'พีจีเอทัวร์'กับสถิติน่าสนใจเดือนมี.ค. 'เชฟเฟลอร'ป้องกันแชมป์เดอะเพลเยอร์ส 'มัลนาติ'ฉลองชัย

ปีเตอร์ มัลนาติ (ภาพ: Getty Images)

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใดนักสำหรับแฟนกีฬากอล์ฟกับสถิติการหวดรอบสุดท้ายของ สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ซึ่งไม่เคยตีสูงกว่าสกอร์ 68 ในการแข่งขันทุกรายการในปีนี้ และโปรกอล์ฟมือหนึ่งของโลกคว้าแชมป์อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชันแนล ที่เบย์ฮิลล์ ในสัปดาห์ก่อนลงป้องกันแชมป์ที่เดอะเพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ที่ปอนเต เวดรา บีช ฟลอริด้า

อย่างไรก็ตาม เชฟเฟลอร์ มีสกอร์ตามหลัง ซานเดอร์ ชาฟเลเล่ ถึง สโตรก เมื่อเข้าสู่การแข่งขัน 18 หลุมสุดท้ายของรายการเดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยชนะสำเร็จอีกครั้งที่สนามทีพีซี ซอว์กราส โดยทำไป เบอร์ดี้ อีเกิ้ล ปิดฉากที่สกอร์  64 เป็นสถิติสกอร์ต่ำสุดในการแข่งขันรอบสุดท้ายของแชมป์เดอะ เพลเยอร์ส เทียบเท่ากับที่ เดวิส เลิฟ เดอะ เธิร์ด ทำได้ในปี 2003 และเฟร็ด คัพเพิลส์ ในปี 1996 ทั้งยังทาบสถิติ เฮนริก สเตนสัน ในปี 2009 และจัสติน เลียวนาร์ด ในปี 1998 ในการคัมแบ็คคว้าชัยโดยมีสกอร์ตามหลังมากสุดที่สุดที่สเตเดี้ยม คอร์ส ทีพีซี ซอว์กราส

ไม่เพียงเท่านั้น เชฟเฟลอร์ ยังเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่ป้องกันแชมป์เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ โดยเมื่อปีก่อนเขามีสกอร์นำอยู่ สโตรก เมื่อเข้าสู่รอบสุดท้าย และปิดฉากด้วยสกอร์ 69 ก่อนเอาชนะคู่แข่ง สโตรก ขณะเดียวกันเชฟเฟลอร์ ยังเป็นนักกอล์ฟเพียงคนเดียวที่ทำผลงานตลอดการแข่งขันสี่รอบด้วยสกอร์ระดับ 60s สโตรก บนสนามที่แสนท้าทายจากผลงานการออกแบบชิ้นเอกของพีท ดาย ในการแข่งขันทั้งสองปี

ตัวแปรสำคัญที่นำเชฟเฟลอร์สู่ชัยชนะทั้งสองครั้งคือแม่นแฟร์เวย์ แม่นกรีน และพัตต์คม เขามีสถิติ  Strokes Gained: Tee to Green  +15.88 เป็นสถิติดีที่สุดอันดับ ของตำแหน่งแชมป์รายการนี้ ส่วนอันดับหนึ่งคือ +17.17 ซึ่งเชฟเฟลอร์ ทำได้ในการคว้าแชมป์ปี 2023 โดยรอบสุดท้ายทำได้ +6.47 ก็เป็นสถิติที่ดีที่สุดต่อรอบเช่นกัน

สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ราชาแห่งเบย์ ฮิลล์

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลอย่างรวดเร็วสำหรับ สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ที่เมื่อไม่นานมานี้เขาตัดสินใจเปลี่ยนพัตเตอร์ โดยโปรกอล์ฟหนุ่มจากเท็กซัส เลือกใช้พัตเตอร์ TaylorMade Spider X ในการแข่งขันรายการอาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเตชั่นแนล ที่เบย์ฮิลล์ คลับ แอนด์ ลอดจ์  และมีสถิติการพัตต์ที่เฉียบคม รั้งอันดับ ของสนาม โดยมีสถิติ Strokes Gained: Putting ในรอบสุดท้าย อยู่ที่ +3.892 ซึ่งเขาปิดฉากด้วยสกอร์ 66 คว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ และเป็นสถิติ   SG: Putting ต่อรอบที่ดีที่สุดของเขา นับตั้งแต่ทำได้ในการแข่งขันรอบที่สอง รายการไชร์เนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น ในปี 2021 และเป็นสถิติดีที่สุดอันดับ ของพีจีเอทัวร์ ในรอบสองปีที่ผ่านมา 

