นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมคลิปเสียงว่า สวัสดีทุกคนครับ ก่อนอื่นผมขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภา 324 เสียง โดยเฉพาะ ส.ว. 13 ท่าน ที่โหวตเห็นชอบให้ผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ตามที่เพจเฟซบุ๊กกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมชน โพสต์ข้อความประกาศจัดกิจกรรมชุมนุมใหญ่ “Restpect My Vote” เพื่อส่งเสียงถึง ส.ส. และ ส.ว.ให้เคารพเสียงของประชาชน ที่บริเวณหน้าหอศิลป์ กทม.

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. เปิดเผยว่าขณะนี้ ส.ว. หลายคน กำลังรวบรวมหลักฐานที่มีบุคคลอื่น มาบูลลี่ตนเองและครอบครัว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะในการประชุมรัฐสภา เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) ในการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เพราะถือเป็นการคุกคาม

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลยื่นปิดสวิซต์ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ม. 272 ของรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่คิดว่าเป็นการตอบโต้ ส.ว. ที่ไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตามกฏหมายอยู่แล้ว

สแกนรายชื่อโหวต ‘พิธา’ นั่งนายกฯ 33สว.ลาประชุม อีก11ซุ่มเงียบ ด้านส.ส.แต่ละฝ่ายไร้งูเห่า

นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และได้ทำหน้าที่ในสมาชิกรัฐสภาโดยใช้ดุลยพินิจที่ไม่มีใครมาแทรกแซง คิดถึงหลักการ และศรัทธาที่ประชาชนมีต่อระบบ ให้ความสำคัญกับนายพิธ

แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์อินสตาแกรมระบุว่า ที่สุดก็ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมต้องแก้มาตรา 112 แต่ยิ่งชัดเจนว่า ยืนยันจะแก้ไขแน่นอน ที่สำคัญพรรคต่างๆ ที่ทำข้อตกลงร่วมกันก็ยอมให้พรรคก้าวไกลเสนอแก้มาตรา 112 ได้

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. อภิปรายตอนหนึ่งว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกประธานาธิบดี หรือการเลือกนายกฯโดยตรง เหมือนที่กลุ่มบุคคลที่เป็นกองทัพอวตารแก้วสามประการพยายามกดทับบูลลี่ ว่านี่คือเสียงข้างมากประชาชนเลือกแล้ว

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีของส.ว.ว่า เชื่อว่าส.ว.มีดุลยพินิจอยู่แล้วในการลงมติโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 ก.ค.นี้ ส.ส.มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ แต่ส.ว.ก็มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบ

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ย้ำจุดยืนเดิมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีภายใต้ 3 เงื่อนไข คือต้องเป็นผู้ถูกเสนอจากเสียงข้างมาก มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามและไม่ทำให้ประเทศเกิดความขัดแย้ง ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)

การโหวตเลือกนายกฯยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่เห็นว่าการโหวต ต้องไม่ใช่ตามกระแส แต่ต้องเลือกตามความรู้ความเข้าใจที่แต่ละคนมี

พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า สว.อย่าเข้าใจผิดในหน้าที่ของตัวเอง

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีขั้วรัฐบาลปัจจุบันออกมาแสดงความคิดเห็นว่าหากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน ในการโหวตครั้งถัดไป ควรให้โอกาสพรรคการเมืองอันดับสองเสนอชื่อ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร หารือกับว่าที่รองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน พร้อมกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อประชุมเสร็จสิ้นนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 รีบเดินออกจากห้องโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

ในการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิสภา) เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการหารือเรื่องการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่13ก.ค. โดยมีส.ว.บางคนหยิบยกประเด็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีว่า หากไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาครบ 376เสียง

น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า อีก 7วัน โหวตเลือกนายกฯ การกำหนดให้ สว.เลือกนายก คือมนต์ดำที่เนติบริกร ฝังไว้ให้ใน #รัฐธรรมนูญ60

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า มีก้าวไกล ไม่มี ส.ว. VS มีลุง ไม่มีเรา กลยุทธ์ของก้าวไกลทำให้เพื่อไทยจาก แลนด์สไลด์ เป็น แลนด์ไถล หล่นจาก 310 เสียงเหลือต่ำกว่าครึ่ง ได้ 141 เสียง

นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมวุฒิสภาเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลระบุมีสัญญาณดี จากส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา

สมาชิกหลายคนแสคงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี

‘วิษณุ’ ย้ำรธน.ระบุให้ ส.ส.-ส.ว มีอิสระในการโหวตนายกฯ ชี้ประเทศไทยไม่เคยมี ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ถ้าสังคมไม่ยอมรับก็จบ ย้ำกฎหมายสูงสุดไม่สามารถยกเว้นให้ทำได้