'ศ.ดร.นฤมล' นำทีมว่าที่ผู้สมัคร กทม.เร่งขับเคลื่อนแผนเพิ่มพลังทุน เพิ่มพลังเศรษฐกิจ ชูผุดกองทุนธุรกิจเพื่อสังคมลดพึ่งงบรัฐเสริมแกร่งฐานราก พร้อมดันสินค้า Made in Bangkok
23 มี.ค.2566 - ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ตัวแทนชุมชน นักวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ และผู้ประกอบการ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบาย พปชร. ภายใต้หัวข้อ “เพิ่มพลังทุน เพิ่มพลังเศรษฐกิจ” นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนางนฤมล รัตนาภิบาล, นายศันสนะ สุริยะโยธิน และนายกิตติภูมิ นีละไพจิตร์ ตัวแทนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พปชร.
โดย ศ.ดร.นฤมลกล่าวว่า ผู้สมัคร กทม.ของพรรค พปชร.ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของชาว กทม. จึงได้มาพูดคุยกันว่า จะใช้วิธีการใดที่จะไม่เกิดเป็นภาระต่อภาษีของประชาชน เพราะแต่ละปี รัฐบาลต้องมีการจัดสรรงบประมาณ ปีละ 3.1-3.2 ล้านล้านบาท ขณะที่จัดหารายได้ของภาครัฐมีเพียง 2.3-2.5 ล้านล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างที่จะต้องจัดหาจากการกู้ให้เพียงพอในการพัฒนาประเทศ และมุ่งเน้นให้ประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก เราต้องหาแหล่งเงินเพื่อพัฒนาประเทศ
"เราจึงได้ข้อสรุปว่าจะใช้ศักยภาพของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยการส่งเสริมให้จัดตั้งกองทุนที่จะมาพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ที่มีพระราชบัญญัติรองรับอยู่แล้ว นำมาพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยกลไกของตลาดทุนจะเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้น แทนที่เราจะเก็บภาษีคนรวยมาช่วยคนจน เราก็ให้คนที่มีเงินเหลือใส่เงินผ่านกองทุนแล้วใช้กลไกกำกับดูแลให้ SE ลงไปทำงานในพื้นที่ก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง"
ทั้งนี้การดำเนินงานดังกล่าวเป็นแนวทางที่หลายประเทศได้นำไปใช้แล้วเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาก็จะยั่งยืน ดังนั้นกองทุนดังกล่าวก็จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มในท้องถิ่นให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ก็จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ หรือ ธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยใช้แหล่งเงินจากส่วนนี้ทำให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่น กระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ กทม.แต่พรรคพลังประชารัฐจะใช้กลไกนี้ทั่วประเทศ
ด้านนางนฤมลกล่าวว่า เราจะขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมโดยการลดการพึ่งพางบประมาณประเทศ ซึ่งจะเน้นของการแสวงหารายได้ ด้วยการระดมทุน ผ่านกองทุนSE ด้วย การร่วมมือกับเอกชน และตลาดทุน ในการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคมตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งกองทุนสนับสนุนเงินเพื่อการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อเพิ่มจำนวนนักธุรกิจในชนที่มีคุณภาพ โดยกองทุนจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิผลมากกว่าการใช้กองทุนรูปแบบที่ไม่ตอบโจทย์การช่วยเหลืออย่างแท้จริง
นายศันสนะกล่าวถึงข้อการเพิ่มพลังสร้าง ว่าจะชูจุดเด่นสร้างจุดขายให้กับนวัตกรรม ในการสร้างโอกาสใหม่ สร้างอาชีพชุมชน ด้วยสินค้า Made in Bangkok สู่สากล การมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนช่วยกันพัฒนาชุมชนของตัวเอง นี่คือสำคัญในการพัฒนาฐานรากในพื้นที่ชุมชนโดยไม่ได้พึ่งพากองทุนของประเทศ พรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้กับประชาชน ซึ่งกองทุน SE ทุกคนจะสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนเติบโตและลดความเหลื่อมล้ำให้เกิดความเท่าเทียม
ด้านนายภูวกรกล่าวในหัวข้อเพิ่มพลังเสริม ว่าเพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ในการสร้างอาชีพและฝึกทักษะวิชาชีพ รวมถึงเรื่องเทคโนโลยี การทำตลาดออนไลน์ และการบริการผ่านเทคโนโลยี ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะมีศูนย์การเรียน การสอน ทุกเขต ทุกพื้นที่ โดยเราจะสอนตั้งแต่ขั้นต้น ทำอย่างไร โดยนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นการทำสินค้า การรีแบรนด์ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น รวมไปถึงการค้าขายในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ การถ่ายรูป ครอบคลุมทุกรูปแบบ
ด้านนายกิติภูมิกล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ค้าขายจากบริบทจริง การเสนอแนวทางพัฒนาตลาดใหม่ จัดการพื้นที่ ส่งเสริมอัตลักษณ์แต่ละท้องถิ่น การขยายแนวทางการขาย และส่งเสริมผู้ประกอบการ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นฤมล' มอบ 4 นโยบายขับเคลื่อนกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
'นฤมล' มอบนโยบายกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มุ่งสร้างความเข้มแข็งภาคสหกรณ์ ย้ำประสิทธิภาพต้องได้ มาตรฐานสากล ครอบคลุมความเสี่ยงทุกมิติของภาคการเกษตร
จี้รัฐบาลประท้วงกัมพูชา
"สนธิรัตน์" นำทีมพลังประชารัฐลงพื้นที่ตราด "ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์" ชี้อันตรายมาก แนวสันเขื่อนดินที่กัมพูชาสร้างต่อเติมออกไป หากไม่มีการประท้วงหรือไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ก
พปชร. ลงตราด ชวนชาวบ้านในพื้นที่ร่วมคัดค้าน MOU 44
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานร่วมศูนย์นโยบาย และวิชาการ และ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนในจังหวัดตราด โดยได้รับการประสานงานจากประชาชนในพื้นที่
'ก๊วนธรรมนัส' เปิดตัวเข้าคอก 'กล้าธรรม' ลั่นทำการเมืองสร้างสรรค์ ไล่พรรคร่วมฯค้านบ่อยๆก็ออกไป
พรรคกล้าธรรม นำโดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และสส.จำนวน 20 คนที่ถูกพรรคพลังประชารัฐขับออก
20 สส. ก๊วนธรรมนัส ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมแล้ว เพิ่มจำนวน สส.เป็น 24 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม สส. 20 คนที่ถูกขับพ้นพรรคพลังประชารัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้แก่ 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา 2.นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี 3.นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ 4.นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา 5.นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว
พปชร. จี้รัฐบาลเปิดเผยความจริง ปมลูกเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำเมียนมาหรือไม่
นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณี 4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกทหารเมียนมาจับกุมตัวไป และมีคำพิพากษาจำคุกว่า เมื่อตอนที่ 4 ลูกเรือประมงถูกจับใหม่ๆ ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม