กรมอุทยานฯ ปรับปรุงเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์ เสร็จแล้ว ส่งมอบ 13 พ.ย.นี้ พร้อมรับนทท.หลังปิดมากว่า 1 ปี
9 พ.ย. 2564 – นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ดําเนินการตรวจสอบอาคาร สิ่งก่อสร้าง และสิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ ภายในแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ตามแนวทางการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ รูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พบว่า มีสิ่งอํานวยความสะดวกบางแห่ง มีความชํารุด บกพร่อง จําเป็นที่จะต้องได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมให้ใช้การได้ตามปกติ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว จึงได้ดําเนินงานตามโครงการปรับปรุงเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ได้ประกาศปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา บริเวณหน่วยพิทักษ์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ อน.5 (ยอดดอย) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
ล่าสุด อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ร่วมกับมูลนิธิไทยรักษ์ป่า องค์กรสาธารณกุศลซึ่งก่อตั้งและสนับสนุนการดำเนินงาน โดยบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป ได้ปรับปรุงทางเดินไม้ภายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาเรียบร้อยแล้ว โดยออกแบบให้เหมาะสมและเป็นมิตรกับธรรมชาติ ควบคู่กับการออกแบบอารยสถาปัตย์ (Universal design) เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์สำหรับคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งจะมีพิธีส่งมอบในวันที่ 13 พ.ย. 2564 นี้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นับเป็นเสน่ห์แห่งผืนป่าดิบเขาดึกดำบรรพ์ที่มีอายุกว่า 4,300 ล้านปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย มีระบบนิเวศแบบพิเศษที่เป็นแอ่งน้ำซับลักษณะเป็นป่าพรุภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ และเป็นต้นน้ำสำคัญของลำน้ำแม่กลาง ก่อนไหลลงแม่น้ำปิง มากมายด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ความหลากหลายของสรรพชีวิตบนผืนป่าอ่างกาผืนป่าแห่งนี้เป็นแหล่งพันธุ์พืชและสัตว์ป่าหายากหลายชนิดที่มีการปรับตัวให้เข้ากับระบบนิเวศเฉพาะถิ่น เช่น ข้าวตอกฤๅษี มอสส์สกุลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดระดับโลก เฟิร์นพันธุ์หายากอย่างกูดอ่างกา กุหลาบพันปี ดอกสีแดงเข้มสวยงามและเป็นแหล่งอาหารของนกกินปลีหางยาวเขียวสายพันธุ์อ่างกา นกเฉพาะถิ่นที่พบได้ที่เดียวในโลก และนกกระจิ๊ดคอเทา ที่สามารถพบได้ที่เดียวในประเทศไทย รวมถึงสัตว์หลากหลายชนิด เช่น สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก อย่างกบดอยอินทนนท์ และกระท่าง ภูพิงค์ ซึ่งพบได้ยาก อีกทั้งเป็นชนิดพันธุ์ที่เป็นดัชนีบอกความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ
สำหรับที่มาของชื่อ “อ่างกา” เชื่อกันว่ามาจาก หนองน้ำแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนอ่างน้ำ และมีฝูงกาไปเล่นน้ำมากมาย จึงเรียกกันว่า อ่างกา ครั้งหนึ่งเคยเป็นชื่อของดอยอินทนนท์ นอกจากความพิเศษและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ผืนป่าแห่งนี้ยังซ่อนเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้หลากหลายมิติให้ได้ศึกษา เช่น แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ผ่านช่วงเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น พิธีหุงน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ พิธีแห่พระบรมธาตุศรีจอมทองเข้าเวียง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 รวมไปถึงศาลเจ้ากรมเกียรติ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกบริเวณนี้เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ถูกสำรวจวางแนวและออกแบบทางเดินโดย คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เมื่อปี พ.ศ. 2534-2536 ซึ่งได้มีการพัฒนางานสื่อ ความหมายธรรมชาติในเส้นทางพร้อมกันไปด้วย
ต่อมาสภาพทางเดินเปลี่ยนไปตามกาลเวลา กระทั่งมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ได้สนับสนุนการดำเนินงานปรับปรุง ทางเดินไม้ภายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติดังกล่าวเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา มีอากาศเย็นฉ่ำ และแมกไม้เขียวครึ้มร่มรื่น ‘อ่างกา’ หย่อมป่าที่มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ด้วยความสูงเฉียดเมฆ กว่า 2,550 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางเดินแนวราบบนสะพานไม้ ลักษณะเส้นทางเป็นรอบวงกลม เพียง 320 เมตร มีความลาดชันเฉพาะตอนเริ่มต้นและใกล้สิ้นสุดเส้นทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุกมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ฤดูหนาวอากาศจะหนาวจัดจึงควรแต่งกายให้พร้อมสำหรับสภาพอากาศในแต่ละฤดู แนะนำให้ท่านเดินอย่างเงียบสงบ พร้อมกับเปิดใจเรียนรู้เรื่องราวความหลากหลายของสรรพชีวิตในผืนป่าเมฆที่เต็มไปด้วยคุณค่าและมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ในธรรมชาติ