“เอชาวาร์เรีย” คว้าแชมป์ที่ญี่ปุ่น
การเปลี่ยนกริพพัตเตอร์และการจับไม้พัตเตอร์ใหม่สร้างความแตกต่างให้กับ นิโก้ เอชาวาร์เรีย อย่างเห็นได้ชัด เมื่อโปรกอล์ฟหนุ่มวัย 30 ปีจากโคลัมเบีย ผงาดครองแชมป์โซโซ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศญี่ปุ่นในการลงเล่นครั้งแรก โดยทำเบอร์ดี้หลุมสุดท้าย ในหลุม 18 พาร์ 5 เฉือนชนะ จัสติน โธมัส ดีกรีสองแชมป์เมเจอร์ และแม็กซ์ เกรย์เซอร์แมน ที่จับคู่กับเขาคว้าอันดับ 4 ร่วมในการแข่งขันแบบทีมรายการซูริก คลาสสิค ออฟ นิวออร์ลีน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
เอชาวาร์เรีย เข้าสู่การแข่งขันที่สนามแอคคอร์เดีย กอล์ฟ นาราชิโนะ คันทรีคลับ โดยมีสถิติ Strokes Gained: Putting รั้งอันดับ 107 ของทัวร์ แต่ได้มีการฝึกซ้อมรูปแบบใหม่กับโค้ชของเขาที่ลาสเวกัส ในสัปดาห์ซึ่งโปรกอล์ฟจากโคลัมเบียไม่ผ่านการตัดตัวรายการไชรเนอร์ส ชิลเดนส์ โอเพ่น อย่างไรก็ตาม เอชาวาร์เรียยังไม่ค่อยพอใจกับผลการฝึกซ้อม จึงตัดสินใจเปลี่ยนกริพพัตเตอร์ในวันอังคารหลังจากเดินทางญี่ปุ่น
การปรับเปลี่ยนได้ผลอย่างน่าทึ่ง เอชาวาร์เรียประเดิมสองวันแรกด้วยผลงานการตี 64 ทั้งสองวัน และรั้งอันดับ 8 ของสถิติ Strokes Gained: Putting ในสัปดาห์ดังกล่าว ครองอันดับหนึ่งสถิติ putts per green in regulation และอันดับสองสถิติ total putts ทำไป 106 พัตต์ตลอดสัปดาห์ โดยในหลุม 18 พาร์ 5 ทำสกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ เทียบเท่าสถิติดีที่สุดของสัปดาห์ และทำสกอร์ 9 อันเดอร์พาร์ในสี่หลุมสุดท้ายตลอดสี่วันแบบไม่เสียโบกี้ นอกจากนี้เอชาวาร์เรีย ยังมีค่าเฉลี่ยการเล่นที่หลุม 18 ดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในสนาม .51 สโตรก และทำสองพัตต์เบอร์ดี้ในรอบสุดท้ายคว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ
ผลงานการเล่นหลุมพาร์ 3 ของเอชาวาร์เรีย ก็ทำได้ดีเช่นกัน ทำสกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ ทาบสถิติดีที่สุดที่ จัสติน เลียวนาร์ด ทำไว้เมื่อครั้งคว้าแชมป์ในปี 1983 และการทำสกอร์เฉลี่ย 2.50 ในหลุมพาร์ 3 ก็เป็นสถิติสกอร์ต่ำสุดอันดับ 3 ของตำแหน่งแชมป์รายการนี้นับตั้งแต่ปี 2003 โดยมีสถิติ strokes gained total ที่หลุมพาร์ 3 อยู่ที่ 7.61 และพัตต์ลงรวมระยะ 122 ฟุต 8 นิ้ว ขณะเดียวกันเอชาวาร์เรีย จบผลงานด้วยสกอร์รวมต่ำสุดในอาชีพที่ 20 อันเดอร์พาร์ 260 ดีกว่าสถิติทัวร์นาเมนท์นี้ที่ไทเกอร์ วูดส์ ทำไว้ในปี 2019 อยู่ 1 สโตรก และเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่สองของโปรกอล์ฟจากโคลัมเบีย
“พอสตัน” ครองแชมป์ไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น
เจ.ที. พอสตัน พบคอมฟอร์ทโซนที่สนามทีพีซี ซัมเมอร์ลิน และคว้าแชมป์รายการไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น ในปีนี้ ซึ่งเป็นผลงานในท็อป 4 ครั้งที่สามของเขาที่สนามนี้ และทำสถิติตี 67 สโตรก หรือดีกว่าตลอดการแข่งขันสี่รอบเป็นครั้งที่สองในพีจีเอทัวร์ โดยเมื่อปีที่แล้วเปรสตันจบอันดับ 3 ร่วม
