เติมพลังบนเส้นทางสายศรัทธา ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ

ททท. สำนักงานฉะเชิงเทรา ชวนสายศรัทธาเดินสายไหว้พระ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มความเป็นสิริมงคลให้ชีวิต ที่จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมเรียนรู้เรื่องเมืองเก่า ชมตลาดโบราณ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชน รับประสบการณ์ใหม่ๆ   ด้วยความสะดวกสบายตลอดทั้งปี

นายจิรศักดิ์ อ่วมอุไร ผู้อำนวยการสำนักงาน  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฉะเชิงเทรา ดูแลพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวแบบ One Day Trip หรือหากต้องการพักค้างคืน ก็มีที่พัก โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ที่มีความสะอาด ปลอดภัยไว้รองรับ ตลอดจนมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย

ทั้งสองจังหวัดยังถือเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวสายศรัทธานิยมเดินสายมาไหว้พระ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนผ่านตลาดโบราณ และแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ดังนี้

วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา

สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา จุดแรกที่มาถึงแล้วพลาดไม่ได้ คือ การไปสักการะ หลวงพ่อพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทรา ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร อยู่ที่ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ตามตำนานเล่าว่า ลอยตามแม่น้ำบางปะกงแล้วมาหยุดอยู่ตรงบริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน 

พระอุโบสถหลังใหม่ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธร

ปัจจุบัน หลวงพ่อโสธรประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งสร้างครอบพระอุโบสถหลังเดิม ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบแสดงเรื่องราวตามคติความเชื่อเกี่ยวกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์, ท้าวจตุโลกบาล, พรหมโลก, ดวงดาว จักรวาล ฯลฯ ซึ่งมีความวิจิตรสวยงามมาก ที่นี่เป็นแหล่งรวมความศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน ด้วยความเชื่อที่ว่า หลวงพ่อโสธรมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อขอพรสิ่งใดมักสมประสงค์ และเมื่อประสบความสำเร็จตามที่ขอ จะมีการนำไข่ต้มมาถวาย หรือจ้างคณะละครให้รำถวายแด่ท่าน

หลวงพ่อโสธร ศูนย์รวมความศรัทธาประชาชน

สถานที่ตั้งของวัดโสธรวรารามวรวิหาร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง จึงมีจุดให้เดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำ รอบบริเวณวัดจะมีสินค้า อาหาร ขนม ของที่ระลึกจากชุมชนมาจำหน่าย นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรับประทานหรือซื้อกลับบ้านก็ได้ โดยเฉพาะขนมจาก  ขนมโบราณที่หารับประทานได้ยาก

วัดโสธรวรารามวรวิหาร เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์  เวลา 07.00-16.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดทำการเวลา 07.00-17.00 น.

มาเยือนฉะเชิงเทรา อีกหนึ่งวัดที่น่าสนใจและถือเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapters ของประเทศไทย คือ วัดหงษ์ทอง หรือที่ชาวบ้านมักนิยมเรียกว่า วัดกลางน้ำ ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง เดิมเป็นสำนักสงฆ์หลวงปู่ปาน ต่อมาได้จัดตั้งเป็นวัดหงษ์ทองเมื่อราวปี พ.ศ.2527 

วัดหงษ์ทอง หรือวัดกลางน้ำ จังหวัดฉะเชิงเทรา

สถานที่ตั้งวัดอยู่ริมชายหาด ต่อมาถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนพื้นที่วัดหายไปจำนวนมาก จากวัดริมทะเลจึงกลายเป็นวัดกลางทะเล จุดเด่นของวัดนี้คือ พระธาตุคงคามหาเจดีย์ปรีชาประภากรณ์ปราชญ์ศรนิลอนุสรณ์ องค์พระธาตุมีสีทองเหลืองอร่ามตา แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นล่างสุด ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโสธรจำลอง, ชั้นที่สอง ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งเสมือนจริงของหลวงปู่สดแห่งวัดปากน้ำภาษีเจริญ และพระแก้วมรกตองค์จำลอง มีระเบียงให้สามารถเดินออกมาชมวิวได้รอบวัด สุดท้ายชั้นบนสุด บรรจุพระอรหันตธาตุไว้ในเจดีย์สีทอง  นอกจากนี้ ยังมีสะพานกระจกใส (Sea walk) ทอดตัวยาวลงไปในทะเล ซึ่งทางวัดสร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ยามเดินไปบนสะพานช่วงน้ำขึ้น จะมองเห็นเหมือนคนเดินอยู่บนผิวน้ำ เป็นความมหัศจรรย์และสวยงามอย่างมาก

พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข วัดสมานรัตนาราม

ไปต่อกันที่ วัดสมานรัตนาราม หรือ วัดพระพิฆเนศ ฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่ที่ตำบลก้อนแก้ว อำเภอเมือง ซึ่งมีพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ เนื้อองค์เป็นสีชมพู ด้านหน้าฐานพระพิฆเนศเป็นปูนปั้นรูปหนูสองตัว อยู่ในท่าทางทำมือป้องหู เพราะเป็นความเชื่อว่าถ้าต้องการขอพรสิ่งใดให้สมหวัง ให้ไปกระซิบที่หูหนู แล้วเจ้าหนูบริวารนี้จะนำความไปบอกท่านพระพิฆเนศ ให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา ซึ่งว่ากันว่า ผู้ที่มาขอพรส่วนใหญ่จะสมความปรารถนา และมีการบอกต่อกัน ทำให้ในแต่ละวันมีคนเดินทางมาขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย

ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ให้ได้ขอพรกัน ตามความเชื่อ อาทิ พระราหูองค์ใหญ่, พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ, หลวงพ่อประทานพร, พระปางลีลา, พระพิฆเนศปางปาฏิหาริย์ 108 กร, เจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตรและโชคลาภ เป็นต้น สำหรับผู้ที่สนใจจะมาขอพรวัดแห่งนี้ เปิดทำการทุกวัน 08.00- 17.00 น.  

ตลาดบ้านใหม่ จังหวัดฉะเชิงเทรา

ถ้าต้องการเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวแบบย้อนยุค ช้อปปิ้งของขวัญของฝากกลับบ้าน จังหวัดฉะเชิงเทรายังมีตลาดโบราณให้ได้ไปสัมผัสถึงวิถีชุมชนอีกหลายแห่ง เช่น ตลาดบ้านใหม่ ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เป็นตลาดบ้านไม้เก่าโบราณของชาวไทยเชื้อสายจีน ภายในตลาดจะแบ่งร้านค้าเป็นสองฝั่ง ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อหาได้ตลอดทาง มีทั้งอาหาร ขนมไทย ขนมโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่เป็นชาวชุมชนที่อยู่ในตลาด เปิดทำการเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-17.00 น. เท่านั้น

บรรยากาศตลาดคลองสวน 100 ปี

ตลาดคลองสวน 100 ปี หรืออีกชื่อหนึ่งว่า  ตลาดสามพี่น้อง ลักษณะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ต่อมาปรับปรุงให้เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทั้งจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดสมุทรปราการ ลักษณะเป็นห้องแถวไม้ ยาวตลอด 500 เมตร ขนานไปตามคลองประเวศบุรีรมย์และคลองพญานาคราช ซึ่งขึ้นกับตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จุดเด่นของตลาด คือ สะพานสูง ที่มีชื่อว่า สะพานอัศวาณิชย์ และเพียงแค่เดินข้ามสะพานไปก็จะเป็นพื้นที่ของตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ

ตลาดคลองสวน 100 ปี นับเป็นตลาดที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่และความคลาสสิกที่หาชมได้ยาก เป็นตลาดที่รวมภาพวิถีชีวิตในยุคอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี ภายในตลาดเก่าคลองสวน ฝั่งฉะเชิงเทรา มีไฮไลต์ที่น่าสนใจ คือ ภาพเขียนสีเก่าแก่ ภายในโรงเจ อายุกว่า 120 ปี มีร้านแป๊ะหลี เป็นร้านกาแฟโบราณ 70 ปี, ร้านขายยา, ขายขนม, ขายของเล่น, ร้านอาหาร ส่วนในฝั่งสมุทรปราการมีศาลเจ้าพ่อคลองสวน, ศาลอาเสี่ย-คุณนาย เป็นที่ศรัทธาของชาวคลองสวนและคนทั่วไป มีร้านอาหาร, ร้านขนม, ร้านของฝาก, ร้านกาแฟโบราณ, ร้านขายของที่ระลึกแบบย้อนยุค, ร้านตัดผม, โรงสีข้าวโบราณ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านร่วมสมัย สร้างความเพลิดเพลินให้คนที่มาเที่ยวชมอย่างมาก โดยเฉพาะสายถ่ายภาพยิ่งพลาดไม่ได้ ตลาดเปิดทุกวัน เวลา 08.00- 16.00 น.

