การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รับรางวัลชนะเลิศ Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2022 ในสาขา Social Empowerment จาก Enterprise Asia ในฐานะองค์กรภูมิภาคเอเชียที่มีความโดดเด่นด้านการสร้างความเข้มแข็งในสังคม จากการดำเนินโครงการ Phuket Sandbox ด้านผู้ว่าฯ ททท. ประกาศนโยบายเร่งเดินหน้าพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย ฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกมิติอย่างสมดุล
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท.และรางวัล AREA 2022
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท. ได้รับรางวัลชนะเลิศ Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2022 ในสาขา Social Empowerment จากการดำเนินโครงการ “Leader in Opening the Phuket Sandbox for Foreign Tourists” จาก Enterprise Asia ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพของหน่วยงานองค์กรในทวีปเอเชีย ที่มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยโครงการ Phuket Sandbox เป็นโครงการที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการเปิดประเทศภายใต้มาตรการสาธารณสุข เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศคลี่คลายลง โดยนำแนวคิด City Marketing มาช่วยพลิกฟื้นวิกฤต โดยเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
รางวัลชนะเลิศ AREA 2022 สาขา Social Empowerment
ททท. ในฐานะหน่วยงานหลักที่นำเสนอโครงการ Phuket Sandbox และทำหน้าที่ในการส่งเสริมตลาดด้านการท่องเที่ยว จึงได้ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนในท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้าใจ ความมั่นใจ และความพร้อมด้านต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างมาตรฐานทางสาธารณสุขด้านท่องเที่ยวเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ได้แก่ มาตรฐาน SHA, SHA Plus และ SHA extra plus ตลอดจนดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ผ่านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยเป็น Top of Mind ของนักท่องเที่ยว
เที่ยวบินปฐมฤกษ์ตามโครงการ Phuket Sandbox
หากนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 กรกฎาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวน 3,150,303 คน โดยประเทศต้นทางที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย (425,289 คน), อินเดีย (333,973 คน), สิงคโปร์ (183,716 คน), สหราชอาณาจักร (161,780 คน) และสหรัฐอเมริกา (146,891 คน) มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสะสมเป็นจำนวน 1.57 แสนล้านบาท
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองไทยตามโครงการ Phuket Sandbox
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวต่อว่า เพื่อให้การทำการตลาดมีความต่อเนื่องและต่อยอดความสำเร็จในการเปิดประเทศ จึงกำหนดทิศทางและแนวทางการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวของ ททท. ประจำปี 2566 ไว้ให้สอดคล้องกับแผนวิสาหกิจองค์กร ททท. พ.ศ.2566-2570 ภายใต้วิสัยทัศน์ “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่ามุ่งสู่ความยั่งยืน” โดยเตรียมยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูในทุกมิติ ตาม 3 วัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์หลัก (Strategic Objective) ได้แก่
1.Drive Demand : มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน
2.Shape Supply : สร้างคุณค่าและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผ่านการสร้างระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวใหม่ (New Tourism Ecosystem)
3.Thrive for Excellence : ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง มุ่งสู่การเป็น Data Driven Organization เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาด สู่จุดหมายของการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนผ่านสู่ High Value & Sustainable Tourism อย่างแท้จริง
พิธีมอบรางวัล SHA PLUS แก่ผู้ประกอบการพื้นที่ภูเก็ต
สำหรับตลาดต่างประเทศ จะทำการสื่อสารผ่านแคมเปญ Visit Thailand Year 2022-2023 : Amazing New Chapters ด้วยเมนูประสบการณ์ A-Z และผสมผสาน Soft Power of Thailand (5F : 4M คือ Food Film Fashion Festival Fight Music Museum Master Meta) แบ่งเป็น
ตลาดระยะไกล (Long-Haul Markets) มุ่งเจาะตลาด (Segment) ที่มีเวลาพักผ่อนและซึบซับประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศไทย อาทิ กลุ่ม Health & Wellness, Family with Kids, Active Senior และ Telework ซึ่ง ททท. จะส่งเสริมการตลาดใน 2 แนวทาง ได้แก่ 1) การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ผสมผสานกลยุทธ์ City Marketing โดยแสวงหาความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มสินค้า Lifestyle ที่มีฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อพร้อมจ่าย รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และ 2) การเปิดตลาดเชิงพื้นที่ใหม่ๆ สร้างการรับรู้และส่งเสริมตลาดในประเทศใหม่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย
สถานประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA
ตลาดระยะใกล้ (Short-Haul Market) ททท. จะมุ่งฟื้นคืนฐานตลาดกลุ่มกระแสหลัก เจาะกลุ่มคุณภาพ กระตุ้นกลุ่ม Revisit และ Quality มุ่งเพิ่มจำนวน ความถี่และกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มความสนใจพิเศษ อาทิ กลุ่ม Health & Wellness, Wedding and Honeymoon Sport Tourism และ Luxury และ 5 News ประกอบด้วย New segment เจาะกลุ่มตลาดศักยภาพกลุ่มใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มเติบโต New area เจาะพื้นที่ตลาดใหม่ New partner ร่วมมือกับคู่ค้าพันธมิตรรายใหม่ New infrastructure ใช้ประโยชน์จากการคมนาคมรูปแบบใหม่ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และ New way เสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ชูเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม
ร้านค้าย่านเมืองเก่า จ.ภูเก็ต ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA Plus
นอกจากนี้ ยังได้มีกิจกรรมกระตุ้นตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- Visit Thailand Year 2022-2023, Amazing New Chapters ประกาศให้ปี 2565-2566 เป็นปีท่องเที่ยวไทย (Visit Thailand Year 2022-2023) สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดต่างๆ เผยแพร่ในต่างประเทศผ่านช่องทางสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวมิติใหม่
- Wellness Tourist World-Class
ผลักดันจังหวัดในชายฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health &Wellness ของประเทศไทย โดยได้ผ่านความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) และส่งเสริมการจัดงาน World Event ด้าน Health & Wellness อาทิ Specialised Expo 2028 ที่ภูเก็ต เพื่อชูศักยภาพศูนย์กลาง Medical Hub
แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต
- Remote Worker Destination
ททท. มีแผนที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomads มายังประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะจากเทรนด์ Work From Home ที่เกิดขึ้นหลังช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญที่ผู้คนจะหันมาเลือกวิถีชีวิตการทำงานที่ทำงานจากที่ใดในโลกนี้มากยิ่งขึ้น
- Gastronomy Tourism โครงการ เดอะ มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ (พ.ศ.2565-2569)
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ของไทย ปักหมุด 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น ขยายพื้นที่สำรวจสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะท้อนความพร้อมของ 4 จังหวัดที่สามารถสะท้อนวัฒนธรรมอาหารการกินของคนไทยและสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวเพื่อต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) นำไปสู่การกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้เกิดแรงส่งต่อเนื่องไปถึงฤดูการท่องเที่ยวช่วงปลายปีและต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า
เกาะราชา จ.ภูเก็ต
ขณะที่ตลาดในประเทศ ใช้การสื่อสารผ่านแคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” โดยสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยมุมมองใหม่ เติมความหมายของการเดินทางท่องเที่ยว ชดเชยช่วงเวลาที่พลาดโอกาสได้เดินทางจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตอนนี้จึง “ได้เวลา” ที่จะออกไปท่องเที่ยว สร้างความสุขให้กับตัวเองและคนที่เรารัก ออกไปเที่ยวพร้อมดูแลธรรมชาติ นำไปสู่ช่วงเวลาที่แสนพิเศษ เพราะ “โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ”
พร้อมกระตุ้นความต้องการเดินทางของคนไทย ด้วยแคมเปญสื่อสาร “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” และต่อยอดทิศทางส่งเสริมตลาด 5 ภูมิภาค เน้นพาเที่ยวเมืองไทยอย่างอบอุ่น เสนอแคมเปญ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย...เที่ยวได้ทุกวัน” ชูความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ของแต่ละภาค ได้แก่
