'แมนฯ ซิตี' บุกต้อน 'เชลซี' 2-0 เปิดหัวพรีเมียร์ ลีก คว้า 3 คะแนน

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี เอาชนะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 2-0 ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดเปิดฤดูกาล 2024/25 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม

เกมผลัดกันรุกและรับกระทั่งนาที 18 แชมป์เก่า ขึ้นนำ 1-0 เออร์ลิง ฮาแลนด์ เลี้ยงแหวก ลีวาย โคลวิลล์ กับ มาร์ค คูคูเรยา แล้วยิงหักข้อด้วยซ้ายข้างถนัดแบบนิ่มๆ ฉลองการลงเล่นนัดที่ 100 และเป็นประตูที่ 91 นับตั้งแต่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปี 2022 ถัดมานาที 37 เจเรมี โดกู ส่องไกลด้วยขวาแฉลบ เวสลีย์ โฟฟานา บอลกำลังจะมุดลง โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวาร บินปัดข้ามคาน

กองเชียร์ “เดอะ บลูส์” ส่งเสียงเฮเก้อ นาที 44 เอแดร์สัน นายทวาร ตะปบลูกยิงไกลของ โคล พาลเมอร์ ไม่ติดมือ แจ็คสัน มาร์ติเนซ ซ้ำตุงตาข่าย แต่ถูกวิดีโอช่วยตัดสิน (VAR) ริบคืน เนื่องจากล้ำหน้า เริ่มครึ่งหลังนาที 61 โรเมโอ ลาเวีย โหม่งหนุนจากแถวสองให้ แจ็คสัน มาร์ติเนซ กลับตัวดีดจ่อๆ ตรงตัว เอแดร์สัน

ทีมของ เอ็นโซ มาเรสกา ขาดทีเด็ดตรงพื้นที่สุดท้าย ก่อนถูกตอกฝาโลงนาที 84 มาเตโอ โควาซิช ดักบอลกลางสนาม กระชากมาบริเวณหัวกะโหลก แล้วปั่นด้วยขวายัดเสาแรก ตามหลัง 0-2 จบเกม แมนฯ ซิตี เก็บ 3 แต้ม จาก 1 นัด ขณะที่ เชลซี ไม่มีแต้ม

รายชื่อ 11 ตัวจริง

เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ, ลีวาย โคลวิลล์, เวสลีย์ โฟฟานา, มาร์ค คูคูเรยา, มาโล กุสโต, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, โรเมโอ ลาเวีย, มอยเซส ไคเซโด, นิโคลัส แจ็คสัน, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, โคล พาลเมอร์

แมนฯ ซิตี (3-2-4-1) : เอแดร์สัน, รูเบน ดิอาส, ยอสโก กวาร์ดิโอล, มานูเอล อคานจี, มาเตโอ โควาซิช, ริโก ลูอิส, เจเรมี โดกู, ซาวินโญ, เออร์ลิง ฮาแลนด์, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด ซิลวา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เรือใบ' ประกาศผลประกอบการ ทำรายได้สูงสุดเป็นสถิติ 715 ล้านปอนด์

แมนเชสเตอร์ ซิตี ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ พร้อมสนับสนุนงบประมาณเสริมทัพแก่ โจเซป กวาร์ดิโอล่า เฮดโค้ชชาวสแปนิช ในตลาดมกราคม 2025 เมื่อประกาศผลประกอบการณ์รอบปีที่ผ่านมาทำรายได้สูงสุดประวัติศาสตร์อังกฤษ 715 ล้านปอนด์

สื่ออังกฤษเผย สอบสวน 115 คดี 'เรือใบ' เสร็จสิ้น การตัดสินอาจลากยาวถึงปีหน้า

การพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับกฎการเงิน ทั้ง 115 คดีของ พรีเมียร์ลีก ต่อทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ได้สิ้นสุดลงแล้วในตอนนี้ตามรายงานของ เดลีเมล สื่อชื่อดังในอังกฤษ