สำหรับสายกิน พลาดไม่ได้กับ ตลาดน้ำบางคล้า ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ลักษณะตลาดเป็นแพโป๊ะยื่นลงสู่แม่น้ำบางปะกง มีทั้งหมด 9 แพด้วยกัน สินค้าส่วนใหญ่จะเน้นเป็นอาหาร ของฝาก และของที่ระลึก หรือสินค้าโอทอปที่มีชื่อเสียงของชาวบางคล้ามาจัดซุ้มจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว เช่น น้ำตาลสด มะม่วง ผักและผลไม้ท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถมาช่วยอุดหนุนชาวบ้านในชุมชนกันได้

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมล่องเรือเที่ยวแม่น้ำบางปะกง ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน สามารถติดต่อลงเรือเที่ยวได้ในตลาดเลย จะมีจุดบริการอยู่ ค่าบริการสำหรับการเหมาลำ 300 บาทต่อ 6 คน เรือจะพาไปจอดชมวัดโพธิ์บางคล้า และให้สักการะพระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากสินมหาราช ตลาดน้ำบางคล้าเปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-17.00 น.

ในส่วนของจังหวัดสมุทรปราการ เส้นทางไหว้พระ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะการไปสักการะ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เบิกเนตร ขัดสมาธิ ศิลปะสมัยสุโขทัย เป็นหนึ่งในตำนานพระพุทธรูปสามพี่น้องที่ลอยน้ำมา ได้แก่ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม, หลวงพ่อพุทธโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ ซึ่งชาวบางพลีต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และบารมีของหลวงพ่อโตมายาวนาน และมีประชาชนเดินทางมาสักการะจำนวนมาก โดยวัดเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

หอชมเมืองสมุทรปราการ

จังหวัดสมุทรปราการ หรือ “เมืองปากน้ำ” ถือเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถไปชมเรื่องราวของเมืองได้ที่ อุทยานเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ  ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ บนหอชมเมืองยังเป็นจุดชมวิวปากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพเมืองสมุทรปราการแบบ 360 องศา อีกด้วย

ภายในอุทยานเรียนรู้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสเรื่องราวของเมือง ผ่านนิทรรศการชุด “ร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำ” ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นเมืองปราการด่านหน้าทางทะเลนับแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย 6 ห้องนิทรรศการ ได้แก่

1.ปากน้ำเมื่อนานมา นำทุกท่านย้อนเวลาไปสู่ยุคอดีตด้วย “Ship Time Machine Simulator”

2.เข้าท่าเมืองหน้าด่าน ดื่มด่ำกับบรรยากาศความรุ่งเรืองย่านคลังสินค้าของชาวฮอลันดา

3.ปรากฏเป็นปราการ เดินลัดเลาะขอบกำแพงป้อมปราการ เมืองปราการแห่งใหม่ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

4.ปราการป้องแผ่นดิน Movable Floor ที่จะพาทุกคนร่วมสัมผัสประสบการณ์การต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศส ที่บุกเข้าประชิดสยามในสมัยรัตนโกสินทร์ จนเกิดเป็นวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

5.หน้าด่านสานเศรษฐกิจ ก้าวสำคัญของสมุทรปราการสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีความเข้มแข็ง มอง (กาล) ไกลไปด่านหน้า สำรวจผังเมืองสมุทรปราการที่มีความสมบูรณ์ขนาดใหญ่กว่า 20 ตร.ม. ด้วยเทคนิคแสง สี เสียง และจอ LED ขนาดยักษ์ ผ่านกระเช้าลอยฟ้า หรือทางเดินกระจกแก้ว

อุทยานเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)  ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 17.00 น. เปิดให้เข้าชม 16 รอบ/วัน รอบแรก 10.00 น. รอบถัดไปทุกๆ 20 นาที รอบสุดท้าย เวลา 15.00 น. ระยะเวลาในการเข้าชม 2 ชั่วโมง/รอบ (รอบละ 30 ท่าน) ไม่เสียค่าใช้จ่าย โทรศัพท์ 09-8241-9495

ส่วนคนที่สนใจและศรัทธาเรื่องราวของ “ครุฑ” สัตว์สำคัญในวรรณคดี เป็นสัญลักษณ์และตราแผ่นดินของประเทศไทย แนะนำให้ไปชม “พิพิธภัณฑ์ครุฑ” อยู่ใกล้สนามกอล์ฟบางปูกอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 9A ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ

พิพิธภัณฑ์ครุฑ ดำเนินการโดยธนาคารทหารไทยธนชาต เป็นพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งแรกและแห่งเดียวในอาเซียน เป็นสถานที่จัดแสดงองค์ครุฑพระราชทานกว่า 150 องค์ จุดเริ่มต้นของพิพิธภัณฑ์ครุฑเกิดขึ้นในวาระที่ธนาคารธนชาตรวมกับธนาคารนครหลวงไทย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 โดยอัญเชิญครุฑมาจากธนาคารนครหลวงไทยกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ

ภายในมีห้องนิทรรศการประกอบด้วย 6 โซน จัดแสดง ดังนี้

โซนแรก เป็นโถงต้อนรับ ทำความรู้จัก “พญาครุฑ” ผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ AR, โซนที่สอง จักรวาลและครุฑพิมาน เรียนรู้กำเนิดโลกและจักรวาล พร้อมท่องไปในแดนหิมพานต์ และที่อยู่ครุฑ, โซนที่สาม นครนาคราช บุกนครนาคราช หรือ ถิ่นที่อยู่ของพญานาค ชมเรื่องราวศึกสายเลือดของพี่น้องต่างมารดา, โซนที่สี่ อมตะจ้าวเวหา รับชมแอนิเมชันแสงสีตระการตา ผ่านเรื่องราวความเพียรพยายามของพญาครุฑ

โซนที่ห้า ล้นเกล้าจอมราชัน ตามรอย “ตราพระครุฑพ่าห์” ตัวแทนแห่งองค์กษัตริย์ ที่ยังคงปรากฏครุฑเคียงข้างพระองค์เสมอ และโซนที่หก ห้องจัดแสดงครุฑ ชมความงดงามและพลังอำนาจของครุฑผ่านตราตั้งห้างพระราชทาน ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้ชมและสัมผัสมนต์เสน่ห์คุณค่าเหนือกาลเวลา

พิพิธภัณฑ์ครุฑ เปิดให้เข้าชมทุกวันศุกร์และวันเสาร์ วันละ 3 รอบ พร้อมผู้บรรยาย เวลา 10.00-11.30 น., เวลา 13.00-14.30 น. และเวลา 15.00-16.30 น. รอบละ 50 คน ไม่เสียค่าใช้จ่าย โทรศัพท์ : 09-8882-3900

มูลนิธิธรรมกตัญญู อำเภอเมืองสมุทรปราการ

สำหรับสายไหว้เจ้าเสริมโชคลาภ แนะนำให้ไปที่ มูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 จุด อาทิ เทพเจ้าทั้ง 5 พระองค์ เทพเจ้า จงจิงหู่ เจ้าพ่อแป๊ะกง เจ้าแม่กวนอิม พร้อมชมสถาปัตยกรรมศาลเจ้าทรงเก๋งจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โดยจำลองรูปแบบมาจากศาลเจ้าของมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ ณ ประเทศไต้หวัน โดดเด่นด้วยสิงห์คู่ เป็นงานแกะสลักจากหินหยกเขียวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี จะมีการแสดงโคมไฟฉลองตรุษจีน ซึ่งนำโคมไฟมาจากประเทศไต้หวันกว่า 5,000 ดวง มาประดับให้ชมฟรีตลอดช่วงเทศกาล เปิดทำการทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.

ไหว้เทพเจ้าเสริมโชคลาภ ที่มูลนิธิธรรมกตัญญู

จังหวัดสมุทรปราการยังมีชื่อเสียงเรื่องสถานตากอากาศบางปู ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 37 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ มีพื้นที่ทั้งหมด 639 ไร่ เดิมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนที่ได้รับความนิยมอย่างมากของวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวในยุคก่อน ปัจจุบันเป็นร้านอาหาร และเป็นที่นัดพบของผู้สูงอายุ มีกิจกรรมเต้นลีลาศ ทุกวันเสาร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน อัตราค่าบริการ ท่านละ 199 บาท

ร้านอาหารที่เป็นแหล่งนัดพบ สถานตากอากาศบางปู

นอกจากนี้แล้ว บางปูยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวและดูนกที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนกนางนวล ที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียมาในช่วงต้นฤดูหนาวของทุกปี ประมาณเดือนตุลาคม-เดือนเมษายนของทุกปี แต่ละปีมีจำนวนนกไม่ต่ำกว่า 5,000 ตัว และมีจำนวนนกกว่า 200 ชนิดที่อาศัยอยู่ที่นี่ สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 0- 2323-9911 หรือติดตามข้อมูลสถานตากอากาศบางปูได้ที่ Facebook Fanpage: สถานตากอากาศบางปู

กิจกรรมให้อาหารนก สถานตากอากาศบางปู

ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวในตอนท้ายว่า “ระหว่างกิจกรรมเดินสายไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศรัทธา นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้เกิดความผ่อนคลายและสบายใจ ได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมทั้งยังเป็นการช่วยอุดหนุนชุมชนรอบๆ สถานที่ที่เดินทางไป ทำให้เกิดการกระจายรายได้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการเดินทางก็ไม่สูง และเป็นเส้นทางที่เดินทางได้สะดวกตลอดทุกวัน”   

สอบถามหรือติดตามข่าวสารได้ที่ ททท. สำนักงานฉะเชิงเทรา (ดูแลพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา-จังหวัดสมุทรปราการ) โทรศัพท์ 0-3851-4009 Facebook Fanpage : ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา หรือ โทร. 1672 Travel Buddy

สรณะ รายงาน