ช็อตไดรฟ์ของพอสตันไม่ค่อยดีนักตีเข้าเป้าเพียง 34 จาก 56 แฟร์เวย์ เทียบเท่าสถิติตีเข้าแฟร์เวย์น้อยที่สุดของตำแหน่งแชมป์ไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น แต่ยังสามารถรั้งอันดับท็อป 20 ใน 4 รายการของสถิติ Strokes Gained ได้แก่อันดับ 15 Off the Tee, อันดับ 20 Approach the Green และอันดับ 6 สองรายการทั้ง Putting และ Around the Green ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นตลอดการเล่นอาชีพ
โปรกอล์ฟจากนอร์ธแคโรไลนา โดดเด่นในการเล่นที่หลุมพาร์ 5 โดยทำ 3 อีเกิ้ล และ 4 เบอร์ดี้ นั้นเท่ากับว่าพอสตันทำอีเกิ้ลที่ซัมเมอร์ลิน ทุกๆ 63 หลุม และทำไป 8 จากการลงเล่นทั้งหมด 504 หลุมที่สนามนี้ เทียบกับค่าเฉลี่ยของนักกอล์ฟอาชีพในพีจีเอทัวร์ จะทำ 1 อีเกิ้ลในการเล่น 182 หลุม
พอสตันทำสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติสกอร์รวมต่ำสุดลำดับ 4 ในอาชีพของเขา โดยแต้มส่วนใหญ่มาจากการเล่นในช่วง 5 หลุมสุดท้ายของแต่ละรอบ ซึ่งเขาทำได้ 11 อันเดอร์พาร์ มากกว่าแชมป์ไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น คนอื่นๆ รวมถึงมากว่า เบน มาร์ติน ในปี 2014 ขณะเดียวกันในสัปดาห์ดังกล่าว เปรสตัน ยังมีสถิติ Stroke Gained : Tee to Green 9.82 สโตรก ดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในสนาม 49 หลุมจากทั้งหมด 72 หลุม
“แม็คคาร์ธี” ประเดิมแชมป์แบล็ค ดีเสิร์ต
ถือเป็นสัปดาห์ของการแข่งขันแบล็ค ดีเสิร์ต แชมปี้ยนชิพ ครั้งแรก อีกทั้งเป็นทัวร์นาเมนท์แรกของพีจีเอทัวร์ที่จัดแข่งในยูทาห์ นับตั้งแต่ปี 1963 และเป็นโปรกอล์ฟหน้าใหม่ของทัวร์หรือรุกกี้อย่าง แมตต์ แม็คคาร์ธี ที่ประเดิมคว้าแชมป์ไปครองเป็นคนแรก
แม็คคาร์ธี เพิ่งคว้าตั๋วเข้ามาเล่นในพีจีเอทัวร์ ที่ยูทาห์ จากผลงานคว้าแชมป์ 3 รายการในเวทีคอร์น เฟอร์รี ทัวร์ ชัยชนะที่ยูทาห์ เป็นแชมป์รายการที่ 4 ของเขาจากการลงเล่น 10 รายการ ทำให้แม็คคาร์ธี กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่สองที่ชนะในปีเดียวกันหลังจากเลื่อนชั้น นับตั้งแต่ เจสัน กอร์ ทำได้ในปี 2005 ขณะเดียวกันแม็คคาร์ธี คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์แรกสำเร็จในการลงเล่นรายการที่ 3 โดยก่อนหน้ามีนักกอล์ฟเพียงสองคนที่ลงเล่นน้อยกว่าและได้แชมป์ นั่นคือ จิม เบนาเป (1) และแกร์เร็ตต์ ฮิกโก้ (2)
แม็คคาร์ธี เข้าสู่รอบสุดท้ายโดยมีสกอร์นำอยู่ 2 สโตรก และชนะคู่แข่งไป 3 สโตรกเมื่อจบการแข่งขัน พร้อมรั้งตำแหน่งผู้นำ Strokes Gained: Total +15.13 สโตรก โชว์ฟอร์มเยี่ยมโดยเฉพาะในการเล่นช่วง 3 หลุมสุดท้าย ทำได้ 7 อันเดอร์ มีสถิติ Strokes Gained: Tee to Green 3.46 และ Strokes Gained: Around the Green 4.28 ซึ่งดีที่สุดในสนามนี้ทั้งสองราย นอกจากนี้เขายังทำ 2 อีเกิลในหลุมพาร์ 4 เท่ากับ ดัสจิน จอห์นสัน (ทำได้สองครั้ง), ร็อคโก้ เมดิเอต และแบรด แฟ็กซั่น ในฐานะแชมป์ของพีจีเอทัวร์ที่ทำได้
