. Connect และระบบออนไลน์ได้

‘สุรเดช’ รับคำสั่ง ‘ลุงป้อม’ คุมภาคเหนือ ลั่นสู้ศึกเลือกตั้งด้วยผู้สมัครเกรด A

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ภาคเหนือว่า ตนได้รับมอบหมายจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ดูแล