ตลอดสัปดาห์ เชฟเฟลอร์ มีสถิติ  Strokes Gained: Putting อยู่ที่ 4.347 เป็นสถิติที่ดีที่สุดของเขาในการเล่น 72 หลุม นับตั้งแต่คว้าแชมป์แรกที่รายการ ดับเบิลยูเอ็ม ฟีนิกซ์ โอเพ่น โดยพัตต์ลงทั้ง 17 ครั้งในระยะ 15 ฟุต 

เชฟเฟลอร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วง หลุมสุดท้ายที่สนามเบย์ฮิลล์ ทำได้ 13 อันเดอร์ เป็นสกอร์ต่ำสุดในทุกสนาม เขารั้งอันดับ ของสนามหรือดีกว่า ในส่วนของค่าเฉลี่ย Strokes Gained: Off the Tee, Approach the Green และ Putting และStrokes Gained: Total  +12.33

ปีเตอร์ มัลนาติ ยุติการรอคอยที่ยาวนาน 3,095 วัน คว้าแชมป์วัลสปาร์

แน่นอนว่า ปีเตอร์ มัลนาติ คือนักกอล์ฟนอกสายตากหากพูดถึงตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์วัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ ไม่เพียงเท่านั้น โปรกอล์ฟวัย 36 ปียังมีผลงานผ่านตัดตัวมาเพียง ครั้ง ในการลงเล่น รายการก่อนหน้านี้ และครั้งหลังสุดที่เขาได้แชมป์พีจีเอทัวร์ ก็ต้องย้อนกลับไปปี 2015 รวมระยะเวลา 3,095 วัน

แต่มัลนาติ เอาชนะความท้าทายของสนามคอปเปอร์เฮด คอร์ส ในอินนิสบรูก รีสอร์ท ในการเล่น หลุมสุดท้าย หรือ “Snake Pit” ทำสกอร์ อันเดอร์พาร์ โดยเฉพาะการเก็บเบอร์ดี้ระยะ ฟุต ที่หลุม 17 พาร์ มีความสำคัญมาก เนื่องจากคู่แข่งที่มีสกอร์ใกล้ที่สุดพลาดเสียโบกี้ในหลุมสุดท้าย

โดยก่อนหน้านี้มีเพียง วีเจย์ ซิงห์ ที่ทำสกอร์ได้ดีกว่ามินัลติ ในการเล่นใน Snake Pit คือตี อันเดอร์ เมื่อครั้งคว้าแชมป์รายการนี้ในปี 2004 ขณะเดียวกันมัลนาติ ยังเป็นแชมป์วัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ คนที่ ที่ไม่เสียโบกี้ในการปิดฉากที่แสนท้าทายของสนาม และทำได้เยี่ยมในหลุมพาร์ โดยเก็บได้ 11 อันเดอร์พาร์ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.69 และเปอร์เซนต์การทำเบอร์ดี้ หรือดีกว่า ในหลุมพาร์ ก็รั้งอันดับ ของสนาม