“หยู” ประกาศศักดาที่มิสซิสซิปปี้
การแข่งขันรายการแซนเดอร์สัน ฟาร์มส์ แชมเปี้ยนชิพ มอบประสบการณ์ที่ยอดเยียมให้กับแชมป์สมัยแรกมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในปี 2024 ก็เช่นกันเมื่อ เควิน หยู โปรกอล์ฟจากไต้หวัน ที่ตามอยู่สองสโตรก ฮึดสู้สุดกำลัง จนทำเบอร์ดี้สำคัญที่หลุม 18 ในรอบปกติ และในรอบเพลย์ออฟ ก่อนเอาชนะ โบ ฮอสเลอร์ ผงาดคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายแรกมาครองได้สำเร็จ
ชัยชนะดังกล่าว ทำให้เควิน หยู กลายเป็นนักกลอ์ฟไต้หวันคนที่ 3 ที่สามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์มาครองได้ ตามรอย ซี.ที. ปัน และที.ซี. เฉิน และเป็นแชมป์คนแรกครั้งที่ 14 ของรายการนี้ ขณะเดียวกันการคว้าแชมป์ของเควิน หยู เกิดขึ้นหลังลงเล่นในพีจีเอทัวร์ รายการที่ 56
สกอร์รวม 23 อันเดอร์พาร์ของเควิน หยู ถือเป็นสถิติของสนามคันทรีคลับ ออฟ แจ๊คสัน ขณะที่เปอร์เซนต์ความแม่นยำในการไดร์ฟอยู่ที่ 51.80 เทียบเท่ากับสถิติต่ำสุดอันดับ 4 ของตำแหน่งแชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่เควิน หยู ได้ฟอร์มการพัตต์ที่ร้อนแรงมาชดเชย โดยทำได้ 27 เบอร์ดี้ (มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาชีพ) รั้งอันดับ 2 ในระยะการพัตต์สนามนี้ มีสถิติ Strokes Gained: Putting อยู่ที่ 8.66 สโตรก ส่วนสถิติ Strokes Gained: Total +12.52 ดีกว่าสถิติดีที่สุดที่สุดก่อนหน้านี้ของเขาที่เคยทำได้ในรายการไมร์เทิล บีช คลาสสิค เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 2 ½ สโตรก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุ้น'ธงชัย ใจดี'ตีPGAทัวร์ฯ ปิดฤดูใน'ชาร์ลส์ ชวาบ คัพฯ' เริ่ม8พ.ย.ที่ทรูวิชั่นส์
กอล์ฟพีจีเอ ทัวร์ แชมเปียนส์ รายการปิดท้ายฤดูกาล ชาร์ลส์ ชวาบ คัพ แชมเปียนชิพ ตั้งแต่วันที่ 8 – 11 พฤศจิกายนนี้ ร่วมเชียร์ “โปรช้าง - ธงชัย ใจดี” สร้างผลงานแข่งกับโปรระดับโลก
ศึก'อินเตอร์ฯ ซีรีส์ แรงกิ้ง' ดุเดือด เพื่อสิทธิลุย 'ลิฟ กอล์ฟ โปรโมชันส์'
การชิงชัยอันดับในตารางคะแนนสะสมอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ แรงกิ้ง เพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น เมื่อมีการประกาศยืนยันให้สิทธิ์นักกอล์ฟที่ทำผลงานใน 32 อันดับแรก เข้าร่วมแข่งขันในศึกลิฟ กอล์ฟ โปรโมชันส์ ปีที่สอง ณ สนามริยาด กอล์ฟ คลับ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อลุ้นตั๋วเข้าไปเล่นในลิฟ กอล์ฟ ลีก ฤดูกาลหน้า
'อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์' บริจาคเงินให้มูลนิธิอรุณเจิดจรัส เพื่อเด็กไทยที่ด้อยโอกาส
