ขุนพล "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี เจ้าภาพประจำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2024" ไปไม่ถึงฝั่งฝันในการลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง ณ สังเวียนเอ็มเอชดี อารีน่า, สตุ๊ตการ์ต
เกมดังกล่าว เยอรมนี ภายใต้การคุมทัพของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ มีรูปเกมที่ไม่ได้ขี้เหร่ ครองบอลสูสีกับ สเปน แถมมีจังหวะจบสกอร์ที่ได้ลุ้นมากกว่าคู่แข่งด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่เฉียบคมกันเอง
จริงๆต้องบอกว่าตั้งแต่รอบแรกในศึกยูโร 2024 เกมรุกของพวกเขาดุดันเป็นอย่างมาก ยิงคู่แข่งไปถึง 8 ประตู มากสุดในทัวร์นาเมนต์ และรอบ 16 และ 8 ทีมสุดท้าย ก็ยิงคู่แข่งไป 3 ประตู รวมแล้วทำได้ 11 ประตู
เกมรุกของ "อินทรีเหล็ก" ชุดปัจจุบัน ต้องบอกว่าเป็นสายเลือดใหม่ นำทัพโดยผู้เล่นอายุน้อยที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ทั้ง จามาล มูเซียลา ของบาเยิร์น มิวนิค และฟลอเรียน เวียร์ตซ์ จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
รวมไปถึง ไค ฮาแวร์ตซ์ และเลรอย ซาเน ที่มักเป็นขาประจำที่จะถูก นาเกลส์มันน์ ส่งลงสนามในช่วงหลัง ก็ถือว่ามีผลงานในระดับทีมชาติที่สอบผ่าน แม้ผลงานในระดับสโมสรอาจไม่โดดเด่นเท่าไหร่นักใน 2 รายหลัง
การสิ้นสุดเส้นทางในยูโร 2024 ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการทำทีมของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ แม้จะมีแฟนบอลเมืองเบียร์บางส่วนอยากให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะล้มเหลวในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ
อย่างไรก็ตามต้องอย่าลืมว่า เยอรมนี ชุดนี้ กำลังผลัดเปลี่ยนสายเลือดใหม่ แข้งเก๋า ทั้ง โทนี โครส, โธมัส มุลเลอร์ เล่นยูโรเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต เพราะฉะนั้น นาเกลส์มันน์ โค้ชหนุ่มวัย 36 ปี ที่เพิ่งเข้ามาทำทีมเมื่อปีก่อนก็ควรจะได้รับโอกาสต่อไป
ซึ่งดูแล้ว นาเกลส์มันน์ ก็น่าจะได้รับโอกาสกุมบังเหียนต่อ เหมือนกับที่ "เดเอฟเบ" เคยให้โอกาส ฮันซี ฟลิค ที่ทำทีมล้มเหลวตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2022 แต่ก็ได้ทำทีมต่อมาจนถึงปี 2023 ซึ่งสุดท้ายก็ไปไม่รอด เพราะทรงบอลไปต่อไม่ไหวจริงๆ
ที่ควรจะโฟกัสหลังจากนี้คือศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่ 3 ชาติคอนคาเคฟ ทั้ง สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีการเล่นรอบคัดเลือก โซนยุโรป ในช่วงปี 2025 เป็นต้นไป
กว่าจะถึงเวลานั้นบรรดาดาวรุ่งของทัพ "อินทรีเหล็ก" หลายต่อหลายคน กำลังสุกงอมได้ที่ น่าจะประสานงานกับนักเตะจอมเก๋าหลายคนได้อย่างลงตัว และอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าในศึกยูโร 2024 ก็ได้
ฉะนั้นสิ่งแรกที่ "เดเอฟเบ" หรือ สมาพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี ควรจะทำ คือการให้คำมั่นกับ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ว่าจะได้คุมทีมต่อไปแม้จะผิดหวังในยูโรหนนี้ก็ตาม เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าการเปลี่ยนโค้ชบ่อยๆ บางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไร เผลอๆ จะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ
หลังจากนี้ เยอรมนี น่าจะกลับมาเป็นทีมที่น่ากลัวอีกครั้งในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เวิลด์ คัพ 2026 จะเป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะให้พวกเขาได้พิสูจน์ว่า "อินทรีเหล็ก" ที่เคยยิ่งใหญ่ จะกลับมาทวงบัลลังก์ของเขาคืนได้อีกครั้งหรือไม่