ขุนพล "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ผ่านด่าน "อัศวินสีส้ม" เนเธอร์แลนด์ส มาแบบหืดจับสุดๆ เมื่อได้ประตูชัยจาก โอลลี วัตกินส์ ซูเปอร์ซับที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง ก่อนพลิกบอลยิงลูกสำคัญช่วงทดเจ็บพาทีม "ขวัญใจมหาชน" เข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 ได้อย่างทุลักทุเลสุดๆ
แฟนบอลทีมชาติอังกฤษเองยังคงงุนงง และขยี้ตา ว่าทีมรักของพวกเขามาไกลถึงรอบชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 ปีติดได้อย่างไร โดยกลายเป็นชาติที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในนัดชิงฯ 2 หนติดต่อกัน ต่อจาก สหภาพโซเวียต, เยอรมนี และสเปน
ทรงบอลของ อังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะบอกว่าย่ำแย่ถึงขั้นห่วยแตกเลยไหม ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นรูปแบบการเล่นที่น่าเบื่อสุดๆ เกมรุกไม่มีความหลากหลาย และมักจะพึ่งพาความสามารถของนักเตะอยู่บ่อยๆ แถมการแก้เกมบางครั้งก็ขัดใจแฟนบอลเสียด้วย
อย่างไรก็ตาม เซาธ์เกต ก็ถือเป็นกุนซือมือทองไม่ใช่น้อย เพราะหลายแมตช์ที่แม้แฟนบอลจะมองว่าเขาแก้เกมได้ขัดใจ แต่ก็มักเปลี่ยนตัวผู้เล่นลงไปถูกที่ถูกเวลาเสมอ เช่น รอบตัดเชือกล่าสุดก็เปลี่ยน โอลลี วัตกินส์ ลงไปยิงประตูชัย
ย้อนกลับไปในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็เปลี่ยน อีวาน โทนีย์ ลงไปยืนหน้าคู่กับ แฮร์รี เคน ซึ่งกองหน้าจากเบรนท์ฟอร์ด ก็โหม่งชงแอสซิสต์ให้หัวหอกบาเยิร์น มิวนิค โขกเหน่งๆ เป็นประตูชัยช่วงต่อเวลาพิเศษให้ทีมเฉือน สโลวาเกีย หวุดหวิด 2-1
ขณะเดียวกันหลายคนก็ยังแซวกันอีกว่า อังกฤษ ที่เกือบจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ในหลายๆเกม มักจะกลับมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เช่น รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดน บรีล เอ็มโบโล กองหน้าสวิส ยิงประตูนำในช่วงเกือบ 10 นาทีสุดท้าย แต่พวกเขาก็ตีเสมอได้ทันควันทั้งๆที่ทั้งเกมแผงรุกของพวกเขาแทบทำอะไรคู่แข่งไม่ได้
หรือในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ตามหลังสโลวาเกียจนครบ 90 นาทีเศษ แต่ก็มาได้ลูกยิงจักรยานอากาศปาฏิหาริย์ของ จู๊ด เบลลิงแฮม รอดตายแบบหวุดหวิด เป็นที่มาของลูกโขกเหน่งๆจากแฮร์รี เคน ในช่วงต่อเวลาพิเศษอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า
ส่วนในเกมเจอ เนเธอร์แลนด์ส รอบรองชนะเลิศ พวกเขาโดน "อัศวินสีส้ม" ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 นาทีแรก แต่ก็มาได้จุดโทษ เมื่อ แฮร์รี เคน โดนเดนเซล ดุมฟรีส์ แบ็คขวาดัตช์ยันไปที่หน้าแข้งตอนที่ยิงบอลไปแล้ว ซึ่งจังหวะนี้กูรูชื่อดัง ทั้ง อลัน เชียเรอร์ และแกรี ลินิเกอร์ ต่างมองเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่สมควรจะได้จุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไปดู VAR ก็เป่าให้ เป็นที่มาของลูกตีเสมอ 1-1 กลับเข้าสู่เกมได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งหากเรามากางดูรวมๆ ในทัวร์นาเมนต์นี้แล้ว อังกฤษ ไม่เคยเจอคู่แข่งที่เป็นทีมใหญ่เลย ไล่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ไม่นับรอบตัดเชือกที่ผ่านมา แข็งสุดคงจะเป็นเดนมาร์ก นอกนั้นที่พวกเขาเจอ คือ เซอร์เบีย, สโลวีเนีย, สโลวาเกีย และสวิตเซอร์แลนด์ โดยคู่แข่งที่ควรจะมาอยู่สายล่าง อย่าง ฝรั่งเศส หรือเบลเยียม ก็ดันพลาดเองไปอยู่สายบนกันหมด
แต่ก็ใช่ว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะไม่มีความดีความชอบอยู่เลย เพราะถ้าเขาไม่มีดีจริง คงไม่พา อังกฤษ เข้าชิงฯ ทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์ยุโรป 2 หนติดต่อกัน ทั้ง ยูโร 2020 และยูโร 2024 ความสำเร็จนี้คงไม่ได้อยู่ที่โชคอย่างเดียว โดยมีรายงานจาก "เดอะ เทเรกราฟ" สื่อชื่อดัง ว่าเขาจะถูกแต่งตั้งยศพระราชทานเป็น “เซอร์ แกเร็ธ เซาธ์เกต” ถ้าทีมชาติอังกฤษสามารถคว้าแชมป์ยูโรได้ หรือถ้าไม่สามารถคว้าแชมป์มาครอง ก็อาจได้รับการแต่งตั้งเช่นกัน
คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศของอังกฤษหนนี้ เปลี่ยนจาก อิตาลี เมื่อครั้งก่อน มาเป็น สเปน ก็ต้องบอกว่าเป็นด่านที่หินที่สุดเท่าพวกเขาเคยเจอมา แถม "กระทิงดุ" ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ เด ลา ฟอนเต ชุดนี้ ฟอร์มกำลังเปรี้ยงปร้างเสียด้วย ผู้เล่นแน่นปึ้กทุกขุมกำลัง ลำพังจะอาศัยโชคอย่างเดียวคงช่วยได้ยาก
นัดชิงชนะเลิศในคืนวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ เปรียบเสมือนตัวชี้วัดความสามารถของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ว่า กึ๋นดีจริง หรืออาศัยแค่ดวง และโชคช่วย ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถปราบ สเปน ได้แบบไร้ที่ติด ไร้ข้อกังขา แฟนบอลก็คงจะสรรเสริญเยินยอ ท่านเซอร์ แกเร็ธ เซาธ์เกต อย่างแน่นอน