'รังสิมา' แจงเหตุทิ้ง ปชป. ซบลุงตู่ ตามประสงค์คนแม่กลอง รักษาแชมป์ให้ได้สมัยที่ 6

“รังสิมา” แจงยิบ หนีปชป.ย้ายซบ “รวมไทยสร้างชาติ” เป็นความต้องการของคนแม่กลองตามผลโพลไม่เช่นนั้นสอบตกแน่ ปลื้มกระแสตอบรับพรรคลุงตู่ดีวันดีคืน ง่ายต่อการเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนาจังหวัดที่ค้างคา

2 มี.ค.2566 - น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีตส.ส.สมุทรสงคราม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงเหตุผลย้ายพรรคว่า เป็นไปตามความต้องการของชาวบ้านหลังจากทำโพลสอบถาม ผลโพลออกมาต้องการให้ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาตินำมาเป็นอันดับ 1 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์อยู่อันดับ 5 เลยจำเป็นต้องย้ายพรรค ความจริงตนไม่มีอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์เลย ตนเป็นส.ส.ประชาธิปัตย์มาหลายสมัย แต่เมื่อประชาชนต้องการให้ไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ต้องทำตามความต้องการประชาชนไม่เช่นนั้นจะสอบตก

น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ชาวบ้านที่ไม่ได้ตอบแบบสอบถามโพลอาจไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงในการย้ายพรรค ตนก็ต้องไปอธิบายให้เขาเข้าใจว่าทำไมต้องย้ายพรรค แต่เท่าที่ตรวจสอบดูหลังจากชาวบ้านรู้ว่าย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติกระแสตอบรับดีมาก ชาวบ้านที่เคยสนับสนุนส่วนใหญ่เห็นด้วยบอกว่าอยากให้ย้ายตั้งนานแล้ว ชาวบ้านยืนยันว่า จะลงคะแนนให้ทั้ง 2 บัตรเลือกตั้งทั้งพรรคและคน แต่ถ้าไม่ย้ายเขาก็ยังหนักใจอยู่จะเลือกแบบไหน ดังนั้นการหาเสียงในครั้งนี้คงจะง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ช่วงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ที่เคยสนับสนุนมาบอกว่าขอไปเลือกลุงตู่ ตนก็เลยแจ้งว่าถึงแม้จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไปยกมือหนุนลุงตู่เป็นนายกฯได้ไม่จำเป็นต้องย้ายพรรค ซึ่งก็เป็นจริงชาวบ้านเลือกพรรคลุงตู่กันจำนวนมากตนชนะคู่แข่งมาแค่ 4 พันกว่าคะแนนเท่านั้น แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนไม่เห็นด้วยที่ไม่ย้ายพรรคมาแจ้งว่าขอลาไม่ขอเลือกตน 1 สมัยและก็มีผู้สนับสนุนลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม การย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติจะทำให้การประสานงานโครงการพัฒนาจังหวัดที่ค้างอยู่ทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโครงการย้ายโรงพยาบาลประจำจังหวัดมาสร้างใหม่ในพื้นที่ราชพัสดุ รวมถึงโครงการรถไฟเชื่อมปากท่อ-มหาชัย-วงเวียนใหญ่เพื่อร่นระยะเวลาในการเดินทางให้สั้นลงประมาณ 80 กม.เป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน โครงการนี้ตนเดินเรื่องมานานแล้วกำลังมีความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยหลักในการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่พรรคหรือตัวบุคคลเป็นอย่างเดียว แต่อยู่ที่การซื้อเสียงด้วยขณะนี้มีการจดรายชื่อประชาชนในพื้นที่ มีการจ่ายเงินให้นายกอบต.ในพื้นที่บางพรรคจ่ายเงินให้หัวละ 1,000 บาทแล้ว บางพรรคก็มาขอแบ่งคะแนนในหมู่บ้านไป 5-10 คนก็มี

น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ในจ.สมุทรสงครามไม่หวั่นกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคการเมืองบางพรรค การเลือกตั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมารวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ตนก็สู้กับเงินมาโดยตลอด แต่คนแม่กลองไม่โง่ตนได้รณรงค์ตลอดว่า “ให้รับเงินหมา การังสิมา” ทุกครั้งพยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้พิษภัยของการซื้อเสียง เลือกตั้งครั้งนี้จะพยายามรักษาแชมป์ให้ได้เป็นสมัยที่ 6 ให้ได้เพื่อเข้ามาประสานงานโครงการที่ตั้งใจไว้ ตนดีใจที่ชาวบ้านยังรักบอกตนตลอดว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะเลือก เพราะเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนตนจะถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักในการทำงาน

“คนแม่กลองชอบคนซื่อสัตย์ ชอบคนจงรักภักดี ลุงตู่มีคุณสมบัติในเรื่องเหล่านี้ครบ และสมัยลุงตู่บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย เลือกความสงบจบที่ลุงตู่ยังใช้ได้ตลอดไป ส่วนเรื่องผลงานในแม่กลองยังไม่ค่อยชัดในช่วงที่ผ่านมาเพราะส่วนใหญ่จะไปพัฒนาในภาคอื่นๆ ดังนั้นเมื่อย้ายมาอยู่พรรคลุงตู่แล้วการประสานเพื่อการพัฒนาจ.สมุทรสงครามคงจะง่ายขึ้น” น.ส.รังสิมากล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วัน' ซบพลังประชารัฐ ซูฮก 'บิ๊กป้อม' ใจถึงพึ่งได้

นายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในสัปดาห์หน้าว่า เป็นตามกระแสข่าวที่ออกไป โดยตนจะเดินทางไปสมัครในวัน

'ก้าวไกล' เหยื่อระบอบทักษิณ! ตราบใดกระแส 'อนุรักษ์นิยม' ยังไม่ฟื้น

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าพรรคก้าวไกล เหยื่อของระบอบทักษิณ!

'อนุทิน' เผย 'วัน อยู่บำรุง' มีพรรคสังกัดแล้ว ลุ้นนั่งเก้าอี้ผู้ช่วยรมต.มหาดไทย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวัน อยู่บำรุง ระบุตนเป็นหนึ่งในบุคคลที่รักและเคารพว่า นายอนุทิน อุทานว่า "โอ้โห้ ผมรู้จักกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

ปมขัดแย้งภายในเพื่อไทย บทพิสูจน์ภาวะผู้นำ 'อุ๊งอิ๊ง'

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย : บทพิสูจน์ภาวะผู้นำของอุ๊งอิ๊ง

‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่