ภาคเหนือ เสิร์ฟประสบการณ์ท่องเที่ยวสัมผัส “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ” กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงภายในภูมิภาค เจาะกลุ่มครอบครัวที่มีหลายช่วงวัย (Multi-Gen Family)
ภาคกลาง พาอินเทรนด์กระแสท่องเที่ยวภาคกลางด้วยเมนูประสบการณ์ใหม่ “Trendy C2” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen-Y และ Gen-Z
ภาคตะวันออก พาชิลๆ ซึมซับประสบการณ์ “Story สาย สบาย” ด้วยสินค้าท่องเที่ยวเชิงอาหารควบคู่สินค้า Luxury ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen-Y กลุ่มผู้มีรายได้สูง และกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ (Millennials family)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พาตะลอนเที่ยวสุด COOL หลงรักอีสานได้ทุกวัน กระตุ้นการท่องเที่ยว 20 จังหวัดภาคอีสาน พร้อมนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวภายใต้ธีม 3 ธรรม ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม เจาะกลุ่ม Gen-Y และวัยทำงาน และ
ภาคใต้ พาสัมผัสการท่องเที่ยวรสจัดจ้าน “หรอยแรง แหล่งใต้” ดึงคนไทยเที่ยวภาคใต้ตลอดทั้งปีควบคู่กับการสร้างกระแสการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
ชายหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต
“ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปี 2566 ให้กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 บนพื้นฐานของสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างเป็นไปได้ (Base Case Scenario) โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1.73 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 970,000 ล้านบาท และรายได้หมุนเวียนจากตลาดคนไทย 760,000 ล้านบาท ขณะที่ภายใต้สถานการณ์ท่องเที่ยวที่เอื้ออำนวยในทุกด้าน (Best Case Scenario) คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยสัดส่วนของรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 880,000 ล้านบาท” ผู้ว่าการ ททท. กล่าวสรุปในตอนท้าย
สรณะ รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
MUST SEEK! เปิดประตูสู่สวรรค์ สุขท้าลอง @จันทบุรี
บรรยากาศในช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่เราจะออกเดินทางเที่ยวชมบรรยากาศของความสดชื่นของผืนป่า ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแห่งขุนเขาแบบไม่ต้องดั้นด้นเดินทางไกลมาก แนะนำว่าให้มาเที่ยวจันทบุรี
ททท. เปิดแคมเปญ WOW! ไทยแลนด์ มอบของที่ระลึกเสน่ห์ไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยว
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า โครงการ Amazing Thailand Passport Privileges เป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. และพันธมิตร ในการจัดทำกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ททท. จับมือ TikTok ปั้นบุคลากรสู่อินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ TikTok Thailand จัดกิจกรรมอบรม TikTok Content Creator ในหัวข้อ "วิธีการสร้างสรรค์เนื้อหาและแนวทางในการพัฒนาเนื้อหา Content" เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาความรู้ ความสามารถ ในเรื่องการพัฒนา Smart People และ Smart Economy ของบุคลากรในองศ์กร ททท.
ททท. ดึง 'กองทัพ พีค - ต้าห์อู๋ - วันเดอร์เฟรม - PROXIE' ฉลองสัมพันธ์การทูต ไทย-จีน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรม “Sound of Friendship Concert” ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน ร่วมเปิดงาน โดย จิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. และ ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
ททท. อัดแคมเปญ WOW! Thailand ดันท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย สู่เป้า 3.5 ล้านล้านบาท
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวโครงการ Amazing Thailand Passport Privileges ด้วยแคมเปญ “WOW! Thailand Passport Privileges”
ททท. เผยผลสำเร็จโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวขยายผลเมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) เผยผลสำเร็จหลังจัดกิจกรรม Amazing Thailand Passion Ambassador กระตุ้นการออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองหลักเชื่อโยงเมืองน่าเที่ยว