 สตีเฟ่น เยเกอร์ ชื่นมื่นฉลองชัยที่เท็กซัส

สตีเฟ่น เยเกอร์ ทราบดีว่าทำอย่างไรจะตีให้สกอร์ต่ำสุด เพราะเขาเคยตี  58 สโตรก หนึ่งครั้งในการคว้าแชมป์ รายการในคอร์นเฟอร์รี่ และหากโปรหนุ่มวัย 34 ปีจะคว้าแชมป์แรกในพีจีเอทัวร์ ในการเล่น หลุมหลังของการแข่งรอบสุดท้ายรายการเท็กซัส ชิลเดรนส์ ฮิวส์ตัน โอเพ่น โดยร่วมก๊วนเดียวกับมือหนึ่งของโลกอย่าง สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามเมโมเรียล ปาร์ก เยเกอร์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในฐานะผู้นำร่วม คน และทำสกอร์ 32 ในช่วง หลุมหลัง คว้าแชมป์ไปครองโดยเฉือนชนะเชฟเฟลอร์สโตรกดียว แต่ก็มีหวาดเสียวเช่นกันเมื่อเชฟเฟลอร์ ที่กำลังลุ้นคว้าแชมป์สามรายการติดต่อกัน มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้ระยะ  ฟุตเพื่อตีเสมอแล้วไปลุ้นเพลย์ออฟ

เยเกอร์เป็นผู้เล่นคนที่ นับตั้งแต่ปี 2017 ที่คว้าแชมป์จากการเล่น หลุมหลัง โดยมีค่าเฉลี่ย Strokes Gained: Putting +1.60 ซึ่งเป็นผลงานดีที่สุดลำดับที่ ของเขาในการลงเล่น 135 รายการในพีจีเอทัวร์ โปรกอล์ฟจากเมืองมิวนิค  ซึ่งปัจจุบันมาอยู่ที่คัตตานูกา ในรัฐเทนเนสซี่ ที่เขาเรียนในระดับวิทยาลัย กลายเป็นนักกอล์ฟเยอรมันคนที่สี่ต่อจาก เบิร์นฮาร์ต ลังเกอร์, มาร์ติน คายเมอร์ และอเล็กซ์ เซจก้า ที่คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ เขายังเป็นผู้เล่นคนที่ ที่คว้าแชมป์รายการแรกในปีนี้ และเป็นผู้เล่นต่างชาติคนที่ ที่มาได้แชมป์ในทัวร์ของสหรัฐอเมริกา

 ออสติน เอคโครท คว้าแชมป์คอกนิแซนต์ คลาสสิค

ครั้งหลังสุดที่ ออสติน เอ็คโครท คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์คือปี 2019 ในรายการคิวเรนเซีย คาโบ คอลลิเกต เมื่อเขาเป็นนักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยโอกลาโฮมา สเตท และมาทำสำเร็จอีกครั้งที่ปาล์มบีช ในการแข่งขันรายการคอกนิแซนต์ คลาสสิค ซึ่งเจอพิษฝนเล่นงานต้องเลื่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายมาแข่งต่อในวันจันทร์

โปรกอล์ฟวัย 25 ปีมีสกอร์นำอยู่หนึ่งสโตรก หลังแข่งไปได้ หลุมที่สนามพีจีเอ เนชั่นแนล ในวันอาทิตย์ ก่อนต้องหยุดแข่งเนื่องจากฝนกระหน่ำ และมาแข่งต่อในเช้าวันจันทร์ ซึ่งเอ็คโครท ขึ้นนำตลอดก่อนคว้าแชมป์ด้วยชัยชนะเหนือคู่แข่ง สโตรก ในการแข่งขันรายการที่ 50 ของเขาในพีจีเอทัวร์ นักกอล์ฟจากพีจีเอทัวร์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ปิดฉากสัปดาห์ด้วยสถิติกรีนอินเรกูเลชันส์ อันดับ โดยตีออน 59 หลุมจาก 72 และรั้งอันดับ แม่นแฟร์เวย์ ตีเข้าแฟร์เวย์ 45 หลุมจาก 56 ส่วนค่าเฉลี่ย  Strokes Gained: Tee to Green +9.01 เป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดของโปรกอล์ฟหนุ่มรายนี้ สถิติ Putts per GIR อยู่อันดับ และอันดับ 6  Putting overall ทำไป 23 เบอร์ดี้ ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดอันดับ ของเขาในการเล่นอาชีพ 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

LPGA-CMEกรุ๊ปขยายเวลาแข่ง 'ทัวร์ แชมเปียนชิพ'เพิ่มอีก2ปี พร้อมรางวัลใหญ่สุด

แอลพีจีเอ และ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ประกาศต่อสัญญาจัดการแข่งขันรายการ “ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ” และ จัดอันดับคะแนนสะสม เรซ ทู เดอะ ซีเอ็มอี โกลบ ขยายเวลาออกไปอีกสองปีจนถึงปี 2027 นับเป็นความร่วมมือสนับสนุนนักกีฬามาตั้งแต่ปี 2011 โดยในปี 2024 จะมีเงินรางวัลรวมเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแชมป์จะได้รับ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากที่สุดของเงินรางวัลแชมป์ในประวัติศาสตร์กอล์ฟหญิง

เชียร์7โปรสาวไทย ร่วมล่าแชมป์'อันนิกาฯ' ชิงกว่า111.4ล้านที่ฟลอริดา

"แพตตี้" ปภังกร ธวัชธนกิจ "พราว" ชเนตตี วรรณแสน พี่น้องจุฑานุกาล โมรียา และ เอรียา จุฑานุกาล พร้อมกับ จัสมิน สุวัณณะปุระ "เปียโน" อาภิชญา ยุบล และ "แจน" วิชาณี มีชัย ร่วมแข่งขันไล่ล่าแชมป์ รายการ ดิ อันนิกา ดริฟเวน บาย เกนบริดจ์ แอท เพลิแคน ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์นี้ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 111.4 ล้านบาท

9โปรสาวไทยนำโดย'อาฒยา' ล่าแชมป์ 'BMWเลดีส์' ที่เกาหลีใต้ชิงกว่า73.3ล้าน

การแข่งขันกอล์ฟแอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ บีเอ็มดับเบิลยู เลดีส์ แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 2.2  ล้านดอลลาร์หรือราว 66.5 ล้านบาท ที่โซวอน วัลเลย์ คันทรี คลับ ในโซวอน ฮิลล์ส จังหวัดกยองกี สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2567 แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม มีนักกอล์ฟเข้าร่วมแข่งขัน 78 คน ไม่มีการตัดตัว เป็นรายการที่สองในสี่รายการของ "เอเชีย สวิง" โดย อี มินจี โปรสาวเชื้อสายเกาหลีจากออสเตรเลียดีกรีแชมป์เมเจอร์เป็นแชมป์เมื่อปีที่แล้วกลับลงป้องกันแชมป์อีกด้วย

ยุโรปหวังเอาชนะสหรัฐ รักษาแชมป์'โซลไฮม์ คัพ' สี่สมัยติด

ทีมนักกอล์ฟสาวยุโรปพร้อมบุกไปเอาชนะสหรัฐอเมริกาในรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อการรักษาแชมป์สี่สมัยติดต่อกัน ในศึกกอล์ฟทีมหญิง โซลไฮม์ คัพ ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน นี้ ด้านทีมสหรัฐอเมริกานั้นแต่ละคนฟอร์มในทัวร์กำลังดี ต่างหวังจะหยุดยุโรปให้ได้

11สาวไทยร่วมล่าแชมป์ 'LPGA'รายการใหม่'FM แชมเปียนชิพ' ที่แมสซาชูเซตส์

"จีโน่" อาฒยา ฐิติกุล, "พราว" ชเนตตี วรรณแสน "เม" เอรียา-"โม" โมรียา จุฑานุกาล พร้อมนักกอล์ฟสาวไทยอีก 8 คน ร่วมไล่ล่าแชมป์รายการแข่งขันใหม่ในโปรแกรมแอลพีจีเอ ทัวร์ “เอฟเอ็ม แชมเปียนชิพ” ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสุดสัปดาห์นี้ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 3.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 129.4 ล้านบาท ประชันวงสวิงกับยอดนักกอล์ฟสาวระดับโลกอีกมากมาย

'โค'แรงแซงคว้าแชมป์ 'AIG วีเมนส์ โอเพ่น'เมเจอร์ท้ายปี 'เอรียา'จบที่ 6

ลิเดีย โค โชว์ฟอร์มแรงสมตำแหน่งเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เมื่อหวดรอบสุดท้ายได้อีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 จบด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 281 แซงคว้าแชมป์ “เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น” เมเจอร์สุดท้ายของปี ที่สนามเซนต์แอนดรูวส์ โอลด์คอร์ส ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่ เอรียา จุฑานุกาล ทำผลงานดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทยที่อันดับ 6