ฝ่ายจัดการแข่งขันกอล์ฟอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับมูลนิธิอรุณเจิดจรัส (Bright Dawn Foundation) จำนวน 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 827,000 บาท เป็นครั้งที่สาม เพื่อสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิในการการพัฒนาชีวิตเด็กไทยในครอบครัวที่มีรายได้น้อยในชนบทของอำเภอหัวหิน ด้วยการสนับสนุนบริการด้านการดูแลสุขภาพ และการสนับสนุนด้านการศึกษาแก่โรงเรียนประถมจำนวน 5 แห่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการบริจาคดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการแข่งขันกอล์ฟอินเตอร์เนชันแนล ซีส์ ไทยแลนด์ ณ สนามไทยคันทรีคลับ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กลับมาอีกครั้ง 'สิงห์โอเพ่นจูเนียร์' ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เก่าแก่สุดของไทย
การแข่งขันกอล์ฟรายการ “สิงห์โอเพ่นจูเนียร์” เป็นการแข่งขันกอล์ฟประเภททีมที่ยาวนานที่สุดของประเทศไทย เริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกตั้งแต่ปีพ.ศ. 2505 โดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมมือกับ สโมสรกอล์ฟหลวงหัวหิน จัดการแข่งขันกอล์ฟประเพณีระบบ STABLEFORD โอเพ่นจูเนียร์ ประเภททีมชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ต่อเนื่องติดต่อกันทุกปีจนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 61
'เชห์-โป'พลิกคว้าแชมป์ 'อินเตอร์ฯ ซีรีส์ ไทยแลนด์' โปรไทยดีสุดอันดับ12ร่วม
ลี เชห์-โป นักกอล์ฟจากไต้หวัน พัตต์เบอร์ดี้จากระยะ 15 ฟุตที่หลุมสุดท้าย จบเกมด้วยสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 63 รวม 21 อันเดอร์พาร์ 259 เฉือน ปีเตอร์ ยูไลน์ ดาวดังจากลิฟกอล์ฟชาวอเมริกัน เพียงสโตรคเดียว คว้าแชมป์อินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ที่สนามไทยคันทรีคลับ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้านกัญจน์ เจริญกุล, แดนไท บุญมา, อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ และ รฐนน วรรณศรีจันทร์ เป็นโปรไทยผลงานดีสุดจบอันดับ 12 ร่วมสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 265
'ยูไลน์'ทิ้ง3สโตรค ลุ้นแชมป์'อินเตอร์ฯ ซีรีส์ ไทยแลนด์' ส่วน'เด่นวิทย์'ที่7ร่วม
ปีเตอร์ ยูไลน์ ผู้เล่นจากลิฟกอล์ฟลีกชาวอเมริกัน จบรอบสามด้วยสกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 193 โดยมีกลุ่มผู้เล่นอันดับอันดับสองร่วมอย่าง มาเวอริค แอนท์คลิฟฟ์ จากออสเตรเลีย, อาห์เม็ด บาอิค จากปากีสถาน, เรย์ฮาน โธมัส จากอินเดีย, ชาร์ลี ลินด์ จากสวีเดน, ลี ไช่-โป จากไต้หวัน ตามหลังสามสโตรค ในการแข่งขัน อินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ที่สนามไทยคันทรีคลับ พาร์ 70 จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์ เป็นโปรไทยผลงานดีสุดที่สกอร์ 13 อันเดอร์พาร์ 197 อยู่อันดับ 7 ร่วม