เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ หุ้นส่วนของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าเขาอาจจะอำลา “ปีศาจแดง” ในอนาคต หากต้องเผชิญกับเสียงด่าทออย่างหนักแบบที่ตระกูลเกลเซอร์ ต้องพบเจอ
มหาเศรษฐีจากสหราชอาณาจักร เข้าซื้อหุ้น 28.94 เปอร์เซนต์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นจำนวนเงิน 1.3 พันล้านปอนด์ และให้ อิเนออส บริษัทของเขาเข้ามารับหน้าที่บริหารสโมสรในส่วนของการทำทีมฟุตบอลโดยเฉพาะ
นับตั้งแต่ แรตคลิฟฟ์ เข้ามาก็มีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายสโมสร ซึ่งรวมถึงการเลิกจ้างพนักงานไป 250 คน และจะมีการเลิกจ้างเพิ่มอีก 200 คน นอกเหนือจากนี้ยังมีการขึ้นค่าตั๋วของสโมสรกลางฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อเด็กอายุน้อยกว่า 16 ปีและผู้สูงอายุที่อยากมาชมเกม
ก่อนที่ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “เซอร์จิม” พร้อมทีมงาน ก็เพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการว่า “ปีศาจแดง” จะสร้างสนามใหม่มูลค่า 2 พันล้านปอนด์ มีความจุราว 100,000 ที่นั่ง
“คือผมก็ทนได้ในระดับหนึ่ง ณ ตอนนี้ ผมไม่ใส่ใจหากไม่ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบ เพราะผมเข้าใจดีว่าไม่มีใครชอบใจที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงไปอยู่ต่ำขนาดนั้น และไม่มีใครชอบใจกับการตัดสินใจที่เราต้องเลือกในตอนนี้ แต่ทุกสิ่งมันจำเป็นต้องทำ” แรตคลิฟฟ์ กล่าวกับ เดอะ ไทม์ส สื่อชั้นนำ
“หากผมรู้สึกโมโหเล็กน้อย ผมก็ทนได้ แต่ผมก็ไม่ได้ต่างจากคนทั่วๆ ไป มันไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกับเพื่อน และครอบครัวของผม”
“ท้ายที่สุดถ้ามันไปถึงจุดเดียวกับที่ตระกูลเกลเซอร์ โดนด่าทอต่างๆนาๆ ผมก็คงต้องบอกว่าพอคือพอ ปล่อยให้คนอื่นจัดการแทน ซึ่งทาง เกลเซอร์ เดินทางมาชมเกมไม่ได้เลย พวกเขาหลบไปเบื้องหลังสักพักแล้ว ผมก็เลยต้องพบกับเสียงวิจารณ์ทั้งหมด”
“เราถูกดึงเข้ามา และนับตั้งแต่นั้นผมไม่ได้เจอพวกเขาเลย มันแค่มีเพียงคำกล่าวว่า ขอบคุณนะ จิม คุณทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ในตอนนี้ผมไม่มีการ์ดรักษาความปลอดภัย ผมไม่ต้องเดินไปมาแบบนั้น แต่ถ้าถึงจุดนั้นก็ถือว่าไม่เป็นดั่งหวัง ถ้าถึงจุดนั้นแล้วผมก็ทนไม่ได้หรอก มันจะไม่สนุกเอาเลย”
ปัจจุบันหนี้ทั้งหมดของ แมนฯ ยูไนเต็ด เกินกว่า 1 พันล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นหนี้ที่ตระกูลเกลเซอร์ก่อขึ้นมาทั้งหมดในยุคของพวกเขา ซึ่งรวมถึงค่าตัวนักเตะที่ยังจ่ายไม่หมดอีก 300 ล้านปอนด์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา และผลประกอบการปีก่อนพวกเขาควักเงิน 37 ล้านปอนด์จ่ายดอกเบี้ยของหนี้ก้อนดังกล่าวไปแล้ว
