งานนี้ต้องเรียกว่า “ปรากฏการณ์ดิไอคอน” ได้สร้างผลสะเทือนนอกจากบรรดา “บอส” และดารา นักร้อง นักแสดงและพิธีกรทั้งหลายแล้ว ล่าสุดยังลุกลามไปยังแวดวงการเมืองอีกต่างหาก โดยเฉพาะที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พรรคเพื่อไทย (พท.) ทนแรงกดดันไม่ไหว ในที่สุดก็บีบให้ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ลาออกจากสมาชิกพรรค ทั้งที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค แต่แก้ตัวปัดสวะอย่างไรก็ไม่พ้นตัว

ประเด็น “ดิไอคอนกรุ๊ป” นอกจากผู้เสียหายหลายร้อยล้าน ดาราเข้าไปเอี่ยวในฐานะผู้สนับสนุนหรือไม่ ล่าสุดโยงสู่วงการเมืองหลังเกิดคลิป หลัง เพจอีซ้อขยี้ข่าวตัวจริง

ขอรำลึกถึงจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย วีรชน 14 ตุลาคม 2516 ..เจ้าฝันถึงโลกสีใด?!? ผ่านไป 51 ปี จากวันนั้นจนถึงวันนี้

เปิดฉากชำระแค้น! จุดเริ่มต้นสู่จุดจบพรรคเพื่อไทย “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มือขวา “บิ๊กป้อม” จั่วหัวมาหลายวัน ได้รู้พร้อมกันทั้งประเทศแล้ว “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร”

คำว่า “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” นั้น เหมาะสมอย่างยิ่งกับสถานการณ์ของรัฐนาวา “แพทองธาร ชินวัตร” ในเพลานี้ และที่สำคัญ เป็นการ “ตบหน้า” พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ที่มักพร่ำบ่นเสมอๆ ว่ามีบุคลากรคุณภาพคับแก้ว

จากกระแสข่าว นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย

การเมืองเมื่อวันจันทร์ โฟกัสกันไปที่ข่าวลือการพบกันของ 2 ผู้นำจิตวิญญาณพรรคร่วมรัฐบาล หลังแพร่สะพัดว่า เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย

บันทึกในวันครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาคม ทั้งคนเดือนตุลา และคน “โหน” เดือนตุลา ยังคงคึกคักบนเวทีเสวนารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่้น่าสนใจเห็นจะเป็นวาทะของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่บอกว่า กรณีคดีตากใบ ที่ใกล้หมดอายุความ แต่ยังตามจับทหารและตำรวจระดับสูง 7 คนไม่ได้ ถือเป็น “วัฒนธรรมผู้พ้นผิดลอยนวล”

นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แค่เดือนกว่า ไม่ทันไร “แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นแท่นหนึ่งใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต ปี 2024 ประเภทผู้นำ ของนิตยสารไทม์

การสูญเสียถึง 23 ชีวิตในอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสรับ-ส่งนักเรียนทัศนศึกษาจากจังหวัดอุทัยธานี ที่หวังมาดูความเจริญและความศิวิไลซ์ในเมืองกรุงนั้น ต้อง ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บปวดแก่ผู้ยังอยู่อย่างยิ่ง ซึ่งเหตุการณ์ในท่วงทำนองนี้ของไทยไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และเชื่อว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวเด็กนักเรียนและครู รร.วัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ที่เกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ปากซอยพหลโยธิน 72 ใกล้เซียร์ รังสิต เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย เป็นนักเรียน 20 คน ครู 3 คน

หลังตามตูดพรรคส้มอยู่นาน แต่พอเปลี่ยนผู้นำทัพจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” มาเป็น “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคประชาชน เล่นเอากระทบต่อความนิยม สะท้อนผ่านผลนิด้าโพล

บันทึกกันในวันส่งท้ายชีวิตเกษียณของข้าราชการทุกหน่วยงาน “หัวโขน” ที่ต้องถอดออกอาจจะทำให้เบาเนื้อเบาตัว แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้สึกโหวงเหวง เพราะไปไหนมาไหนเคยมีลูกน้องบริวารแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ชีวิตกลับคืนสู่สามัญ เป็นราษฎรเต็มขั้น

ส่งท้ายศุกร์สุดท้ายเดือน ก.ย. อีกอึดใจเดียวเงินเดือนก็ใกล้จะออกแล้ว อดทนไว้ และนับถอยหลังอีก 1 ไตรมาส หรือ 3 เดือน จะสิ้นปี 67 แล้ว

ในที่สุด “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ก็สืบสันดาน “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 จนได้ ในเรื่องโป๊ะแตกว่าด้วยการสัมภาษณ์ ซึ่งกรณี “นายกฯ แคตวอล์ก” นั้นแม้จะมีหลายครั้งหลายครา

การแก้ไขรัฐธรรมนูญรื้อปมจริยธรรม ริบอำนาจองค์กรอิสระ ส่อแท้ง! เมื่อ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า “คนการเมืองเป็นคนสาธารณะ

” ช่วงแห่งการชำเรากฎหมาย ไล่ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ หมวดจริยธรรม แก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ แก้เรื่องการยุบพรรค-ครอบงำ-ปลดล็อกสมาชิกพรรคการเมือง-เสนอผลการศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่มีการประเมินว่าทำเพื่อนักการเมืองล้วนๆ

บันทึกบรรทัดต้องลุ้นว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเวลานี้ จะเลยเถิดมาท่วมใน กทม.หรือไม่?!? … นิด้าโพล

วันศุกร์นี้ได้ฤกษ์นับหนึ่ง โละ “จริยธรรมสุดซอย” เพื่อไทยยื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตรา จัดหนัก 6 ประเด็น ตามประสาพวกสันหลังหวะ หลัง “เศรษฐา ทวีสิน” โดนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี