คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย นำโดย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ พลตำรวจโท ชัยวัฒน์ โชติมา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทยร่วมกันแถลงข่าว การแข่งขันมวยสากลระดับโลกเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก (สนามที่ 2 ประเทศไทย)” หรือ 2nd World Qualifying Tournament Boxing Road To Paris – Bangkok ขึ้น ณ ห้องประชุม ชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย
สำหรับรายการนี้มีประเทศที่ลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขัน 144 ประเทศ มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่กว่า 1,460 คน จากทั่วโลกกับการแข่งขันรอบคัดเลือกสนามสุดท้ายในการชิงตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ซึ่งสนามสุดท้ายนี้จัดชกวันที่ 24 พฤษภาคม – 2 มิถุนายนนี้ ณ สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก กรุงเทพฯ โดยจะมีโควต้าให้ชิงชัยกันทั้งหมด 51 คน แบ่งเป็นผู้หญิง 23 คน และผู้ชาย 28 คน
สำหรับประเทศไทยนั้นมีนักกีฬาที่คว้าโควต้าโอลิมปิกเกมส์ 2024 แล้วทั้งสิ้น 6 คน ชาย 2 หญิง 4 ได้แก่ 1. สิบตำรวจโท ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด / รุ่น 51 กิโลกรัมชาย 2. นายบรรจง สินศิริ / รุ่น 63.5 กิโลกรัมชาย 3. เรือตรีหญิง จุฑามาศ รักสัตย์ / รุ่น 50 กิโลกรัมหญิง 4. จ่าอากาศตรีหญิง จุฑามาศ จิตรพงศ์ / รุ่น 54 กิโลกรัมหญิง 5. นางสาวธนัญญา สมนึก / รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง และ 6. จ่าอากาศตรีหญิง จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง รุ่น 66 กิโลกรัมหญิง
ส่วนสนามนี้ มี 6 ขุนพลกำปั้นไทยที่ขึ้นชกชิงตั๋วโอลิมปิกในสนามสุดท้ายนี้อีก 6 รุ่น แบ่งเป็นชาย 4 รุ่นและหญิง 2 รุ่น ได้แก่ 1. จ่าโท รุตชการญ์ จันทร์ตรง รุ่น 57 กิโลกรัมชาย /2. สิบตำรวจโท พีรภัทธ์ เยียะสูงเนิน รุ่น 71 กิโลกรัมชาย /3. สิบตำรวจโท วีระพล จงจอหอ รุ่น 80 กิโลกรัมชาย /4. อาสาสมัครทหารพราน จักรพงศ์ ยมโคตร รุ่น 92 กิโลกรัมชาย /5. จ่าตรีหญิง นิลาวัลย์ เตชะสืบ รุ่น 57 กิโลกรัมหญิง และ 6. สิบตำรวจโทหญิง ใบสน มณีก้อน รุ่น 75 กิโลกรัมหญิง
ซึ่งในช่วงการจัดแข่งขัน นอกจากกิจกรรมหลักแล้วภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษให้แฟนหมัดมวยได้ร่วมชม และร่วมสนุกกันอย่างมากมาย อาทิ นิทรรศการมวยสากล (Boxing History Exhibition), นิทรรศการประกวดภาพวาด (Paintings Contest Exhibition), กิจกรรมกีฬาต่างๆ (The Boxing Playground) เช่น เกมต่อยมวย (VR Boxing), เกมชกมวย (Punch Boxing) และกิจกรรมเพ้นท์หน้าเชียร์มวย รวมถึง กิจกรรมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่เตรียมไว้ต้อนรับกองเชียร์ชาวไทยอีกมากมาย
ทั้งนี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง / รองประธานกรรมการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะนายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก กล่าวถึงความพร้อมในครั้งนี้ว่า
“เกินร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วครับ สำหรับเรื่องหลักๆ นั้นเราเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้วสำหรับ การแข่งขันระดับโลกที่มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่กว่า 1,460 คน จาก 144 ประเทศทั่วโลก และกว่า 25 ประเทศขอเดินทางมาเก็บตัวก่อนเป็นเดือนๆ เพราะต้องการปรับสภาพอากาศ เราก็อำนวยความสะดวกให้อย่างดีในฐานะเจ้าภาพ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนช่วยให้งานนี้ออกมาน่าพอใจมากๆ วันนี้ก็เหลือแต่เรื่องติดตามผลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ผมมั่นใจว่าการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะออกมาเป็นที่พอใจและประทับใจทุกภาคส่วนครับ"
"สำหรับผลงานของนักกีฬาไทยนั้น ต้องบอกก่อนเลยว่าโอลิมปิกเป็นกีฬาที่คนไทยเฝ้ารอคอยมากที่สุด โดยเฉพาะกีฬามวยเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอย่างมากถึงแม้ปัจจุบันนี้ต่างชาติจะหันมาพัฒนากีฬามวยสากลให้ยกระดับขึ้นมา ดังนั้น การที่เราได้สิทธ์เข้าควอลิฟายหรือมีสิทธิ์เข้าไปแข่งโอลิมปิกก็ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว ซึ่งเป้าหมายในครั้งนี้นอกจากเหรียญโอลิมปิกแล้ว สิ่งสำคัญคือได้สร้างชื่อเสียงให้ทั่วโลกรู้ว่าประเทศไทยสามารถจัดการได้แข่งขันในระดับนานาชาติได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือการสร้างความมั่นใจว่าเรามีจำนวนนักมวยที่ได้สิทธิ์ควอลิฟายมากที่สุดประเทศหนึ่งอย่างที่เราตั้งเป้าไว้"
"ท้ายนี้ ผมขอให้นักกีฬาทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อคว้าสิทธิ์ไปหยิบเหรียญโอลิมปิก 2024 มาฝากพี่น้องชาวไทยให้ได้ ทางสมาคม สตาฟโค้ช และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมให้การสนับสนุน เต็มที อย่างไรก็ขอเชิญพี่น้องชาวไทยเข้ามาเชียร์มาชมนักกีฬาไทยกันเยอะๆ นะครับเราเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมถึง 2 มิถุนายนนี้ ที่สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ครับ” นายพิชัย กล่าว
ด้าน พ.ต.ท. วิจารณ์ พลฤทธิ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนมวยสากลหญิงทีมชาติไทย ได้กล่าวถึงความคาดหวังในครั้งนี้ว่า “ เราเตรียมตัวมานานแล้วสำหรับโอลิมปิกที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะสนามที่ประเทศไทยซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายกับตั๋วไปปารีส ต้องยอมรับเลยว่านักกีฬาของเราซ้อมหนักทุกวันครับ เราวางโปรแกรมไว้คือตอนเช้าเราซ้อมประมาณ 06:00 - 08:00 น. ครับ แล้วก็ช่วงบ่าย 15:00 - 17:00 น. เป็นเช้า 2 ชั่วโมง บ่าย 2 ชั่วโมง ก็เราวางโปรแกรมไว้ทั้งเทคนิกทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยทุกอย่างทำให้เราแข็งแรงขึ้น แข็งแกร่งขึ้นครับ แล้วก็น้อง ๆ นักกีฬาก็สู้มากตั้งใจเต็มที่ทุกคนมีความมุ่งมั่นกับโอลิมปิกในครั้งนี้มากๆ"
"ตอนนี้เรามีนักกีฬาที่ผ่านไปโอลิมปิกแล้ว 6 คนเหลืออีกคนได้ลุ้นกันในสนามนี้ผมหวังไว้ว่าเราจะได้นักกีฬาไทยตีตั๋วไปปารีสเพิ่มอีกแน่นอน ไม่ 2 ก็ 3 คนแน่นอนครับ”
ส่วน ร.ต.สุฤทธิ์ ยิ่งกำแหง หัวหน้าผู้ฝึกสอนมวยสากลชายทีมชาติไทย กล่าวว่า “สำหรับนักมวยชายเรายังมีหวังอีก 4 รุ่น ที่จะได้ลุ้นคว้าสิทธิ์ไปชิงเหรียญโอลิมปิกกับสนามที่บ้านเราซึ่งได้เปรียบทั้งเสียงเชียร์และสภาพอากาศ ผมว่าเราคงทำผลงานออกมาได้ดี ที่สำคัญเรานำประสบการณ์ตอนที่ไปแข่งคัดรอบแรกที่อิตาลีมาปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาศักยภาพ สมรรถนะภาพของนักกีฬาของเราให้ดีขึ้น ที่สำคัญเราได้เห็นผลงานคู่แข่งมาเกือบหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับนักกีฬาของเราจะทำสำเร็จตามเป้าได้หรือไม่ต้องมาช่วยกันเชียร์นะครับ บอกเลยว่าเรามีลุ้นในทุกรุ่น”